Saturday, June 15, 2013

ย้อนอดีตนักเลงยุค 2499 กับภาพเหตุการณ์อันธพาลแหกคุก (ยุคแดง ไบเลย์) 2499...

ย้อนอดีตนักเลงยุค 2499 กับภาพเหตุการณ์อันธพาลแหกคุก (ยุคแดง ไบเลย์) 2499...


 
แดง ไบเล่ย์
 
 
แดง ไบเล่ย์ มีชื่อจริงว่า บัญชา สีสุกใส เกิด เมื่อปี พ.ศ. 2483 ที่ตรอกสลักหิน หรือที่นิยมเรียกว่า ตรอกใบเล่ (เป็นที่ตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มน้ำหวานไบเล่) ข้างหัวลำโพง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยเป็นลูกของนางโฉมเจ้าของร้านซักอบรีดและห้องเช่าในย่านนั้น โดยพ่อเสียชีวิตไปก่อนที่แดงจะเกิด
 
แดงเมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่นเป็นหัวโจกของบรรดาวันรุ่นทั้งหลายในยุคนั้น จนมีชื่อเสียงโด่งดังว่า แดง ไบเล่ย์ เนื่อง ด้วยบรรดานักเลงอันธพาลในยุคก่อน พ.ศ. 2500 นั้นล้วนแต่มีชื่อเรียกขานต่างๆเช่น พจน์ เจริญพาศน์, พัน วังหลัง, ปุ๊ ระเบิดขวด, ดำ เอสโซ่, แหลมสิงห์, จ๊อด เฮาดี้, แอ๊ด เสือเผ่น, เบ้น เนอร์, พล ตรอกทวาย, เหลา สวนมะลิ เป็นต้น แต่ แดง ไบเล่ ถือเป็นขวัญใจของเหล่าวัยรุ่นตัวจริง เนื่องจากเป็นบุคคลหน้าตาดี กล่าวกันว่า แดง ไบเล่ สามารถกอดคอกับ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้นได้เลยทีเดียว
 
ส่วน เรื่องราวชีวิตจริงของ แดง ไบเล่ย์ ที่ต่างจากภาพยนต์ก็คือ แดง ไบเล่ย์ ตัวจริงไม่เคยฆ่าคน ไม่ใช่โจร เป็นเพียงนักเลงวัยรุ่นธรรมดา ส่วนในภาพยนต์ที่บอกว่า แดง ไบเล่ย์ ชอบดื่มเหล้านั้นจริงๆแล้วไม่เคยมีใครเห็น แดง ไบเล่ย์ ดื่มเหล้าเลยสักคน  แถม แดง ไบเล่ย์ ยังชื่นชออบ "มิล์คเชค" ที่สุดอีกต่างหาก
 
แดง ไบเล่ย์ เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2507 ด้วยวัยเพียง 24 ปี ด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำขณะเดินทางไปชลบุรีเพื่อเป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งที่นั่น
 
ข้อมูลจาก : wikipedia
 
ปุ๊ ระเบิดขวด
 
ปุ๊ ระเบิดขวด มีชื่อจริงว่า นายจำเริญ บุญยดิษฐ์ เป็นนักเรียนโรงเรียนศิริศาสตร์ สีย่าน กทม. มีฉายาเดิมว่า "ปุ๊ ตรอกสาเก"เคย เป็นเพื่อนรักกับ แดง ไบเล่ย์ บู๊เก่งดุดัน ตอนศึก 13 ห้างบางลำพูคนที่ตีกับแดงคือ ปุ๊ กรุงเกษม ไม่ใช่ปุ๊ ระเบิดขวด เพราะตอนนั้นเขายังรักกันดีอยู่ สุดท้ายต้องจบชีวิตเพราะถูก ดำ เอสโซ่ยิงตาย
 
ปุ๊ ระเบิดขวด ฉายาที่ได้มาทั้งๆที่ไม่เคยใช้ระเบิดขวดเลยสักครั้งในชีวิต
 
หนังสือ พิมพ์รายวันต่างพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเสนอข่าวกันอย่างอึกทึกครึกโครมทุกฉบับ รายงานข่าวละเอียดยิบเกี่ยวกับกรณี วัยรุ่นสองกลุ่มก่อเหตุรุนแรงขั้นจราจลเข้าประจัญบานกันอย่างดุเดือดเลือด พล่านที่สะพานขาวและปิดท้ายด้วยระเบิดขวดซึ่งสำแดงอานุภาพร้ายกาจ และขาดไม่ได้ก็คือภาพถ่ายของบรรดาเด็กหนุ่มคะนองเลือดที่จนมุมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ มันถูกตีพิมพ์หราปรากฎโฉมหน้าเป็นที่รู้จักไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปุ๊ ตรอกสาเก หรือชื่อจริงตามทะเบียนสำมะโนครัวว่า จำเริญ บุญยดิษฐ์ ใน ฐานะที่เป็นหัวโจกนำขบวนนักบู้ฝ่ายรุก แม้จะไม่ใช่คนใช้ระเบิดร้ายแรงถล่มคู่อริ แต่เขาก็ได้ฉายาใหม่จากหนังสือพิมพ์แทนของเดิม นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาไม่ว่าฉบับใดก็เรียกเขาด้วยฉายาเดียวกันว่า "ปุ๊ ระเบิดขวด" และมันก็กลายเป็นฉายาติดตัวจนกระทั่งวาระสุดท้ายทั้งๆที่ปุ๊ไม่เคยใช้ระเบิดขวดแม้แต่ครั้งเดียว
 
 
 
ดำ เอสโซ่ มือ ขวาของ ปุ๊ ระเบิดขวด เป็นคนที่เรียกว่ารักพวกพ้องมากๆ เป็นนักเลงคุมซ่องย่านสวนมะลิก่อนจะมารู้จักกับปุ๊  พูดน้อย ต่อยหนัก ฉายา "ผู้เงียบขรึม" หลังจากออกจากคุกพร้อมปุ๊ ระเบิดขวด ก็ร่วมกันเปิดซ่องพร้อมกับเพื่อนสนิทคนอื่นๆ แต่ปุ๊เกิดผิดใจกับเพื่อนของดำจึงยิงใส่เพื่อนของดำ ดำจึงยิงปุ๊ตายหลังจากนั้นเจ้าตัวก็โดนอริยิงจนพิการและตายไป
 
ปุ๊ กรุงเกษม
 
ปุ๊ กรุงเกษม มี ชื่อจริงว่า บรรเจิด กฤษณายุทธ ปัจจุบันยังคงมีชีวิตอยู่ เป็นตำนานมีชีวิตและเป็นสามีของคุณแหวน ฐิติมา นักเลงดังจากฝั่งธนฯ คนนี้แหละที่ตีกับพวกของแดง ไบเล่ย์ในศึก 13 ห้างบางลำพู และแต่งหนังสือชื่อ "เดินอย่างปุ๊" ซึ่งบอกเล่าเรื่องเท็จจริงของนักเลงยุคหลังวังทั้งหมด
 
แหลมสิงห์ ไม่ เชิงวัยรุ่นเสียทีเดียว เป็นผู้คุมในเรือนจำแต่มาเที่ยวผู้หญิงที่บ้านของแดงบ่อยๆ ก็เลยสนิทกับแม่ของแดง (และทีบอกว่าแม่ของแดง ไบเล่ย์ เป็นโสเภณี แต่เรื่องจริงแม่เขาทำงานบ้านในบ้านของโสเภณีเท่านั้น ในหนังเขาทำเอามาสร้างเรื่องผิดพลาดจนกลายเป็นชีวิตของมาเฟียไป) แม่ ของแดงเลยฝากฝังแดงให้แหลมสิงห์ดูแล แหลมสิงห์จึงรักแดงเหมือนน้องแท้ๆ และก็ไม่ได้ตายในงานบวชของแดงเหมือนในหนัง แต่ตายเพราถูกปุ๊ ระเบิดขวดกับดำ เอสโซ่ ตามมาคิดบัญชีเพราะโดนแหลมสิงห์นวดจนน่วมตอนที่ติดคุก
 
