Tuesday, April 30, 2013

๓ เปิดตัวแดง ไบเล่ย์ ดำ เอสโซ่ กับ ปุ๊ ระเบิดขวด

๓   เปิดตัวแดง ไบเล่ย์ ดำ เอสโซ่ กับ ปุ๊ ระเบิดขวด
   ดึกแล้ว ที่ตรอกสลักหิน หัวลำโพงมีผู้คนและยานพาหนะสวนกันเข้าออกบางตาในตรอกอันระเกะระกะด้วย
เข่งเป็ด-ไก่ที่กองสุมกันอยู่หน้าตึกแถวชาวจีนทั้งสองฝั่ง มีไฟโคมบนเสาสูงทิ้งช่วงเอื้อความสว่างห่างกันมาก
แสงสว่างของถนนภายในตรอกจึงฉายให้เห็นสภาพความสกปรกบนถนนเลือนราง

   ถนนสายนี้ เพิ่งจะโรยคาวกลิ่นน้ำกาม

   บริเวณกลางตรอกมีต้นหว้าใหญ่แผ่กิ่งก้านและใบร่มครึ้มคร่อมถนนจรดอีกฝั่ง ตรงโคนค้นหว้ามีกองศาลพระภูมิเล็ก
ใหญ่ พร้อมตุ๊กตาปั้นตัวเล็กๆ ปรักหักพัง กลาดเกลื่อนอยู่ใกล้ๆ กับกองลังไม้ฉำฉาสูงจรดหัว

   ที่กองลังไม้ฉำฉานี้ เด็กชายวัย ๑๐ ขวบได้ใช้เป็นที่นั่งคอยมารดาตนเพื่อกลับบ้านพร้อมกันทุกคืนโดยมีวันเวลา
หมุนเวียนเปลี่ยนสภาพกองไม้นั่นด้วยเจ้าของสิทธิขนย้ายไปขาย แล้วไปเหมาซื้อจากท่าเรือคลองเตยมาใหม่
จนถึงคืนนี้เด็กชายอายุย่างเข้า ๑๓ ขวบ

   เวลา ๓ ปี ในนตรอกสลักหินดงโสเภณีไม่ใช่ห้องเรียน เพราะช่วงเวลาที่หนูน้อยคอยแม่อยู่บนลังไม้ใต้ต้นหว้า
มีรีวิวชีวิตผู้คนเพศชายทุกสารบบให้นั่งมองพฤติกรรมก่อนเข้าเสพกามและกลับออกไป

   ทุกคืนจะมีจักรยานสามล้อตีกระดิ่งกริ๊งกร๊างลั่นตรอกขณะบรรทุกชายร่างกำยำผ่านตาไปจอดที่หน้าประตูบ้านไม้
หลังใหญ่ติดไฟโคมสีเขียว บางคราวก็ใช้แท็กซี่นั่งอัดกันมา ยิ่งตรงกับวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์จะมีพวกกรรมกรคนงาน
เช่ารถบรรทุกขนาดเล็กหรือขนาดกลางเข้าไปเสพสุขจนตรอกสลักหินคล้ายมีงานประจำปีเช่นวัดไตรมิตรฯ

   นี่คือสูตรผสมของสังคมสู่เด็กชาย

  ต่อมาเวลารอคอยของเด็กชายสิ้นสุดลง หญิงวัยสาวใหญ่ใบหน้าสวยเข้มหลุดจากประตูบ้านโคมเขียวเดินไปหาท่าทีลุกลน

   " คืนนี้แม่ผิดเวลาอีกแล้ว " เด็กชายบอก

  " แขกมันตื้อแม่...." นางบอกลูกชายระคนหอบ " แม่ต้องหลบมันอยู่ พอมันออกไปแล้วแม่ถึงออกมาได้...ไปเหอะ "

   จบคำ นางโอบรอบหลังลูกพาเดินออกไปปากตรอกอย่างรีบร้อน ไม่ถึงร้อยเมตร นางหยุดเดินส่องดวงตาเขม้นมอง
ชายร่างยักษ์ที่กำลังปรี่เข้าหา

   " แดง อย่าวู่วามนะ " นางกระซิบเสียงพร่า

   สิ้นเสียง มือมารหยาบกร้านคว้าจับมือนาง ปากที่คลุ้งกลิ่นเหล้าระเบิดคำ

  " อีสัตว์ โฉม "

  คำปรามของมารดาเมื่อครู่ไม่ได้ผล เมื่อเห็นแม่ถูกกาลีชนลากราวทาส แดงกระชากโบวี่ขนาดกลางที่พกติดตัวอยู่
กระซวกมัน กระชากชีวิตชั่วทิ้งคาถนนแต่บัดนั้น

   นี่คือเขา แดง ไบเล่ย์ วัยคะนองผู้โด่งดังในเวลานี้...

