Tuesday, April 30, 2013

๑๑ แผนมังกร

๑๑ แผนมังกร
 
  งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่งดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น  

    งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่นดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น

  " ผมเป็นคนจร เมื่อคิดปักหลักแล้วต้องแลก ขอให้น้องๆ ดูกันไป "

  งานเลี้ยงเลิก เราทั้งหมดขยับขยายแยกย้ายกันกลับเข้าห้องอาบน้ำ ๒ สาวแม่บ้าน เงาะกับอ้อยจัดการเก็บกวาด
ทำความสะอาดห้องรับแขกที่เละจนสะอาดตาเป็นระเยียบเรียบร้อยขึ้น ผมซึ่งละจากวงเมรัยเป็นคนสุดท้าย ตึงเบียร์
เข้าไปหน่อยถือโอกาสแซวแม่เงาะเปลือกขาวระหว่างลำเลียงขวดเบียร์ไปวางไว้มุมห้อง

   " ไม่รู้ว่าเมื่อคือนเพื่อนเริงได้กินเงาะหรือเปล่า "

  จบคำ เธออายม้วนไปเลย ส่วนผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่เงาะทำกิริยาเช่นนั้นได้ แม้หลายวันที่ผ่านมาเธอยังนั่ง
ตากหน้าหาเงินอยู่ในคาเฟ่หน้าตาเฉย

    สองยามแล้ว ภายในห้องเชียร รถถัง เดิมซึ่งผมย้ายตัวเองมาจากห้องที่เคยอยู่ร่วมกับเก๊าตี๋ บัดนี้มืดสนิทแต่ผม
นอนหลับตาไม่ลง ทั้งสมองปั่นป่วนไปหมดจากฤทธิ์เบียร์ จึงลุกไปเปิดหน้าต่างผลายตีนเตียงออกรับลม กลับพบ
เงาตะคุ่ม ๒ ร่างในความมืดใต้ร่มเงามะม่วงที่กุมารจีนม้าเก็งเอ๋านั่งปั้นตัวเองเป็นจิตรกรกำลังกอดกันกลมดิก

   อกเอย..ค่อนราตรีนี้ดั่งเป็นใจให้กับ ๒ สาวหนุ่มบรรเลงลีลารักกันยิ่งนัก เพราะเหนือหัวของเริงกับเงาะเปลือกขาว
ขึ้นไปปรากฏ จันทร์เต็มดวงอร่ามแสงสีเหลืองนวลตา มีหมู่ดาราดาษทอแสงระยับ ส่วนเบื้องล่าง แม้เป็นหลังบ้าน แต่ก็
เป็นธรรมชาติเพราะทั้งคู่ตกอยู่กลางแสงจันทร์ ใต้เงาไม้ ซึ่งขณะนี้สายลมดึกโชยมาปะทะหน้าจนเย็นวูบวาบ
ระคนกลิ่นไอทะเล

   ครู่หนึ่ง ผมละจากหน้าต่างกลับไปนอนทบทวนอดีตที่ผ่านมากับวันนี้แล้ว รู้สึกอ้างว้างใจ ด้วยบทบาทของพวกเรา
ช่างปรับเปลี่ยนเร็วราวถูกลิขิตไว้ล่วงหน้า

   นอนคิดและพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงในความมืดโดยไม่ขยับลุกจากเตียงอยู่จนเสียงแผ่นเหล็กจากไทยยามประจำซอย
กังวาน ๓ ครั้ง ก็รู้สึกว่ายุงชักแห่กันเข้ากัดจนแสบเนื้อ จึงบุกไปปิดหน้าต่าง ส่วนสายตาไม่วายแฉลบมองโคนมะม่วง
วิมานรักเริง สวนมะลิ กับเงาะ สาวอดีตนางโลม พบแต่ความว่างเปล่า พลอยปลื้มแทนเพื่อนระคนอิจฉาไม่ได้

   ปิดหน้าต่างเสร็จ ประสาทหูผมแว่วเสียงคนเดินระคนเสียงพูดคุยเบากริบอยู่หน้าห้องกลางดึก ก็เกิดสงสัย แต่ไม่ได้
หวาดว่ามี คิดอยู่ในใจต้องเป็นเก๊าตี๋ กับ แดง เพราะอยู่ห้องชั้นบนติดกันและตรงข้ามกับห้องผม

   แปลก...๒ ดาวดังมีเรื่องคุยกันยามวิกาล

  คิดดังกล่าว เลยกลั้นใจยอมเสียมารยาทย่องไปที่ประตูโดยไม่ยอมเปิดไฟในห้อง แล้วแนบหูชิดประตูห้องสื่อข่าว

   " เก๊าตี๋ เราเป็นคนเที่ยวนะเพื่อน เฉพาะอย่างยิ่งกำลังจะทำธุรกิจค้าหญิง ซึ่งพวกเรายังต้องอยู่ใกล้ชิดเจอะเจอ
ผู้หญิงอีกเป็นร้อย หากนายคิดชอบใครแล้ว จะเอาให้ได้อย่างนี้ มันจะทำให้เสียการปกครองและเสียน้ำใจกัน
ในหมู่เพื่อนด้วย "

   ถ้อยคำนั้น แดงเป็นผู้กล่าวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชัดเจนอยู่แล้ว จึงรอฟังเก๊าตี๋โต้ให้กระจ่างเหตุ ซึ่งเขาก็โต้ขึ้น
สุ้มเสียงเบา บ่งหางเสียงไม่พอใจ

   " นายบอกเหตุผลตรงๆ ได้ไหมที่ " กัน " เราไม่ให้ไปนอนกับอีเงาะ "

   " เริงมันชอบอยู่ " แดงว่าน้ำเสียงนุ่มปกติ

  " ก็แค่ชอบกัน "

  " แต่เงาะก็ชอบเริง "

  เก๊าตี๋เงียบไปอึดใจ ค่อยหลุดเสียง " อีเงาะน่ะมันกะหรี่นะเพื่อน "

   " แล้วนายจะเลือกใคร " ดาวดังไบเล่ย์สรุป

  เงียบกริบ สักครู่ เสียงเดินเสียงเปิดปิดประตูห้องนอนของแต่ละคนดังขึ้น บอกให้รู้ว่าศึกชิงนางสงบแล้ว ส่วนผมกลับขึ้นเตียง
นอนตาค้าง หัวเราะไม่ออกกับเรื่องตลกเมื่อครู่ จวบฟ้าสางจึงนิทราสนิทท่ามกลางคำถามถึงความพร้อมที่จะรับ
อุดมการณ์ชาวยุทธ์ที่จะยึดเอา

   ฟ้าแทนมุ้ง

  โรงแรมแทนบ้าน

   ร้านอาหารแทนครัว

   และหญิงคนชั่วแทนเมีย...แล้วหรือ          

0 comments:

Post a Comment