จ๊อด เฮาดี้
 
จ๊อด เฮาดี้ เป็น เพื่อนซี้ของแดง ไบเล่ย์ ที่ได้ฉายาว่าเฮาดี้เพราะสมัยนั้นน้ำอัดลมไบเล่ย์จะคู่กับเฮาดี้ เป็นนักเลงระดับแถวหน้าในยุคนั้นเช่นกัน ปัจจุบันก็ยังคงมีชีวิตอยู่และเป็นศิษย์เก่าช่างกลปทุมวัน
 
พจน์ ช่างกล เป็นนักเลงรุ่นใหญ่จากช่างกลพระนครเหนือที่ฝั่งธนฯ เป็นที่เคารพเกรงใจของพวกรุ่นน้องอย่าง แดง ไบเล่ย์พอสมควร
 
ปวาฬ หรือ จ่าวาฬเป็นนักเลงรุ่นใหญ่กว่าพวกของแดง ไบเล่ย์ ซึ่งปุ๊ ระเบิดขวดเคยไปลูบคมครั้งนึงเลยโดนลูกน้องของจ่าวาฬไล่ยิงเอาแต่รอดมาได้ นักเลงในรุ่นนี้เท่าที่ทราบจะมี เกชา เปลี่ยนวิถี และ ธาดา สู้ทุกทิศ
 
นี่คือส่วนนึงของนักเลงในยุค พ.ศ. 2499
 
ข้อมูลจาก : http://gunnerthailand.com
 
 
 
 
 
 
 
แดง ไบเล่ย์ กับ วัลภา ณ สงขลา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 

Tuesday, April 30, 2013

๑๒ กาสิโน-โลกีย์

๑๒ กาสิโน-โลกีย์
  

  วันเสาร์อันเป็นวันที่เราทั้ง ๕ นามนัดหมายกับผู้ใหญ่เต๊กเข้าพบท่ารองฯ คม นายตำรวจนอกราชการ
รับกิจผิดกฏหมายมาทำหาเงินยังชีพถึงกำหนดแล้ว ทุกคนจึงตื่นเช้าเป็นกรณีพิเศษ ( ๐๘.๓๐ ) เพื่อทำความเข้าใจ
กันในบางเรื่องก่อนเจรจาความกับผู้อาวุโส พร้อมกินอาหารว่างกาแฟกับปาท่องโก๋รองท้องไปด้วย

   พักใหญ่ ผลจากการพาทีกัน ต่างเห็นพ้องให้เก๊าตี๋กับแดงทำหน้าเจรจาความในงานนี้ ส่วนพล ตรอกทวาร,เริง สวนมะลิ
กับผม ถึงมีสิทธิร่วมในการเจรจาก็คงแอะอันใดไม่ได้เด็ดขาด เพราะหน้าที่ที่เรา ๓ คนต้องทำคือ ประมวลเรื่องราวระหว่าง
เจรจาความไว้ให้แม่น จะได้นำมาตีความถึงคุณกับโทษ กันมิให้พลาดไปอยู่ในอุ้งเล็บเหล่ามังกร หรือแม้แต่เสีย " ค่าโง่ "
ในเกมที่ต้องปะ

   สายแล้ว....เสร็จกิจเรื่องงาน ต่างแยกย้ายกันทำความสะอาดโฉมและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ผมเองเช้านี้ตื่นก่อนใคร
จึงถือโอกาสทำกิจดังกล่าวเรียบร้อยไปแล้ว เลยจ่อมกันอยู่บนเก้าอี้ อัดบุหรี่ทบทวนมติที่พล เริง และผม ยอมให้ ๒ ดาว
ดังต่างบางทำหน้าฑูต ( โจร ) ด้วยความเต็มใจเพราะอะไร ทั้งที่ทราบแก่ใจว่าการยอมรับเช่นนั้นมันยาวไปถึงการยอมรับ
ให้ดาวดังไบเล่ย์กับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าเป็นหัวหน้าทีมโดยปริยาย

   ครับ-มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เรดาร์ในความรู้สึก หรือจะเรียกสัญชาตญาณนักเลงมองเห็นกันเองว่า ใคร ผู้ใด ควรเหมาะกับ
" งาน " ประเภทไหนนั่นเอง แต่ที่เห็นโดยรูปธรรม ขอชมว่าทั้งคู่พลิกลิ้น ความคิด ความรู้สึกเร็ว สามารถปรับเปลี่ยนบุคคลิก
ภาพตนเข้าถึงบทราวนักแสดงอาชีพได้ทุกบทไม่เลือกนักบุญหรือซาตาน

   ที่กล่าวมา จะเข้าข่ายจิตวิทยาประเภท " ไซโคพาร์ติกเพอร์ซันนอลลิตี้ " หรือมาก " ไซโคแพต " หรือเปล่าไม่ทราบ หากด้าน
จิตวิทยาแล้วท่านนับเป็นบุคคลิกภาพของอันธพาล มีความก้าวร้าวทางจิตใจรุนแรง สามารถแสดงพฤติกรรมภายนอก
พรางสายตาผู้อื่นในสังคมหรือคนใกล้ชิดให้เห็นเป็นปกติ ซ้ำยังสุภาพนอบน้อม มีวาทศิลป์ พูดโน้มน้าวใจผู้อื่นให้เกิด
ศรัทธา มีเมตตา และศิลธรรม เคารพกติกาสังคมส่วนรวม

   ทว่า ยามใดที่เขาถูกขัดใจขัดขวางธาตุแท้ที่ปกปิดด้วยพฤติกรรมภายนอก จะเผยให้ประจักษ์พฤติกรรมตรงกันข้าม
อันสามารถให้บุคคลนั้นเฉือนเนื้อมนุษย์เป็นชิ้นๆ อย่างไม่อาทรหลักประหารหรือบาปเวร

   นี่กระมังที่ผมเชื่อถือ

   ๑๐ น. เศษ ตะวันสาดแสงจ้า โตโยต้าเก๋งที่ไม่คุ้นตาพวกเราจอดพรวดตรงหน้าประตูบ้าน เรา ๕ คนซึ่งสถิตอยู่ภายใน
ห้องอเนกประสงค์มองจากทางหน้าต่างไปยังเก๋งคันนั้นแน่วนิ่ง พอประตูด้านโซเฟอร์เปิด กลับเป็นคนหนุ่มหน้าเสี้ยม
ผมหยิกหยักศก ผิวสีน้ำตาลเข้ม วัยรุ่นพี่ ลงจากรถเดินไปที่ประตู

  " ผู้ใหญ่เต๊กคงส่งคนมารับแทน " เริงคาดการณ์พร้อมกับลุกเดินไปต้อนรับ

   ไม่นานนัก หนุ่นหน้าเสี้ยมก็ถูกดาวดังสวนมะลิเชื้อเชิญเข้ามาพบพวกเราด้วยอัธยาศัยอันดี และเมื่อนั่งเรียบร้อย
เริงปูทางนำเรื่องสั้นๆ

  " ผู้ใหญ่แกส่งคุณแอ๊ดมารับพวกเรา "

  " แล้วตัวผู้ใหญ่ล่ะ " เก๊าตี๋ซัก

  แอ๊ด ชื่อตามที่เขาแนะนำตัวบอกด้วยสำเนียงใต้พอได้ยิน " ผู้ใหญ่กำลังคอยพวกคุณอยู่พร้อมกับรองฯ คม ที่ห้องอาหาร
หาดทรายทอง แกให้ผมมารับแทนครับ "

   ๔ ชีวิตนั่งงันที่พบปัญหาดังที่เริงคาดหมาย พลซึ่งเป็นฝ่ายพูดน้อย ผางทันที

  " แปลกว่ะ แทนที่จะมารับเราไปคุย แกกลับคุยเสียเอง แล้วให้คนมารับเรา "

   วาจาเพื่อนบอกให้รู้ถึงความไม่พอใจชัดแจ้งนั่นเพราะทุกคนมีศักดิ์ศรี การนัดหมายตกลงเรื่องสำคัญอีกทั้งอาสาจะมารับ
และนำไปพบบุคคลที่ ๓ ที่จะร่วมงานนั้น ถือเป็นการให้เกียรติกันระดับต้น จู่ๆ ผู้ใหญ่เต๊กกลับพลิกลิ้นราวหัวหน้าพรรค
การเมืองบางพรรค ทุกคนจึงเลือดเดือด โดยเฉพาะพล ตรอกทวาย นักชนผู้นิยมสงวนลมปากถึงกับเบรกแตกหล่นคำ
นั่นต่อหน้าสาวกมังกรอย่างไม่เกรงใจ