   หลัง ๒ ยอดยุทธ์ เก๊า ม้าเก็ง เข้าคุกและพัน หลังวัง ถูกเล็ก " ต่วน " ทะลวงอกดับที่ศูนย์การค้าวังบูรพาแล้ว
บรรดาวัยคะนองดังเก็บตัวเงียบ ยิ่งผมเองระยะนี้เข้าห้องเรียนบ่อย

  เหตุเพราะรุ่นใหญ่ออกสำแดงเดชตระเวนยึดครองทุกถิ่นทุกตำบล เพื่อเตรียมโกงการเลือกตั้งที่จะมีถึงข้างหน้านี้
พวกเราเป็นเด็กจึงหลีก แต่ที่ต้องหลบเพราะวัยกับประสบการณ์ยังบริสุทธิ์ต่อเชิงนักเลง คิดเพียงว่า " นักเลงจริง "
ต้องไม่อาศัยปลอกคอ

  อยากดวล ท้า

  อยากฆ่า ตาม

   มีเท่านี้ สำหรับ แดง ไบเล่ย์, ปุ๊ ระเบิดขวด, ดำ เอสโซ่ รวมไปถึงฝ่ายกุมารจีน สุมาอี้ และ เก๊าตี๋

  กลุ่มวัยคะนองเก็บตัวเงียบจนการเลือกตั้งผ่านไปอย่างสกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนฯ
ของประเทศไทยที่มีมา

   ผมกับเพื่อนขนาดคลั่งอยู่กับเอลวิสและเจมส์ดีนเฮไปตามประสาวัยรุ่นไม่เคยสนใจบ้านเมืองว่าจะขึ้นช้างลงม้าอย่างไร
กลับต้องมาจับตาดูเงี่ยหูฟังว่าหลวงท่านจะเอายังไงกับเจ้าสำนักหัวลำโพงที่พาสมุนบุกเข้าชิงกล้องถ่ายรูปพร้อมฟิล์ม
ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งต่อหน้าชาวบ้านนับร้อย

  หลังเลือกตั้ง ฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์โดย นายควง อภัยวงศ์ โวยรัฐบาลโกงการเลือกตั้งและเรียกร้องให้การเลือกตั้ง
ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ

   ผล...จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกกระทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ขับจอมอัศวินใหญ่ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ หลุดจากขวานทองตามวัฏจักร

  พอคณะรัฐประหารตั้งคณะบุคคลบริหารงานแผ่นดินเรียบร้อย หนี้ค้างชำระของเจ้าสำนักหัวลำโพงที่กระทำต่อ
สถาบันหนังสือพิมพ์ปูดขึ้นอีกครั้ง พักเดียวบรรดาชาวยุทธ์รุ่นอาวุโสก็ถูกคำสั่งกวาดล้างด้วยข้อหา " ประพฤติตน
เป็นบุคคลอันธพาล "

   ผู้อาวุดศถ้วนหน้าหนีกระเจิดกระเจิง

   ชาวยุทธ์วัยคะนองแฮปปี้

   ครับ - ผมก็ไปตามประสาผม เรียนมั่ง - เที่ยวมั่งเกเรบ้าง จนวันหนึ่งตอนพักเที่ยง ผมออกจากวิทยาลัยไปยืนป้ออยู่
หน้าตลาดเจริญผล ก็ถูกนักมวยดังเพื่อนร่วมวิทยาลัย อดุลย์ สุขสำราญ ( ศรีโสธร ) ตำแหน่งรองหัวหน้าใหญ่มาลาก
ข้ามถนนไปยังฝั่งร้านกาแฟ " นายชำ " พบเฟืองดังรุ่นพี่ดนัย ตุลยพรรณ ( สารวัตรกริช กำจร ในภาพยนตร์เรื่อง " เล็บครุฑ " )
กับมาน เจริญผล และ มัด " ลีบ " นั่งอยู่ที่โต๊ะนั่นก่อนแล้วจึงร่วมเสวนา

   พักเดียว เรื่องร้ายจากปากแชมป์ " มงกุฏเพชร " ถูกบอกแก่ทุกคน

  " เรามารู้เรื่องว่าพวกเราไปรับท้าฝ่ายพระนครเหนือตอนเช้าที่นี่แหละ จึงพยายามติดต่อกับรัตนชัย ( ลูกชายนายกังวาน
วีรนนท์ เจ้าพ่อบางนกแขวก ) มาตั้งแต่เช้า ถึงป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอเลย "

   " สาเหตุมันมาจากอะไร " ดนัยถามถึงเหตุ

  " หญิง " อดุลย์ตอบเสียงขึ้นจมูก

  " ฉิบหาย เรื่องนี้ปล่อยให้มันตีกันดีกว่า " บังมานร้อน

  อดุลย์สบตาผมเหมือนจะบอกบางสิ่ง แต่ไม่กล้าผมเลยเปิดทาง

   " ดุลย์มีเรื่องจะพูดหรือ "

   " มี แต่เราคงให้พวกนายช่วยไม่ได้หรอก มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ "

   ประโยคนี้ของแชมป์มงกุฏเพชรเร้าใจพวกเรามากกว่าล้า ดนัยจึงรุก

   " ดุลย์ขยายความมาเลยว่ามันยังไงกัน เรื่องทั้งหมด "

   ยอดนักชกบอกทันที " ฝ่ายพระนครเหนือมันไม่ได้ท้าเจอแค่ ๑๐ - ๒๐ คน มัน ท้า ทั้งวิทยาลัย และมันจะมากันเป็นคันรถ
เพราะบอลของมันเข้าชิงชนะเลิศ ที่แน่ๆ พวกนั้นมีพวกปุ๊กับดำคุ้มกันด้วย

   " ช่างมันปะไร นายคุมเด็กของเราอย่าให้ก่อเรื่องก่อนก็แล้วกัน " ดนัยว่า

   " คุมไม่อยู่แล้ววะ " อดุลย์ทำเสียงเพลีย

   คำตอบเพื่อนพาให้งง พลอยซักบ้าง " ทำไมถึงคุมไม่อยู่ล่ะใครดื้อหรือ "

   " พวกนั้นมันหาหัวหน้าแทนเราแล้ว "

  " ใคร..."มัด " ลีบ " แอะบ้าง

  " แดง "

  " ไม่ใช่ "

  " ไอ้แดง โบวี่ " บังมานระบุแทน

  อดุลย์หล่นคำขรึม " แดง ไบเล่ย์ว่ะ "

  คำบอกเพื่อนเจ็บเหมือนหนังเนื้อถูกเฉือนจึงปรึกษาความนี้ ลงมติใจกันทำเท่าที่เวลายังมีอีก ๔ ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน
ฟุตบอลอาชีวิะภายในสนามศุภชลาศัยจะเริ่มขึ้น พักใหญ่ต่างจึงลงมติให้แบ่งกำลังเราทั้งหมดออกเป็น ๒ สาย แยกกัน
ระงับศึกนักศึกษาครั้งนี้

  ผมกับบังมานถูกกำหนดให้เคลียร์ทาง แดง ไบเล่ย์ ส่วนอดุลย์, มัด " ลีบ " และดนัยเคลียร์ทางฝ่าย ปุ๊ ระเบิดขวด
ดำ เอสโซ่

  เฉียดบ่ายโมง ผมกับบังมานจับแท็กซี่จากเจริญผลมุ่งเข้าวังบูรพาเป็นจุดแรก พอเหยียบเข้าร้านหรดีด้านหลังโรงภาพยนตร์
ควีนส์ พบ นิด กุหลาบ , หมู พรานนกและ หมู เจตน์ นั่งคั่วเด็กเรียนย่านถนนศรีอยุธยาอยู่ จึงปราดไปถาม

    ทว่า เจอค้นตัวกลางร้านอาหารจากสก็อต สน. พระราชวังทันควัน ค้นเสร็จไม่เจอของเถื่อนผู้หมวดหนุ่ม ซึ่งเกลียด
ขี้หน้าพวกเราเข้ากระดูกตะคอกใส่

   " สักวันอั้วจะลากคอไอ้พวกนักเรียน- นักเลงเข้าคุกให้ได้ "

   กลุ่มสก็อตไปแล้ว ผมกับบังมานยังยืนไม่ไปหน้ามาหลังอยู่กลางร้านจนนิด กุหลาบ ละจาก " เด็ก " มาอรรถเหตุทั้งหมดว่า
ผมกับบังมานมาช่วงจังหวะ " ซวย " เพราะพวกร้านปืนแถววังบูรพาลอบขนอาวุธปืนสั้น ( เถื่อน ) เข้าร้านเป็นคันรถ จึงมีบรรดา
ลูกชายตัวดีนำออกมาขายแก่เพื่อนๆ วัยรุ่นวังบูรพาถึง ๑๐๐ กระบอก ส่วนใหญ่กลุ่มวัยรุ่นดังรับซื้อไป ที่เหลือขายให้นายบ่อน
แต่บังเอิญ ข่าวนี้มี " นิ้วเพชร " บอกหมวดภมรฯ แกจึงยกกำลังมาคอยดักค้นตัวทุกคนที่ผ่านบริเวณนี้

