Tuesday, April 30, 2013

๘ ตุลาการเถื่อน

๘ ตุลาการเถื่อน
 

ครึ่งคืนล่วง ใต้หลังคาฟ้าสะพรั่งดาวมีจันทร์แรมเรืองแสง บัดนี้บนเสื่อที่ตั้งเหล้าเมื่อตอนหัวค่ำในรวงรัง
เชียร รถถัง เปลี่ยนเป็นวงข้าวของฝากดาวดังไบเล่ย์ติดมือจากระยองมาให้ ๓ สาวรุ่นบำรุงกระเพาะด้วย
ลักษณะที่เขากับผมต้องเบือนหน้าหนีไปมองดาวบนฟ้าเพราะสมเพชสภาพเธอเหลือเกิน

   หลายครั้งที่นั่งถามใจตนว่า ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นขุมนรกบ้างหรือไร ? ทั้งๆ ที่เมื่อ ๒ - ๓ ปีก่อน
ยังกล้าพาพวกบุกฉุด " เด็ก " ในซ่องป้าหยิบสี่แยกคอกวัวด้วยบำเหน็จอาหารกับเหล้าโต๊ะเดียวมาแล้ว
มาคราวนี้ได้เห็นเหตุทารุณจิตใจเต็มตา ได้เห็นสัตว์โลกเพศแม่กินอาหารยังกับหมู กลับทำใจหิมะ ดั่งเข้าถึง
สัญชาตญาณหมู่คณะ

   ไม่นานการเดินทางระยะสั้นของข้าว แต่ยาวขวบปีสำหรับชาวนาที่เราปล่อยให้ ๓ สาวจัดการช่วยตัวเองเสร็จกิจ
แดงต่อเวลาพวกเธอย่อยอาหารสืบไปอีกพักหนึ่ง จึงเริ่มเปิดปากกล่อมเด็กตามลีลาตน

   " ผม ได้เปลี่ยนสภาพพวกคุณแล้วนะ ต่อไปเป็นหน้าที่ตัวคุณเองว่าควรทำอย่างไรถึงจะอยู่เพื่อเอาตัวรอดได้ และสุข
สบายพอสมควร สำหรับผมกับเพื่อนช่วยพวกคุณได้เท่าที่เห็นนี้ เกินกว่านี้ผมทำไม่ได้ มันเป็นหนทางหากินของพวกเขา
ที่สำคัญผมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างผู้อาศัย พูดง่ายๆ ก็คือ ผมหนีร้อนมาหาที่เย็น ๆ อยู่ ซึ่งเจ้าของบ้านเขาได้ต้อนรับ
ขับสู้อย่างดี ผมจึงไม่ควรทำอะไรให้มากกว่าที่มันเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีผมขอให้พวกคุณเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเถอะ
และเมื่อถึงคราวจะต้องเสีย อย่ารอให้เขาสั่งให้พวกแมงดามันโทรม เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นผู้หญิงจะ " เจ็บ " ที่สุดใน
ชีวิตไม่ใช่หรือ? "

    สิ้นคำเพื่อน ผมลอบถอนหายใจโล่งอก ๓ สาวนั่งสงบคำ ก้มหน้านิ่งเช่นเคย

   " ทั้งหมดที่พูดนั่น ผมไม่ได้แนะนำให้เลือกทางผิด ผมหมายถึงว่า คนเราเมื่อถลำเข้าไปได้ มันควรที่จะหาทางออกได้
พวกคุณไม่ใช่ผู้ร้าย ยังมีโอกาสกับเวลาเพียงพอครับ ดังนั้น ต่อไปหลังจากนี้ เมื่อคุณ ๓ คนกลับไปนอนก็ใช้เวลาตัดสินใจเอาว่า
ระหว่าง " เต็มใจ " กับถูก " ข่มขืนกาย-ใจ " ดู...เอาล่ะนี่ดึกมากแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ "

   สิ้นคำเขา ๓ สาวไหวกาย และจัดการลำเลียงภาชนะใส่อาหารเข้าครัวทำความสะอาด ส่วนเรา ๒ คน นั่งอัดบุหรี่ชมดาว
ฆ่าเวลาต่อไปอีกพักหนึ่ง แดงชวนขึ้นไปดูอาการทอมบอยที่ตน " ยำ " เสียสลบ จึงละจากลานสนามหน้าบ้านกลับขึ้น
ชั้นบนของตัวบ้าน

   ถึงหน้าห้องลงทัณฑ์ ๓ สาว แดงผลักประตูที่ไม่ได้ใส่กลอนหรือล็อกภายในเปิดเข้าไป ๓ นางบาปสาวถึงกับ
ลุกพรวดจากท่านอนขึ้นนั่ง เบิ่งตามอง

   เพื่อนทำไม่ใส่ใจอาการนั่น แต่ให้ความสนใจสาวทอมบอยที่ยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ครู่เดียว สั่งความสั้น ๆ

  " ช่วยพยาบาลด้วยนะ "

   จบคำ เราถอยออกจากห้อง แดงดึงประตูห้องเตรียมปิด เสียงใสกังวานจากในห้องดังขึ้น

   " พี่ใส่กุญแจเลยก็ได้ค่ะ พวกหนูไม่ไปไหนอีกแล้ว "

   วาจาประโยคนั้น แลบริสุทธิ์ ไม่น่ามีอะไรเคลือบแคลง ด้วยเพราะเธอจำเจกับสภาพคุมขังจนเคยชิน กระนั้น แดงกับผมซึ่งมี
บางสิ่งในชีวิตละม้ายกันถึงกับอึ้งก่อนดึงประตูปิดโดยไม่ล็อกกุญแจตามที่เธอบอก

   หมดเรื่องผู้หญิง เรา ๒ คนกลับลงไปชั้นล่างนั่งคุยกันถึงเรื่อง เชียร รถถังกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าทำท่า " ฮั้ว " กันเปิดกิจการอีหนูคาเฟ่
ว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่งเพื่อนก็แจกแจงว่าอาจ " รุ่ง " และ " ร่วง " ได้ทันทีที่ฐานกับทีมงานไม่แข็งจริง

   อย่างไรระดับมือคุ้มกันคาราวานฝิ่น เช่น เชียร รถถังได้สร้างศรัทธาแก่เราพอสมควร

  เฉียดตี ๓ อดีตหัวหมู่ตำรวจรถถังพร้อมเก๊าตี๋ , เริงและพลกลับถึงบ้านด้วยแท็กซี่ป้ายดำ เราออกไปเปิดประตูรับ รุ่นใหญ่บอกสุ้มเสียงเสพ
เมรัยมาไม่น้อย

   " ขอบใจมากน้อง "

   เมื่อกลับเข้าบ้านยังไม่ทันหย่อนก้นนั่ง ปรากฏสาวทอมบอยลงมายืนโงกเงกอยู่ตรงเชิงบันได ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าปูดโปน ริมฝีปาก
บวมเป่งเกือบปลิ้น

   " มันอะไรกันวะ อีกบ " หัวหมู่คนดังถามขณะพิศโฉม

    กบสาวเห็นเจ้าบ้านชัดตา ปล่อยเสียงโฮลั่นบ้าน พร้อมใช้มือปิดหน้าตัวเองร่ำไห้ตลอดเวลา ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ รุ่นใหญ่
เบนสายตามาทางเรา แดงเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างไม่อำพรางอย่างองอาจ กระทั่งถึงบทสรุปต่อหน้าสหาย

   " เรื่องทั้งหมดผมขอรับผิดโดยตลอดครับ "

   รุ่นใหญ่ปรายนัยน์ตาเหยี่ยวผ่านผมไปยังร่างสาวทอมบอย เก๊าตี๋, เริง, พล ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกคล้ายบรรจงกลางรัตติกาลอึมครึม
ต่อการอ่านใจคู่กรณี

   หมู่เชียรเดินไปหาสาวทอมบอยที่กำลังคร่ำครวญ ตะคอกเสียงดัง

   " มึงจะบ้ารึ ? "