   กระนั้น แดงยังบรรเทาเหตุได้นุ่มนวล

   " คุณแอ๊ดช่วยไปเรียนผู้ใหญ่เต๊กด้วยนะว่า เมื่อแกเป็นตัวแทนเจรจาเรื่องแทนพวกผมได้ก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้อง
เสียเวลาไป บอกแค่นี้นะครับ ขอบคุณครับ "

   ทั้งสรุปทั้งไล่เชิงส่งเขาอยู่ในวาจาเช่นนั้น แอ๊ดถึงกับคิ้วย่น ส่ายตามองหน้าเรา ๕ คน คล้ายไม่แน่ใจบางสิ่ง

    " พวกคุณไม่ไปใช่ไหมครับ " แอ๊ดย้ำ

   " ครับ " เก๊าตี๋รับคำแทน

   แอ๊ด หนุ่มรุ่นพี่จำใจลาจาก พอแขกคล้อยหลังกุมารจีนพึมพำบอกอารมณ์ร้อนฉ่า

   " แกทำหยั่งกะพวกเราเป็นไอ้เป๋อไอ้ป่อง "

  " ไม่ทันมืด แกต้องบึ่งมาหาพวกเรา " ผมทำนายเรื่องราวต่อพรรคพวกอย่างเชื่อมัน 

  " มาหาเพื่อพาไปพบรองฯ คม ด้วยตัวเองนั่นหรือ "

   " แบเบอร์ "

   " มีเหตุผลไหม เปี๊ยก " พล ตรอกทวายให้ความสนใจ

   ผมเหลือบมองเพื่อนทั่วหน้า พบทุกดวงตาสื่อความหมายต้องการคำแจกแจงจึงแถลงทำนอง เราทั้ง ๕ นั้นใช่ไร้ชื่อ
อย่างน้อยสื่อมวลชนก็ได้กระพือบทบาทเป็นการปูฐานให้แล้วกับ " ดีกรี " ของแต่ละคน ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ " นายทุน "
จะมาหาตามที่ผมคาด อันเป็นการตามรอยเล่าปี่ที่พบ " ค่า " ของคนเกินคุ้มจากขงเบ้ง

   หลังคำแจงหมดเปลือก กุมารจีน ม้าเก็งเอ๋ากังขา

   " ถ้าผู้ใหญ่เต๊กไม่มาหาพวกเราล่ะ "

  " แสดงว่าแกพบ มือ ที่เหนือกว่าพวกเรา "

  ผมปิดสำนวนแค่นั้น พลางลุกไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็น " แม่สายบัว " ยังห้องของตน ซึ่งส่งผลให้ทั่วหน้า
สลายตัวเช่นกัน

   เวลาล่วงไป อาหารเช้าฝีมือ ๒ แม่ครัวสาวเงาะกับอ้อย ยกขึ้นโต๊ะอาหารเอาเมื่อตะวันตรงหัวเผง พอเข้าร่วมโต๊ะ
ครบทีม ๗ ชีวิตชายหญิง สัญญาณแตรรถกังวานจากประตูบ้านดังชัดเจน

   ๔ สหายจ้องตามาที่ผมเป็นตาเดียว ผมบอกให้อ้อยออกไปดู ครู่เดียวเธอหน้าตื่นเข้ามาบอก

  " ผู้ใหญ่เต๊กกับใครอ้อยไม่รู้จัก เขาขับรถเก๋ง ๒ คันค่ะ "

  เอาล่ะหวา..เรา ๕ นามราวนัดกันลุกจากเก้าอี้ ออกไปต้อนรับผู้อาวุโสถึงหน้าบ้าน พร้อมเปิดประตูใหญ่ให้ ๒ ผู้มาเยือน
เคลื่อนรถเข้าไปในบ้านทั้ง ๒ คัน โดยไม่มีผู้ใดติดตาม

   ไม่นานนัก ๒ ผู้อาวุโสซึ่งผมเข้าใจว่าอีกท่านหนึ่งคือรองฯ คม นายตำรวจนอกราชการและพวกเราก็พร้อมสนทนา
กันถายในห้องอเนกประสงค์

   " พวกเราขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ให้เกรียติมาเยี่ยมครับ " แดงกล่าวขึ้นก่อน

   ผู้ใหญ่เต๊กยิ้มกว้าง หันไปทางชายไทยร่างสันทัด วัย ๕๐ ปีเศษ ผิวพรรณดีขับเก๋งวอลโวรุ่นเก่า

   " ผมขอแนะนำน้องๆ ให้รู้จักท่านรองฯ คม ครับ "

   " สวัสดีครับท่าน " แดงทำหน้าที่นอบน้อม " ผมชื่อแดง และนั่นเก๊าตี๋ ฯลฯ ครับ "

   เจ้าของร่างสันทัดยิ้มกริ่มกับพวกเรา และชวนคุยถึงธุรกิจย่านอู่ตะเภาฟูเฟื่อง แล้ววกเข้าหาเรื่องของท่านอย่างมีจังหวะ

   " พูดถึงธุรกิจที่เฟืองฟูขณะนี้ ส่วนมากแล้วเฟื่องฟูได้เพราะมี " เกม " กับ " ผู้หญิง " เป็นเครื่องล่อใจฝรั่งกับพ่อค้านักธุรกิจ
ไทยให้มาใช้เงิน ผมก็เลยมาคิดถึงอพาร์ตเมนต์ซึ่งทางโรงเรียนเอกชนเช่าทำ แต่กิจการทรุดและเลิกทำไปแล้ว อาคาร
ทั้งหลังจึงว่างลง พอดีผู้ใหญ่เต๊กมาขอเช่าทำอพาร์ตเมนต์ให้ฝรั่งเช่า แล้วจะแบ่งเป็นค็อกเท็ลเลานจ์ก็เกิดบันดาลใจ
อยากให้มีบริการผู้หญิงกับกาสิโนเล็กเฉพาะแขกภายใน โดยจะเป็นหุ้นส่วนด้วย และจะช่วยจัดการด้านกฏหมาย
ให้กิจการตั้งอยู่ได้ ซึ่งไม่ถึงสัปดาห์ผู้ใหญ่ได้มาเสนอว่า มีตัวคนที่จะทำกิจการนั่นแล้ว คือพวกคุณ จึงเห็นดีด้วย
และขอให้พามาพูดคุยกันในรายละเอียด ทีนี้พวกคุณจะว่าอย่างไรล่ะ "

   " พวกเราพร้อมทำงานอยู่แล้วครับ " เก๊าตี๋ตอบแทน

   มังกรเมืองใต้เสริม " เก๊าตี๋จะพอบอกได้ไหมว่าระยะแรกเราต้องทำอะไรบ้าง "

  " ดูสถานที่ ตามตัวพรรคพวกที่เคยทำบ่อนกับเฮียเก๊ากับนักพนันที่จะเล่นต่อเกมรอเจ้ามือจร ขณะบ่อนดำเนินอยู่ให้ครบทีม
ส่วนผู้หญิงแดงกับเปี๊ยกรับจัดการ ด้านสถานที่เริงกับพลจะควบคุมให้เป็นไปตามที่เราต้องการครับ "

   วาจาเพื่อนมีผลให้มังกรเมืองใต้ถอนหายใจจนได้ยิน ผมฉวัดตาไปยังท่านรองฯ นอกราชการ ได้สบตากันอย่างบังเอิญ
ท่านยิ้มให้และหันไปกล่าวกับผู้ใหญ่เต๊กตรงๆ

   " เงินค่าดัดแปลงต่อเติมอาคารซึ่งเป็นของผมนี่ ขอให้ผู้ใหญ่ทำบัญชีรายจ่ายไว้ แล้วค่อยทยอยหักเปอร์เซ็นต์ส่วนของ
ผมไปนะ "

    " ครับ " ผู้อาวุโสเมืองใต้รับคำ

  การสนทนายุติลงด้วยคำชักชวนของรองฯ คมให้ไปชมอาคารที่จะเปิดกาสิโนเพื่อดำเนินการในเวลาต่อมา