   ออกจากร้านหรดี ผมกับบังมานซึ่งกลายเป็น " คู่เหมือน " มาแล้ว ๒ งานออกเดินไปตลาดมิ่งเมือง พาหุรัด เฉลิมกรุง
สอบถามหา แดง ก็ได้คำตอบว่า วันนี้ยังไม่มีใครพบหน้าเขาเลย

   บ่ายสามโมง ผมกับบังมานนั่งกินโอเลี้ยงอยู่ปากตรอกโรงงานผลิตน้ำส้มไบเลย์ข้างคุก รวงรังของแดงอย่างหมดกะใจ
ติดตามหา ที่สำคัญเงินในกระเป๋าเรา ๒ คนขณะนี้ไม่พร้อมใช้แท็กซี่เป็นพาหนะ ถ้าติดตามกันยันมืด จึงปักหลักที่นี่คอยสัก
ครึ่งชั่วโมง พอน้ำโอเลี้ยงหมดเติมน้ำชาแทน แดงกับบริวารปรากฏตัวตามที่คาดเลยอาศัยร้านกาแฟเป็นที่เจรจา
ความหว่านล้อมมิให้เขาไปตามที่นัดหมายไว้กับเพื่อนนักศึกษา แดงกลับย้อนถาม

   " บอกเหตุผลหน่อยได้ไหม ที่ห้ามเรา ในเมื่อเราเพียงเข้าไปเชียร์บอล ไม่ได้ไปตีกะใคร "

  บังมานผางก่อน " เราเห็นว่างานนี้พวกไอ้ปุ๊กับไอ้ดำมันจะไปเหมือนกัน "

   " นายเลยกลัวว่าเราจะไปทำงานเขาพัง "

   ผมออกโรงเพราะหน้าที่โดยตรง " เราไม่กลัวงานพังหรอกเพื่อน เราเกรงรุ่นน้องมันจะยกทัพตีกันทั้งวิทยาลัยจนเสีย
อนาคตมากกว่า ถ้าฝ่ายคุ้มครองฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดลงมือก่อน "

   " หากเราไม่ตกลง " แดงถามยิ้ม ๆ

  " เราห้ามนายไม่ได้ " ผมบอกความจริง " ที่มานี่ เพราะมันเป็นวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่ จะอย่างไรถ้านายจะไป เราขอร้อง
ให้เห็นแก่อนาคตเด็กรุ่นน้องบ้างก็แล้วกัน "

  " ถ้าเราจะไปดูบอลเฉยๆ ล่ะ " แดงซักอีก

   " เพื่อนให้สัญญากับเราได้ไหมว่า จะม่ยุ่งกะพวกไอ้ปุ๊ ไอ้ดำถ้าเจอกัน "

   " เราจะไปกะนายเลยก็ได้ ถ้านายดูบอล "

  " โอเค "

  ราว ๑๖.๐๐ น. แดง, แหลมสิงห์, บังมานและผมมาถึงด้านหน้าสนามกีฬาแห่งชาติแล้ว แต่เดินเตร่สังเกตการณ์
เพื่อนนักศึกษาฝ่ายปทุมวันด้วยความเป็นห่วง

   ช่วงหนึ่ง ขณะหยุดพักบริเวณปั๊มน้ำมัน แดงกล่าวลอยๆ " รู้สึกว่าทั้งพระนครเหนือทั้งปทุมวันจะแบ่งฝั่งกันยืน "

  ผมเห็นเช่นที่เพื่อนบอกเหมือนกัน จึงบอกทุกคนให้คอยอยู่ก่อน แล้วลิ่วเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ติดกับปั๊มน้ำมัน
รายงานพฤติการณ์ที่เห็นให้อาจารย์สมศักดิ์ ( อาจารย์สอนยูโด ) กับท่าน ผอ. อาจารย์ สิทธิผล รับทราบ

  ๒ อาจารย์ยืนมองนิ่งเฉย อึดใจอาจารย์สิทธิผลถามทีท่าไม่ใส่ใจ

   " พวกที่จะตีกันนี่ มีพวกเธอด้วยใช่ไหม "