   ราวประกาศิตพระกาฬ กบสาวหยุดสะอึกสะอื้น ยืนเกาะราวบันไดก้มหน้าเงียบกริบ อึดใจคำพิพากษาหล่นผาง

   " พรุ่งนี้เช้า มึงไปจากที่นี่เสีย...ไป "

   บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนในฉับพลัน อย่างน้อยผมและแดงได้หันมาสบตากันเชิงนิยมคำตัดสินนั่น ส่วนโจทก์สาวที่กลายเป็นจำเลย
โดยอัตโนมัติลงบันไดหลบไปยังห้องพักของเธอเซื่องซึม

    พอภายในห้องรับแขกชั้นล่างมีเฉพาะพวกเรา เรื่องราวที่หมู่เชียรออกไปดำเนินการกับ ๓ เพื่อนวันนี้ถูกนำมาบอกเล่าและปรึกษาขอความเห็น
กันทั่วหน้า

  สำหรับผมได้ทำนายเหตุการณ์ไว้แต่ต้นแล้วว่าหมู่เชียรกับเก๊าตี๋จะต้องฮั้ว กันเปิดคาเฟ่ค้ากามขึ้นที่นี่ ซึ่งก็เป็นความจริง บัดนี้ หัวหมู่
คนดัง บอกว่าได้ " เดินเรื่อง " ขอ " ไฟเขียว " ตามขั้นตอนเรียบร้อย แต่ขาดเงินที่จะขยายหรือก่อสร้างสถานบริการกับค่าอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้
ไม่น้อยกว่า ๗๐,๐๐๐ - ๘๐,๐๐๐ ซึ่งพวกเราจะไปเอาที่ไหนกัน

   ส่วนนายทุนของหมู่เชียร หรือเสี่ยงเลี้ยงจากท่าเรือเพได้เปิดโควต้าเงินสดไว้แค่ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งแกก็เอาเงินไปคว้าสาวรุ่น ๓ นาง
นั่นจนเกลี้ยงคลัง ดังนั้น ใกล้รุ่งคืนนี้ทั้งกบาลของพวกเราจึงครุ่นหาช่องที่จะได้เงินจำนวนดังกล่าวในการนี้ทุกท่า

    จวบเสียงไก่บ้านขันรับวันใหม่แจ้วๆ รุ่นใหญ่ค่อยกล่าวขึ้นลอยๆ

   " มีทางเดียวที่จะได้เงินทันการณ์ "

   พล ตรอกทวาย ซักทันที " ทางไหนพี่ "

   " ปล้น "

   อมิตตาพุทธ เหล่าดาวดังวัยคะนองทุกนามเบื้องหน้าหุบปากสนิท ผมเองก็ไม่ต่างอวตารเป็นพระเตมีย์ใบ้ อันนี้ต้องแจงกันแล้ว สำหรับ
คำบอกที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากพวกเรา

   ประการแรก พวกเรา ๕ คน อันมีแดง, เก๊าตี๋, พล, เริง และผมนั้นความจริงแล้วนับแต่เที่ยว ( ซ่าส์ ) มาไม่เคยงานอาชญากรรม
ที่เรียกว่า " ปล้น " ดังที่รุ่นใหญ่บอก แม้พฤติกรรมบางอย่างบางครั้งเข้าข่ายชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ เช่น

   นำพวกเที่ยว " ตบ " เฟอร์นิเจอร์ประดับประเภท แว่นเรย์แบนด์ เลส ( ชั้นดี ) สร้อยคอทองคำ แหวนรุ่น แหวนทองจาก
วัยรุ่นทั่วไป

   พฤติกรรมดังกล่าว พวกเราล้วนก่อขึ้นด้วยความภาคภูมิมากกว่าหวั่นเกรง เพราะใจขณะนั้นไม่ได้หวังอยากได้ทรัพย์เป็นสื่อ
แต่เกิดเพราะตาไม่ต้องกับตีน หรือศรศิลป์ไม่กินกันตามประสาวัย เมื่อเป็นเช่นนี้ วัยกับใจจึงบัญชาให้ใช้วิธีหักหาญเอา