   ที่สุด อาคาร ๔ ชั้น บนเนื้อที่ ๕ ไร่เศษของนายตำรวจนอกราชการยศระดับพันโท ได้ถูกแนะนำจากพวกเราให้มีการ
ดัดแปลงตกแต่งสถานที่แต่ละชั้นตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะชั้น ๔ ที่ตั้งกาสิโนกับชั้นล่างที่จะเปิดค็อกเทลเลานจ์
ซึ่งต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดประหยัด ๖ ตัวกับค่าตกแต่งและอุปกรณ์แล้ว ทราบว่าตัวเลขเฉียดสองแสน
เงินสยามก็รู้สึกหวู่หวิวต่อการลงทุนของผู้ใหญ่เต๊กไม่น้อย เพราะเรื่องยังไม่จบ ยังต้องจ่ายเงินค่าคนที่เราอาสาไปดึงมาร่วม
งานทั้งชายหญิงอีกเหยียบแสน แต่ผู้อาวุโสกลับไม่สะทกเรื่องเงิน จึงตกลงกันได้ก่อนสิ้นแสงสูรย์

   กรุงเทพฯ วันต่อมา บ่ายจัด แดง ไบเล่ย์กับผมลงรถ บ.ข.ส. สายระยอง-กรุงเทพฯ ที่สถานีขนส่งเอกมัยแล้ว ก็จับ
แท็กซี่มุ่งยังเป้าหมายแรกเพื่ออาศัยบารมี ๓ ยอดยุทธ์รุ่นใหญ่ย่านประตูน้ำกว้านหาสาวกสาวกลางคืนไปทำงาน

   พอละจากแท็กซี่เข้าสำนักประตูน้ำของชาวยุทธ์กลับผวาเยือก เมื่อเฮียเต่งประตูน้ำ ๑ ใน ๓ เจ้าสำนักบอกว่า
เฮียยอดกับเฮียกาญจน์ถูกหัวหน้าคณะปฏิวัติเก็บเข้า " ลาดยาว " ไปเมื่อเร็วๆ นี้ จึงเขียนหนังสือให้ไปติดต่อกับแดง
เอราวัณและสิงห์ ซาวอย เจ้าถิ่นย่านเกษร ราชประสงค์ ซึ่งตอนนี้คุมเด็กขายกัญชาอยู่ที่ " ไทยโยนก " ข้างโรงแรม
เอราวัณก็คารวะและลาจากด้วยความขอบคุณ

    ออกจากสำนักประตูน้ำใช้บริการแท็กซี่เป็นพาหนะไปราชประสงค์ครู่เดียว แดงสั่งให้โซเฟอร์เลี้ยวรถเข้าไปส่ง
ยังซอกตึกถนนเกษรเพื่อเคลียร์พื้นที่เพราะเข้าเขต สน. ปทุมวัน กับ สน. ลุมพินีของสารวัตรเสน่ห์ ผู้ไม่ค่อยชอบ
ขี้หน้าเรานัก เคลียร์ย่านเกษรถ้วนทั่วพักหนึ่งค่อยข้ามไป " ไทยโยนก " อดีตแหล่งสถิตเดิมอีกแห่ง และพอหลุด
ประตูกระจกเข้าไปอาบไอเย็นเครื่องปรับอากาศ

   เสียงทักทายจากเหล่าวัยคะนองที่นั่งอยู่ตามโต๊ะเก้าอี้โดยรอบเกรียวกราวให้หนาวทรวงอกเกรงอยู่ได้ไม่นาน
ทันใดร่างหนึ่งหุ่นเพรียวใบหน้าสี่เหลี่ยมผมหยิกสั้น จมูกโต ผิวสีน้ำตาล มีรอยสักหมึกดำตรงลูกกระเดือก
อักษรภาษาอังกฤษคล้ายตัว d เดินยิ้มฟันเหลืองเข้ามาทักทายสนิทสนม

   " หวัดดีเพื่อน "

  " หวัดดี " แดงออกปากเบา ๆ พลางถาม " แดง เอฯ อยู่หรือเปล่าเพื่อน "

  " นาย ๒ คนมาหามัน " สิงห์ ซาวอยใคร่รู้

  " มาหาทั้งนายทั้งแดงด้วย มีเรื่องสำคัญ "

  " หยั่งงั้นตามเรามา "

   จบคำ ดาราดังซาวอยหันกลับนำเดินไปทะลุด้านหลังแหล่งเริงรมย์ออกไปขึ้นบันไดหนีไฟยังอาคารใกล้ ๆ กันเหมือนปกติ
จนสุดขั้นบันไดยังชั้นที่ ๖ จึงไขกุญแจล็อกผลักประตูเปิด และปิดเมื่อเราเข้าไปภายในอาคารเรียบร้อย

   สิงห์เดินไปยังประตูห้องขวามือจัดการไขกุญแจล็อกภายใน เปิดประตูจนกว้างบอกระคนยิ้มภาคภูมิกลางดวงไฟ
ม่วงซึมเซาในห้อง

   " วิมานชาวบุปผาชนของเรา...แดงโวํย แขกมาเยี่ยมวะ "

  คำบอกของสิงห์ประโยคท้ายดลให้ร่างหนึ่งเปลือยท่อนบนกำลังนอนขลุกอยู่ท้ายห้องสลัดผ้าห่มนวมพันกาย ซึ่งเป็น
จังหวะเดียวกับที่สิงห์เปิดไฟนีออนสว่างจ้า นัยน์ตาจึงพร่าไปอึดใจ

   " โอ้โฮเพื่อน เพิ่งจะเห็นหน้าวันนี้เอง " แดง เอราวัณลุกขึ้นทักทาย " เชิญ นั่งก่อน ขอโทษด้วยที่ห้องเราไม่มีโต๊ะเก้าอี้
แต่โชคดีที่มีแอร์ "

   ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สภาพภายในห้องไม่อบอ้าวแต่คล้ายมีหมอกควันจางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วห้อง จึงกวาดตามองขณะ
ทรุดลงนั่งบนเสื่อน้ำมัน พบแต่แผ่นภาพโปสเตอร์โป๊เปลือยติดผนังห้องไว้ทั่ว มิหนำซ้ำตามหัวตะปูที่ตอกติดกับผนังตึก
ยังแขวนเสื้อกระโปรงชุดนักเรียนไม่ต่ำกว่า ๕-๖ ชุด

    ถึงตรงนี้ ผมจับตานิ่งอยู่ท้ายห้องพบเจ้าของชุดเรียน ๓-๔ นางนอนใช้ผ้าห่มนวมคลุมร่างหันหลังให้แสงไฟ ทำเอาเผลอ
เป่าลมออกจากปาก สิงห์ขอตัวไปหาเครื่องดื่ม แดง เอราวัณขยับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่แล้วลุกขึ้นฉีดสเปรย์
ปรับอากาศไปทั่วห้อง ดาวดังไบเล่ย์มองไปยังที่นอนที่เด็กนักเรียนนอนอยู่

    ครู่หนึ่งกลิ่นสเปรย์หอมรวยรินกระทบจมูก แดง เอฯ ปิดไฟนีออนลดความสว่างแล้วนำตะเกียงโป๊ะขนาดเล็กมาตั้ง
เบื้องหน้า พร้อมจุดมันขึ้นใช้แสงแทนนีออน  

จากนั้นเพื่อนได้จ่ายหมอนให้นั่งกอดคนละใบก่อนจะลุกไปหยิบอุปกรณ์
เสพกัญชามาตั้งให้มอง

   " เราขอเลี้ยงต้อนรับเพื่อนด้วยของเบาๆ " เจ้าภาพกล่าว

   " เรามาเรื่องสำคัญว่ะ คงสนุกด้วยไม่ได้เต็มที่ " ผมออกตัวแต่ไม่ถึงกับปฏิเสธไมตรี

  " ไม่เป็นไร เล่นแค่ให้โปร่งใจก็ได้ไม่ว่ากัน...เราขอประเดิมก่อนนะ "

   ดาวเอราวัณบอกพลางบรรจงคลี่กระดาษห่อเนื้อกัญชาสำเร็จรูปที่ยำจนเกือบป่นออกหยิบใส่กรวย ต่อมาเขาหยิบเชื้อหรือ
กล่องกระดาษยาสีฟันที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แหย่เข้ากับไฟตะเกียง " พอเชื้อติดไฟ เขาดึงออก มองหน้า ๒ คน วิบหนึ่งจึงใช้เชื้อไฟไล่รน
" เนื้อ " บนกรวย ส่วนปากที่ผลุบเข้าไปในรูบ้องไม่ไผ่ดึงลมเข้าปอดช้าๆ เคลียร์เนื้อบนกรวยจนสุกแดงดีทั่วค่อยดึงลมหายใจ
ยาวจนแรงลมทำให้น้ำในบ้องเต้นดุจน้ำเดือด