   ผมไม่ฟังคำกระแหนะกระแหนท่าน รายงานต่อ " ขณะนี้ถ้าทั้งสองฝ่ายตีกัน อะไรจะเกิดขึ้นกระผมกราบอาจารย์
ลองออกไปดูกับตาก็ได้ครับ "

   " ลองดู "

   พออาจารย์สิทธิผลรับเรื่องและออกไปดูสภาพการณ์สองฝั่งถนนหน้าสนามกีฬาชัดตา ๒ อาจารย์ถึงกับลงแรงไล่
ศิษย์นับร้อยให้กลับบ้านด้วยตนเองโกลาหล ส่วนเรา ๔ คนเดินหลบไปหาเครื่องดื่มด้านหน้าตลาดเจริญผลกิน สมุนของ
บังมานเข้ามารายงานให้รู้ว่า ปุ๊ ระเบิดขวด, ดำ เอสโซ่ นั่งอยู่ที่ร้านนายชำ จึงข้ามฝั่งไปหาถึงได้รู้ว่าแชมป์มงกุฏเพชร
อดุลย์ ศรีโสธร, ดนัยและมัด " ลีบ " สามารถดึงปุ๊กับดำมานั่งที่นี่ได้พร้อมทั้งยังทำให้ทั้ง ๒ หัวหน้าสำนักสัมผัสมือกัน
เป็นครั้งแรก นับแต่ศึก " สิบสามห้าง " บางลำพูปิดเกม

   อย่างไร ปุ๊และดำกับแดงและแหลมสิงห์แทบไม่ค่อยพูดจากัน จวบ ๕ โมงเย็น เราทั้งหมดจึงออกจากร้านนายชำสู่สนาม
ศุภชลาศัยท่ามกลางนักศึกษาชายหญิงรั้วอาชีวะทุกแขนงแน่นอัฒจันทร์ศุภชลาศัย

   เมื่อกลุ่มวัยคะนองดังขึ้นปรากฏตัว เสียงตะโกนเรียกชื่อพวกเขาพร้อมรอยยิ้มมีให้ตลอดทางที่เดินขึ้นบันไดซีเมนต์
อัฒจันทร์หาที่นั่งเหมาะ ผมเป็นคนช่างสังเกตรอบตัวทุกที่ที่มีตัวเองอยู่ พบกึ่งกลางอัฒจันทร์ศุภฯ อันเป็นแท่นที่ประทับ
ในหลวงบัดนี้คล้ายถูกแบ่งสีน้ำเงินออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่  ( เครื่องแบบนักศึกษารั้วเฟือง ) โดยมีแท่นประทับองค์พระ
ประมุขดุจเส้นขนาน

   ผมลอบพรูลมหายใจยาว

   ร้อนในทรวงเพราะ ๒ เฟือง ( อาจารย์ใหญ่เดียวกัน ) ฮึ่มฮั่มจะปะทะกันไม่เสร็จ พอโผล่ขึ้นถึงบริเวณแท่นที่ประทับ
ยังปรากฏบ่อนเถื่อน ( ปั่นแปะ ) ราวๆ ๕ - ๖ วงแฝงอยู่ให้เพิ่มดีกรีความร้อนขึ้นอีก เลยผินหน้ากลับไปกลางสนามแทน

  กลับถูกบังมานสะกิดแขน และบอก

  " ไปไล่ไอ้พวกห่านั้นดีกว่า " 

   ผมฉวัดตามองดาวดังทุกนามชนิดจากใจถึงใจ ต่างผงกหัวรับเห็นพ้องต้องกันจึงทำหน้าที่ตุลาการไล่บรรดานักพนัน
วัยคะนองให้ละการพนันเข้าชมฟุตบอลแทน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากเพื่อนชาวอาชีวะที่ชมชอบการพนัน

   เสร็จกิจการปรามนักพนัน สัญญาณนกหวีดระรัวลั่นมาจากสนามศุภฯ ทุกผู้ให้ความสนใจบอลคู่ชิงชนะเลิศสายอาชีวะ
ที่กำลังลงสนาม ส่วนผมมองดวงอาทิตย์ลอยดวงเด่นอยู่เหนือหลังคาตึกกรมพละ คิดถึงพฤติกรรมของอดุลย์ , ดนัย,
แดง, แหลมสิงห์, ปุ๊, ดำ, บังมานและมัด " ลีบ " ว่า เพื่อนคิดอย่างไรถึงรวมใจกันรานน้ำใจรุ้นน้องทำลายศรัทธาที่ทุกคนมีให้ ?

0 comments:

Post a Comment