   ใครแข็งแรงกว่าคือผูชนะ

  " เรามีทางเลือกนี้เท่านั้นนะ เมื่อตกลงใจเราทุกคนก็เป็นหุ้นส่วนกัน " รุ่นใหญ่ย้ำประโยคเดิม

   เก๊าตี๋เปิดไต๋ตัวเองก่อนใคร " พี่เชียรจะปล้นใคร ปล้นที่ไหน "

   " พี่ต้องออก " ร่อน " ดูก่อน " ตอยเสียงขรึมลงปรายตามองผมกับดาวดังไบเล่ย์ ถามตรงๆ " แดงกับเปี๊ยกจะร่วมมือกับพี่หรือเปล่า "

   แดงตอบเหมือนเตรียมไว้แล้ว " ผมจะร่วมมือเพียงครั้งเดียวนะครับ "

   ตกมาถึงผมเป็นผู้ตอบบ้าง ใครจะกล้าบ่ายเบี่ยง จึงประสานใจไปกับเพื่อนประกาศตนเป็นหนุ่มเลือดสุพรรณ ตามฟอร์ม

   วันต่อมาและคืนต่อไป เรา ๕ คน ซุกชีวิตอยู่ยังบ้านพักเดิมอย่างสุขสบายทั้งกิน-นอน-เที่ยว แล้วตระเวนหาที่ซ้อมปืนประจำตัว
ที่หมู่เชียรจักสรรมาให้

    ช่วงรองาน ไม่มีใครพูดถึง " งาน " ที่จะทำเพราะไม่ต้องการเผยธาตุแท้ตน

  ส่วน ๓ สาวรุ่นถูกหมู่เชียรส่งไปสังเวยผู้ใหญ่ระดับจังหวัดและเจ้าพ่อเรียบร้อย จนบัดนี้ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย

   ช่างเถอะ เราพบกันแค่ผ่าน

  วันหนึ่งราวๆ เที่ยงเศษ ผมคิดถึงหลวงพ่อที่จากมาโดยมิได้ล่ำลา จึงนั่งเขียนจดหมายไปนมัสการท่านให้คลายกังวล พอลงมือ
ไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคงเขียนให้คลายกังวล พอลงมือไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคง
เขียนไปถึงมารดา แต่เพื่อนกลับเขียนเสร็จด้วยเวลา ๒-๓ นาที จึงชะโงกหน้าไปอ่าน แดงเลยแฉข้อความนั่น

   " แม่ครับ...ตอนนี้ผมสุขสบายดี ขอรับรองว่าผมจะกลับไปบวชให้แม่แน่ครับ...แดง "

   อ่านจบ ผมยิ้มให้เขาอย่างเข้าถึงความรู้สึกนั่น

  ล่วงถึงบ่ายจัด หัวหมู่เชียรกับเก๊าตี๋กลับเข้าบ้านพร้อมเรียกประชุมพวกเราเป็นการด่วน เมื่อพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกหัวหน้า
ทีมเฉพาะกิจลำดับความได้ยินชัดเจน

   " เสี่ยเลี้ยงมีงานสำคัญให้พวกเราทำง่ายกว่าปล้น หากทำสำเร็จ เจ็ดหมื่นจ่ายทันที "

  เรา ๕ คน ยกเว้นเก๊าตี๋ที่ไปกับหัวหมู่เชียรถามเกือบพร้อมกัน

   " งานอะไรครับ "

  " ยิงคน "

   คำตอบของหมู่เชียรสะกดทุกคนนิ่งงันเป็นคำรบสอง เก๊าตี๋ทำหน้าที่ชี้แจงต่อ

   " คนที่พวกเราจะไปยิงเป็นพวกลักลอบค้าของเถื่อน ไม่มีความสลักสำคัญอะไร ถ้ามันตายไปตำรวจเขาอาจขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำ "

   ถ้อยคำสนับสนุนงานนี้แบบสุดตัวของกุมารจีนปลุกเลือดลมผมเต้นยิบ อย่างน้อยคำตอบที่พวกเราจะตอบหาใช่คำตอบตาม
บทละคร ทว่ามันเป็นเรื่องจริง ชีวิตคนจริงๆ ที่มีราคา ๗๐,๐๐๐ บาท และที่สำคัญแดง ( เฉพาะกับแดง ไบเล่ย์ งานฆ่าเมื่ออายุ ๑๓ ขวบ
ไม่ ใช่เจตนา ) พล, เริง, ผมหรือเก๊าตี๋ล้วนไม่ใช่นักฆ่า เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตวิปริตกลุ่มหนึ่งกลางสังคมนี้ ซึ่งน้ำมือนั้นแม้เปื้อน
เลือดมาแล้วก็เป็นเลือดการต่อสู้ในหมู่ชาวยุทธ์

   เมื่อมาปะงานนี้ ต่างจึงไม่วายพรั่นกับบทบาทใหม่ อย่างไรแดงคล้ายตัดสินใจเร็วกว่าใคร ถามไม่เจาะจง

   " ใครจะเป็นคนยิงครับ "

   " เก๊าตี๋คิดว่าใครเหมาะ ลงมือ ๒ คนพร้อมกันนะ " เชียรผ่านลูกตามเชิง

   กุมารจีนสะบัดหน้าไปยังดาวดังไบเล่ย์บอกดั่งกระซิบ

   " เราจะลงมือกับนายนะเพื่อน "

   " ตกลง "

   สิ้นเสียงดาวดัง หมู่เชียรกำหนดตัวบุคคลก่อนวางแผนต่อ

   " ให้พลกับเปี๊ยกคุ้มกันหลังให้ ๒ คนนั่นด้วย เริงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนพี่จะกำกับแดงกับเก๊าก่อนลงมือ...มาดูนี่ พวกเรา "

   ที่สุดแผนผังบริเวณปากทางเข้าสถานบันเทิงนิวแลนด์ถูกกางต่อหน้าพวกเรา พร้อมคำอรรถยุทธ์การล่าชีวิตคนครั้งแรกจนกระจ่าง
ก็สรุป

   " เดี๋ยวเราจะออกไปดูสถานที่จริงกันเลย ใครมีอะไรไม่เข้าใจขอให้ซักถาม "

   " เราจะลงมือกันเมื่อไหร่พี่ " เริงผู้รับตำแหน่งตีนผีใจร้อน

   " ๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้ "

   คำตอบชัดเจนโสตเพื่อนทุกนามซึ่งส่งผลให้ยุติคำถาม แดงกับเก๊าตี๋ลุกขึ้นสัมผัสมือกัน ผมหันไปยิ้มกับดาราดังตรอกทวายเชิง
บอกให้รู้ว่าเพื่อนกับผมก็ได้รับตำแหน่งสำคัญไม่น้อยกว่าทุกคน เพราะต้องสัมพันธ์กันทุกวินาที นับแต่ระเบิดกระสุนสังหารเหยื่อ

   ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รถเก๋งพาหนะที่จะใช้ในงานนี้ถูกส่งมาจากเสี่ยเลี้ยงเจ้าของเงิน ซึ่งหัวหน้าทีมหรือเชียร รถถัง ออกไปเปิดตัว
พาทีกับโซเฟอร์ที่นำรถมาให้ที่หน้าบ้าน ไม่นานได้กลับเข้ามาบอก

   " เสี่ยเลี้ยงสั่งห้ามยิงคนขับรถเด็ดขาด มัน " สาย " ของเขาให้ระวังด้วย "

   " เราไม่ยิงมัน แล้วมันล่ะ..." เริง สวนมะลิ ข้องจิต

   " พี่รับรองเอง "

   คราวนี้ไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งอาจเป็นด้วยไม่มีประสบการณ์ สำหรับผมรู้สึกขัดข้องทางความคิด แต่ไม่แอะ กระทั่งอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ
ชักชวนออกร่อนสำรวจทิศทางยุทธการล่าสังหารยังปากทางสถานบันเทิงนิวแลนด์ในเวลาต่อมา 

0 comments:

Post a Comment