   สิ้นเสียงน้ำในบ้องไม่ไผ่ แดงถอนปากออกพ่นควันสีเทาออกจากจมูกและปากเป็นทางยาว

   บัดดล ๒ ใน ๔ สาวที่เห็นนอนขดอยู่ท้ายห้องขยับเข้าร่วมวงโดยไม่ต้องออกปาก แดงกับผมดึง " เนื้อ " คนละทีพอกระชุ่มกระชวย
ก็ส่งให้ ๒ สาวรับไป แล้วไม่นาน สิงห์ ซาวอย ได้หอบน้ำขวดพร้อมขนมหวานมาบริการเต็มเหนี่ยว เราจึงถือโอกาสกินไปคุยไป พวกที่
สูบเนื้อก็สูบไปอย่างเสรี

    " ผู้หญิง ๒๕ คน เต้นรำเป็น พูดภาษาอังกฤษพอได้ และสมัครใจให้หิ้วได้ หาภายในคืนเดียวคงลำบากว่ะ ถ้าสัก ๒ คืน เราอาจทำได้
แต่ค่าใช้จ่ายกับค่ารถกินอ้วก " สิงห์เปิดไต๋นัยน์ตาหรี่ปรือ

    แดง ไบเล่ย์ บอกยิ้ม ๆ " เราช่วยเพื่อนในด้านค่าน้ำมันกับค่าฝีมือ ๕,๐๐๐ บาท หากส่งตัวเด็กภายใจ ๒ วันได้ "

   " เราขอ ๗,๐๐๐ บาทได้ไหม " แดง เอราวัณต่อรอง

   " ได้ ถ้าส่งเด็กทั้งหมดถึงที่ "

   " โอเค "

   พอแดง เอฯ รับคำ ๑ ใน ๒ สาวเมายาทำหน้าแหงนทะลุกลางปล้องระคนหัวเราะระริกระรี้

   " เงินดีน่าดู เที่ยวกะฝรั่ง "

   น้ำคำสาววัยฝันพ้อดั่งปูให้เห็นอนาคตอันชัดเจนของเธอเอง  

๑๑ แผนมังกร

๑๑ แผนมังกร
 
  งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่งดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น  

    งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่นดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น

  " ผมเป็นคนจร เมื่อคิดปักหลักแล้วต้องแลก ขอให้น้องๆ ดูกันไป "

  งานเลี้ยงเลิก เราทั้งหมดขยับขยายแยกย้ายกันกลับเข้าห้องอาบน้ำ ๒ สาวแม่บ้าน เงาะกับอ้อยจัดการเก็บกวาด
ทำความสะอาดห้องรับแขกที่เละจนสะอาดตาเป็นระเยียบเรียบร้อยขึ้น ผมซึ่งละจากวงเมรัยเป็นคนสุดท้าย ตึงเบียร์
เข้าไปหน่อยถือโอกาสแซวแม่เงาะเปลือกขาวระหว่างลำเลียงขวดเบียร์ไปวางไว้มุมห้อง

   " ไม่รู้ว่าเมื่อคือนเพื่อนเริงได้กินเงาะหรือเปล่า "

  จบคำ เธออายม้วนไปเลย ส่วนผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่เงาะทำกิริยาเช่นนั้นได้ แม้หลายวันที่ผ่านมาเธอยังนั่ง
ตากหน้าหาเงินอยู่ในคาเฟ่หน้าตาเฉย

    สองยามแล้ว ภายในห้องเชียร รถถัง เดิมซึ่งผมย้ายตัวเองมาจากห้องที่เคยอยู่ร่วมกับเก๊าตี๋ บัดนี้มืดสนิทแต่ผม
นอนหลับตาไม่ลง ทั้งสมองปั่นป่วนไปหมดจากฤทธิ์เบียร์ จึงลุกไปเปิดหน้าต่างผลายตีนเตียงออกรับลม กลับพบ
เงาตะคุ่ม ๒ ร่างในความมืดใต้ร่มเงามะม่วงที่กุมารจีนม้าเก็งเอ๋านั่งปั้นตัวเองเป็นจิตรกรกำลังกอดกันกลมดิก

   อกเอย..ค่อนราตรีนี้ดั่งเป็นใจให้กับ ๒ สาวหนุ่มบรรเลงลีลารักกันยิ่งนัก เพราะเหนือหัวของเริงกับเงาะเปลือกขาว
ขึ้นไปปรากฏ จันทร์เต็มดวงอร่ามแสงสีเหลืองนวลตา มีหมู่ดาราดาษทอแสงระยับ ส่วนเบื้องล่าง แม้เป็นหลังบ้าน แต่ก็
เป็นธรรมชาติเพราะทั้งคู่ตกอยู่กลางแสงจันทร์ ใต้เงาไม้ ซึ่งขณะนี้สายลมดึกโชยมาปะทะหน้าจนเย็นวูบวาบ
ระคนกลิ่นไอทะเล

   ครู่หนึ่ง ผมละจากหน้าต่างกลับไปนอนทบทวนอดีตที่ผ่านมากับวันนี้แล้ว รู้สึกอ้างว้างใจ ด้วยบทบาทของพวกเรา
ช่างปรับเปลี่ยนเร็วราวถูกลิขิตไว้ล่วงหน้า

   นอนคิดและพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงในความมืดโดยไม่ขยับลุกจากเตียงอยู่จนเสียงแผ่นเหล็กจากไทยยามประจำซอย
กังวาน ๓ ครั้ง ก็รู้สึกว่ายุงชักแห่กันเข้ากัดจนแสบเนื้อ จึงบุกไปปิดหน้าต่าง ส่วนสายตาไม่วายแฉลบมองโคนมะม่วง
วิมานรักเริง สวนมะลิ กับเงาะ สาวอดีตนางโลม พบแต่ความว่างเปล่า พลอยปลื้มแทนเพื่อนระคนอิจฉาไม่ได้

   ปิดหน้าต่างเสร็จ ประสาทหูผมแว่วเสียงคนเดินระคนเสียงพูดคุยเบากริบอยู่หน้าห้องกลางดึก ก็เกิดสงสัย แต่ไม่ได้
หวาดว่ามี คิดอยู่ในใจต้องเป็นเก๊าตี๋ กับ แดง เพราะอยู่ห้องชั้นบนติดกันและตรงข้ามกับห้องผม

   แปลก...๒ ดาวดังมีเรื่องคุยกันยามวิกาล

  คิดดังกล่าว เลยกลั้นใจยอมเสียมารยาทย่องไปที่ประตูโดยไม่ยอมเปิดไฟในห้อง แล้วแนบหูชิดประตูห้องสื่อข่าว

   " เก๊าตี๋ เราเป็นคนเที่ยวนะเพื่อน เฉพาะอย่างยิ่งกำลังจะทำธุรกิจค้าหญิง ซึ่งพวกเรายังต้องอยู่ใกล้ชิดเจอะเจอ
ผู้หญิงอีกเป็นร้อย หากนายคิดชอบใครแล้ว จะเอาให้ได้อย่างนี้ มันจะทำให้เสียการปกครองและเสียน้ำใจกัน
ในหมู่เพื่อนด้วย "

   ถ้อยคำนั้น แดงเป็นผู้กล่าวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชัดเจนอยู่แล้ว จึงรอฟังเก๊าตี๋โต้ให้กระจ่างเหตุ ซึ่งเขาก็โต้ขึ้น
สุ้มเสียงเบา บ่งหางเสียงไม่พอใจ

   " นายบอกเหตุผลตรงๆ ได้ไหมที่ " กัน " เราไม่ให้ไปนอนกับอีเงาะ "

   " เริงมันชอบอยู่ " แดงว่าน้ำเสียงนุ่มปกติ

  " ก็แค่ชอบกัน "

  " แต่เงาะก็ชอบเริง "

  เก๊าตี๋เงียบไปอึดใจ ค่อยหลุดเสียง " อีเงาะน่ะมันกะหรี่นะเพื่อน "

   " แล้วนายจะเลือกใคร " ดาวดังไบเล่ย์สรุป

  เงียบกริบ สักครู่ เสียงเดินเสียงเปิดปิดประตูห้องนอนของแต่ละคนดังขึ้น บอกให้รู้ว่าศึกชิงนางสงบแล้ว ส่วนผมกลับขึ้นเตียง
นอนตาค้าง หัวเราะไม่ออกกับเรื่องตลกเมื่อครู่ จวบฟ้าสางจึงนิทราสนิทท่ามกลางคำถามถึงความพร้อมที่จะรับ
อุดมการณ์ชาวยุทธ์ที่จะยึดเอา

   ฟ้าแทนมุ้ง

  โรงแรมแทนบ้าน

   ร้านอาหารแทนครัว

   และหญิงคนชั่วแทนเมีย...แล้วหรือ          

๑๐ มังกรเมืองใต้

๑๐ มังกรเมืองใต้
 

ที่สุด การพบปะกันครั้งแรกโดยตรงระหว่างพวกเรา ๖ คน อันมีเชียร รถถัง ,แดง,เก๊าตี๋,พล,เริงและผมกับชาวยุทธ์
แดนใต้ บนดาดฟ้าห้องอาหาร  " ระเริงชล " ท่าเรือเพเขตระยองเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. ตรงตามเวลานักที่หัวหมู่รถถัง
บอกไว้พอดี

   กระนั้น กลับล่าช้ากว่าชายศรีษะเถิก ติดหนวดเล็กเรียวผิวขาวแต่กร้าน สูง ๑๗๐ ซ.ม. หุ่นลงพุงเล็กน้อย เลื้อสาย
มังกรยี่ห้อเต๊ก นั่งคอยอยู่พร้อมบริวาร ๓ นายที่นั่งโต๊ะถัดไป จึงมีการคารวะตามอาวุโสก่อนนั่งร่วมโต๊ะท่ามกลาง
สายตา ๓ การ์ดคุ้มกันจ้องตามองเหมือนไม่ใช่คน

   ต่อไป พนักงานบริการเพิ่มเติมสุราอาหารชั้นดี ซึ่งมีแดง,เก๊าตี๋และผมปฏิเสธสุราจนเจ้าภาพฉงน

   " แปลกนะ...ใครจะเชื่อว่าแดงไบเล่ย์กับเก๊าตี๋ไม่กินเหล้า "

   วาจาผู้ใหญ่เต็กพาให้ทั้ง ๒ เพื่อนที่ถูกเอ่ยนามฉวัดตาไปทางหัวหมู่รถถังวิบเดียวก็เปลี่ยนเป็นปกติ

   จากนั้น การปรึกษางานร่วมหุ้นขยายคาเฟ่อีตัวเริ่มจากปากอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง ให้พวกเราชี้แจงนโยบาย
การทำงาน การขยายสถานที่บริการและงบประมาณที่จะใช้การนี้ ซึ่งเก๊าตี๋อาสาเป็นตัวแทนพวกชี้แจงไปได้เหมาะ
มากทั้งยังสรุปบอกผู้ถือหุ้นไว้คมคาย

   " เมื่อการเพิ่มทุนคราวนี้ตกลงกันได้ ผมกับเพื่อนใคร่ขอความกรุณาให้พวกเราทำงานกันอย่างอิสระนะครับ
ไหนๆ ผู้ใหญ่ก็รู้จักชีวิตจิตใจพวกผมแล้ว "

   " รับรอง ผมไม่ยุ่งเด็ดขาด มีแต่จะสนับสนุนพวกน้อง เถอะน่า อยู่นานไปจะรู้ว่าผมเป็นคนประเภทไหน เอาล่ะ
เสร็จงานแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้กินเหล้ากินข้าวดีกว่าน้อง "

    ผู้ใหญ่เต๊กรับปากรับคำง่ายดาย พร้อมชวนเชิญพวกเราลิ้มสุราอาหารบนโต๊ะราวกับเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทที่แกจะถม
ให้พวกเราเป็นเงินกีบ

   หรือเป็นเพราะแกเห็นตัวเลยกำไรตามสายตานักลงทุน หรือแกเห็นว่าเรา ๖ คน อาจทำประโยชน์ได้เกินค่ากว่าเงินนั่น
ซึ่งเราต้องดูกันไป ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดังนั้น การพาทีในวงสุราจึงเป็นไปด้วยอัธายาศัยอันดี

   ราวทุ่มครึ่ง พวกเราห่วงกิจการทางคาเฟ่ โดยเฉพาะพอกับเริงอันเป็นตัวหลักของงาน ขืนอิดออดปล่อยให้นั่งซัดของชอบ
จนสะใจจะพาลเสียงาน จึงขอตัวรุ่นใหญ่กลับสำนัก ก็ได้ยินคำพูดจากแกขัดหู

   " ผมมีดัทสันปิกอัพอยู่คันหนึ่ง ให้เด็กๆ ขับตามหลังมาจอดไว้โคนสนด้านทางออก พวกน้องเอาๆ ไว้ใช้ จนกว่าจะหารถ
ใหม่ได้ อย่าเกรงใจ ไหนๆ เราจะคบกันแล้ว "

   จบคำ แกยื่นกุญแจรถให้ เปิดยิ้มกว้างใต้หนวดเรียว ดาวดังไบเล่ย์รับกุญแจรถไว้คล้ายไม่ได้คิดพร้อมทั้งคารวะผู้อาวุโส
ตามธรรมเนียม จึงพากันละจากดาดฟ้าห้องอาหารไปหยุดยืนชมดัทสันปิกอัพสีเขียวใต้เงาสน

   ทุกสายตามองไปที่รถคันนั้นจริงแต่ไม่มีใครรู้ว่าใครคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อึดใจ เราทั้งหกจึงก้าวไปใช้รถของ
บุคคลที่ผมมั่นใจว่า " มังกร " เป็นพาหนะอำลาบ้านเพเอาเฉียด ๒ ทุ่ม

   สัปดาห์ต่อมา หลังพบกับหุ้นส่วนคนดังเมืองใต้ และพวกเรากำลังหาช่วงเหมาะปิดกิจการชั่วคราว เพื่อปรับปรุงคาเฟ่
ที่มีแต่ตู้เพลงกับเครื่องดื่มพร้อมโต๊ะเก้าอี้ ให้คลาสสิกขึ้นนั้น เที่ยงวันนี้แดงกลับนำข่าวร้ายมาบอก ขณะที่ทุกคนกำลัง
กินอาหารมื้อแรกของวันตอนกลับจากธุระนอกบ้าน

   " พี่เชียรถูกยิงที่มาบตาพุด "

   " อ้าว..." กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าเผลอใจ

   " แล้วอาการเป็นยังไง " พลร้อนทรวง

   " ผู้ใหญ่เต๊กบอกว่าอาการสาหัส ถูกประกบยิงขณะขับรถเข้าระยอง จนรถแฉลบตกถนน " แดงว่า

    " แปลกว่ะ ผู้ใหญ่แกรู้ข่าวเร็วจัง " เริงข้องจิต

   " ก็รถนั่นมันติดสติ๊กเกอร์ตรงประตูรูปมังกรไม่ใช่หรือ นี่แหละสัญญลักษณ์มันจะมีติดอยู่ตรงประตูรถสองแถวทุกคัน
ที่ขึ้นกับแก "

    คำบอกเพื่อนที่ผ่านการสังเกตไปจากสายตาผมจำต้องจำนนและรับฟังเรื่องราวจากปากดาวดังไบเล่ย์ร่ายต่อ
" ขณะนี้พวกเราไม่ต้องโผล่ไปเยี่ยมพี่เชียรจะปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าไประยะนี้ ศัตรูหมายหัวพวกเราได้ครบแน่
ทางที่ดีที่สุด รีบไปดูที่คาเฟ่ก่อน เด็กๆ รู้ข่าวพี่เชียรถูกยิงอาจพากันตกใจเสียขวัญได้ "

   ไม่มีใครคัดค้านความเห็นเพื่อน ต่างละอาหารมื้อกลางวันเปลี่ยนอาภรณ์ตรวจความพร้อมของ " นิ้ว " ที่หัวหมู๋เชียร
ผู้ป่วยด้วยใช้ปืนหามาให้แล้วลิ่วออกจากบ้านฉาง จับแท็กซี่ฝ่ากระไอร้อนอาทิตย์ยามเที่ยงสู่นิวแลนด์ทันควัน

    ครู่ใหญ่ ราว ๑๐ นาทีเรา ๕ คน นั่งแท็กซี่ผ่านไปบนถนนอันเป็นที่ตั้งไนต์คลับ บาร์ และคาเฟ่แน่นขนัดทั้งสองฝั่ง
ไปจนถึงหน้าคาเฟ่ ไม่ทันลงจากรถบรรดาสาวๆ ที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าประตู ๕-๖ นางกรูกันมาที่รถ สีหน้า แววตา
ส่อความสับสน โก๋ ๒ นายลูกน้องพล ตรอกทวาย แหวกกลุ่มสาวมายืนต่อหน้าเราขณะลงจากรถ ผมกวาดตามอง
รอบตัวเห็นพนักงานบาร์ใกล้เคียงจับตาดูอยู่

   พอชำระค่าบริการ แท็กซี่เคลื่อนรถ จาก ๑ ใน ๒ โก๋ แจงเหตุกลางแสงแดดจ้า

   " ตำรวจเขาสั่งปิดกิจการเราครับ ยังแขวนป้ายไว้ที่หน้าประตูด้วย "

   " เขาพูดอะไรบ้างหรือเปล่า " เก๊าตี๋ถามห้วน ๆ

  " เขาบอกว่า หากข้องใจให้ไปที่กองกำกับฯ ครับ "

  สิ้นคำโก๋ดูแลเด็ก กลางแสงแดดเปรี้ยงว่าร้อนผมกลับไม่ระคายผิว แดงตัดบทเลี่ยงแสงตะวันกล้าและสายตาคน
ดุจเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า

   " เข้าไปคุยข้างใน "

   เมื่อรูปการณ์ส่อชัดว่า เราไม่เอาจเปิดกิจการต่อไปได้ มันก็ต้องปิดเพื่อหยุด " ภัย " ที่เรายังไม่รู้ว่าจากน้ำมือใคร
และจุดประสงค์อะไรนั่นด้วย อย่างไรที่แน่ๆ ฝ่ายกฏหมายตกเป็นเครื่องมือกลุ่มอิทธิพลในจังหวะที่หมู่เชียรถูกลอบยิงนี้
ทำให้เรา ๕ คนมึนตื้อกับความคิด นั่งหน้าตึง ในอกกรุ่นไฟแค้นที่ถูกหักหาญจากศัตรูเร่า ๆ

   " เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้ว่าใครสั่งเก็บพี่เชียร " แดงลั่นมติใจ

   " เราด้วย " เก๊าตี๋เสนอตัว

   ด้านพล ตรอกทวาย กับเริง สวนมะลิ และผมในชีวิตไม่เคยพบเหลี่ยมเล่ห์กับชั้นเชิงทางอาชญากรรมที่มีการวางงานวางแผน
กันครบวงจรเช่นนี้ จึงไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียวต่อการที่จะปักหลักซดกับ " เซียน " ที่ลอบถล่มเรา

   ต่อมา เมื่อมีความเห็นสอดคล้องกัน ป้ายประกาศเลหลังอุปกรณ์ประดามีตลอดไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง สารพัดในคาเฟ่
ได้ถูกยกขึ้นติดตั้งไว้หน้าคาเฟ่และมอบหมายให้ ๒ ดาราดังแม้นศรีดำเนินการรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายไว้ ส่วนเรา ๓ คน
ตกลงใจเข้าเยี่ยมเชียร รถถัง ในเย็นวันนี้ ดังนี้ เวลาช่วงบ่ายจึงช่วยกันเคลียร์เงินค่า " ประตู " ของเด็ก ๆ ตามสิทธิจนเงินสด
เกือบเกลี้ยงลิ้นชัก

    ครับ-เวลาเกือบ ๒ เดือน ด้วยเงินทุน ๗๐,๐๐๐ บาท ที่แลกด้วยชีวิตคน เราดำเนินกิจการมีกำไร ขณะนี้มี " อ้อย กับ เงาะ "
ที่เป็นคนและเพศหญิงวัยไล่ ๆ กับพวกเรา ซึ่งเริงซื้อต่อไปจากเสี่ยปิ่นคนดังท่าฉลอม ๒ นาง แต่ละนางเพิ่งทำประตูไถ่ตัวเอง
ได้ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ บาท ยังติดค้างอีกคนละเกือบหมื่นบาทจะทำประการใด

    กลางห้องกว้าง แต่เดิมใช้เป็นที่ตั้งโต๊ะรับแขกนั่งดื่มเครื่องดื่มเลือกเด็ก บัดนี้ มีคนกันเองนั่งกระจายล้อมพวกเรา
อยู่ ล้วนสงบคำ พัดลมตั้ง ๓-๔ ตัว ที่สาวๆ นำมาตั้งไล่ร้อนในตัวมนุษย์ชายหญิงเกือบ ๓๐ นายและนาง แม้บรรเทา
ร้อนธรรมชาติได้กลับคงไม่มากนัก ในบรรยากาศยามนี้

   ครู่เดียว การตัดสินใจที่จะหาทางออกของพวกเรา สาวหนึ่ง ผิวเหลือง วัยเบญจเพส ตัดผมหยิกหยอยไปทั้งตัว
แต้มสีริมฝีปากแดงแจ๊ดทะลุขึ้นกลางวง

   " ให้อ้อยกับเงาะอยู่ทำงานซักเสื้อผ้า หุงหาอาหารช่วยพวกพี่ที่บ้านสักครึ่งปีก็ได้นี่คะ พวกพี่เป็นชายโสดทุกคน "

   ข้อเสนอกินรีสาวดีมาก ไม่เสียเปรียบด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย อีกทั้งจะอำนวยประโยชน์แก่เราหลายด้าน เนื่องจากที่อยู่
กันมา บ้านช่องหาระเบียบไม่ได้ ถ้ามีผู้หญิงเป็นศรีบ้าน อาจลดการเพ่งเล็งจากฝ่ายกฏหมายโดยอ้อมด้วย จึงบอกกับ
เพื่อน

   " เราว่าเหมาะที่สุด อ้อยกับเงาะควรทำงานใช้หนี้ "

 งานนี้ ผมเป็นพระเอก เพราะไม่มีเสียงคัดค้านจากสหาย พอเรื่องภายในเรียบร้อย พลกับเริงทำบัญชีทรัพย์สินที่จะต้อง
เลมาให้ทุกคนดูกับตา เห็นตัวเลขที่ประเมินไว้ขั้นสูงว่า อาจเลได้ ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วใจหาย วัสดุทุกชิ้นขายได้ในราคา
๔๐ %

    ต่อมา ทุกคนยิ้มให้กัน แรงแค้นโชติวาวกลางแก้วตาดาวดังทุกนาม ขณะนั่งให้สาวงามนับสิบนางสะพายหรือ
หิ้วกระเป๋าเดินทางทยอยกันล่ำลาไปตามทิศทางที่ตนกำหนด จนเหลือ ๒ สาวอ้อยกับเงาะที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัวเอง
เก๊าตี๋ถามขึ้นลอย ๆ

    " อยากไปบ้างไหม "

   ๒ สาวผินหน้ามามองพวกเรา ยิ้มเต็มหน้า ก่อนส่ายหน้าไปมา

   " ทำไมล่ะ "

   " มันไม่ยุติธรรมค่ะ " เงาะตอบเสียงกังวานระคนยิ้มดุจเดิม

    ผมสะกิดใจถ้อยคำนั่นชะมัด อยากรู้นักว่าเธอเอาอะไรมาเป็นเครื่องวัดสรีระกับใจตน แต่ก็เป็นความคิดแวบเดียว
ที่โซนอยู่ก้นถ้ำของปัญญา

   ตะวันรอนแสงลง แดง เก๊าตี๋ และผมพร้อม ๒ แม่บ้านยืนรอแท็กซี่ที่จะผ่านอยู่หน้าคาเฟ่ได้พักเดียว เก๋งบีเอ็มดับบลิว
สีแดงตัดดำใหม่เอี่ยมเคลื่อนช้าๆ เข้ามาจอด กระจกติดฟิล์มกรองแสงหนาเตอะถูกหมุนลง

   " ผู้ใหญ่เต๊ก " ผมบอกตัวเองในทรวง

   จากนั้น มังกรเมืองใต้กวักมือเรียก เรา ๓ ขยับไปที่รถขณะประตูเก๋งด้านเปิดกว้าง พร้อมคำถาม

   " พวกน้องจะไปไหนกันนี่ "

   " เยี่ยมพี่เชียรครับ " เก๊าตี๋บอก

   " อ้าว..." มังกรเมืองใต้ร้อง ตีหน้าเหรอ " พวกน้องยังไม่รู้เรื่องหมู่เชียรหรือนี่ "

   " เรื่องอะไรครับ " แดงถาม

   " หมู่เชียรตายแล้ว ผมกำลังให้คนไปรับศพที่โรงพยาบาลไปไว้ที่วัด และจะทำพิธีทางศาสนาร่วมกับทางญาติๆ เขาเต็มที่เลย "

   น้ำคำอันไม่ต่างน้ำกรด ผมได้ยินชัดหูเพียงประโยคแรก นอกนั้นพร่าเลือน เพราะไม่อาจต้านความรู้สึกในสายเลือด
ที่เร้าแรงแค้น

   " เป็นอันว่าจบเรื่องพี่เชียร " แดงกัดฟันพูด

   " แต่เรื่องของเราไม่จบ " กุมารลำพอง ฉุนขาด

    ช่วงนี้ ผู้ใหญ่เต็กดับโทสะ ๒ ดาวดัง ด้วยการชวนให้ขึ้นรถ และอาสาส่งถึงที่ที่จะไป เวลานั้นไม่มีใครทันคิดอะไร
อยากไปให้พ้นจากคาเฟ่ จึงมอบกุญแจบ้านให้ ๒ สาวจับแท็กซี่กลับไปรอที่บ้านก่อน ส่วนเรา ๓ คนนั่งเก๋งบีเอ็มดับบลิว
ไปกับมังกรเมืองใต้โดยปราศจากจากจุดหมาย

    พัทยาราตรีคืนนี้ เรา ๓ คนท่องไปกับรุ่นใหญ่พักอารมณ์ร้ายด้วยสิ่งบันเทิงเริงรมย์ทุกรูป ผู้ใหญ่เต๊กกลับเป็นชาว
ยุทธ์ที่นิยม " ต้มกระเรียนเผาพิณ " กล่าวทำลายบรรยากาศขึ้นลอย ๆ

   " กระเรียน " เป็นนกที่หลวงจีนนักพรตนิยมเลี้ยงและเซียนผู้วิเศษใช้เป็นพาหนะ จึงถือเป็นสัตว์สูง ส่วน " พิณ " เป็น
เครื่องดนตรีที่ปราชญ์บัณฑิตบรรเลงผ่อนคลายอารมณ์ " ต้มกระเรียนเผาพิณ " ถือเป็นการกระทำที่อำมหิต
สำนวนแปลของเฮีย ( ว.ณ. เมืองลุงจากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น )

   " ขณะนี้ในวงการนักเลงที่นี่เขารู้กันแล้วว่า พวกน้องเป็นใคร "

   " ผู้ใหญ่เป็นคนบอกหรือครับ " เก๊าตี๋สวนคำสุ้มเสียงไม่ค่อยดีนัก

    " ตัวหมู่เชียรเองน่ะแหละพูด ซึ่งเขาก็บอกจุดประสงค์ว่า จำเป็นต้องบอกเพราะพวกน้องหน้าตาอ่อน ๆ กันทั้งนั้น
แกไม่ต้องการให้ใครมาข่มขู่ระหว่างทำงาน "

    " ทีนี้พวกเราก็เป็นเป้ามันสบายไป " กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าไม่วายป่น

   " มังกรเมืองใต้หัวเราะร่า บอกเสียงดัง " ผมมีทางเหมาะที่น้องๆ ควรรับทำระดับงานก็ดีกว่าคาเฟ่ ซ้ำยังเป็นงาน
ที่ทุกคนเคยผ่านมาแล้วด้วย "

   " งานอะไร ไม่ใช่ฆ่าคนน่ะครับ " ผมลองเชิง

   " เปิดบาร์ค้าผู้หญิงกับเปิดบ่อนชั้นดีที่กิโลสิบ "

    " โอ้โฮ..." เก๊าตี๋คราง และเสริม " ผู้ใหญ่พูดยังกะว่าพวกผมมีเงินล้าน "

   " เปล่า พวกน้องไม่ได้ต้องลงทุนเลย คอยแต่คุมเกมให้เป็นไปตามกติกาเท่านั้น ซึ่งถ้าเกมดำเนินได้สวย จะมีรายได้
๓๐% จากกำไร ตอบแทนทุกเดือน "

   " ใครเป็นเจ้าของโดยตรงครับ "

   " ท่านรองฯ คม ขณะนี้สถานที่ยังปล่อยว่างอยู่ หากน้องตกลง ผมจะได้นัดหมายเวลาไปพบท่าน "

   " เราคงต้องปรึกษากันก่อนครับ " แดงขัดขึ้นเกรงเก๊าตี๋ตามใจตน

   " นานไหม "

   " ขอให้เผาหมู่เชียรเสร็จก่อนครับ "

   " คิดจะล้างแค้นให้หมู่เชียรหรือเปล่าล่ะ " มังกรใหญ่เล่นลูกติดพัน

   " อาจบอกวันเดียวกันครับ " แดงปิดสำนวนทันที

   คืนนั้น รอยตีนปลายหาดที่เราประคองเงือกสาวท่องฉิมพลีคงลบเลือนด้วยแรงคลื่นใหญ่น้อย แต่น้ำคำผู้ใหญ่เต๊กคืนนั้น
จนป่านนี้ผมยังจำมันได้ดี วาจาทุกประโยคของมังกรเมืองใต้ผมกรองมาคิดไม่รู้กี่ตลบ ก็พบสิ่งที่ควรจะถามแกบ้างว่า
กิจการดังกล่าว ทำไมแกไม่รับทำเสียเอง ทั้งที่มีความพร้อมกว่าพวกผมทุกประการ หรือเนื่องมาแต่

   คนมีชื่อเพราะกระบี่ กระบี่เกรียงไกรเพราะคน

๙ น้ำเงินเปื้อนบาป

๙ น้ำเงินเปื้อนบาป
  

สัตหีบ...ใกล้ ๒ ทุ่ม โตโยต้าเก๋งสีน้ำเงิน ขับเคลื่อนโดยอดีตโซเฟอร์รถถังปราดเข้าเทียบยังร้านอาหารริมทาง
ที่เลือกแล้วว่าเหมาะหาอาหารยังชีวิต พอพากันเข้าไปหย่อนก้นบนเก้าอี้สรรพ อาหารทะเลถูกนำเสิร์ฟ

    " ใครจะกินเหล้าหรือเบียร์สั่งเอาตามสบายน้อง "

   เชียร รถถัง หัวหน้าทีมชวนเชิญ ดาวดังไบเล่ย์ข้องจิตกับเรื่องราวที่เห็นจึงชะโงกไปถามรุ่นใหญ่ " พี่เชียรสั่งอาหาร
เขาไว้ล่วงหน้าหรือครับ "

   " ไม่ใช่พี่ ของสปอนเซอร์เค้าจัดการให้หลังจากเราสำรวจที่ทำงานเสร็จ "

  " หยั่งงั้น แสดงว่า " แผน " ที่วางไว้นี่ พี่เชียรไม่ได้รับมาจัดการเอง "

   คำซักถามที่ยังประโยชน์ของ แดง ไบเล่ย์ จุดประกายทางปัญญากับความทรงจำที่เคยอ่านหนังสือประเภทนักปล้น
มือปืน หรือเรื่องฆาตกรรมตลอดไปถึงขบวนการมาเฟียในยุคมัธยมฯ ขึ้นมา แต่หมดโอกาสถาม เพราะคำตอบแก

   " มันกะทันหันว่ะ ความจริงแล้วเสี่ยเลี้ยงเขาจ้างเสืออบ จากปราจีนฯ มาทำงานนี้ แต่พวกมันผิดนัด เสี่ยจึงโยนงานนี้ให้
พี่เห็นว่าพวกเรากำลังต้องการเงินก้อนใหญ่จึงรับปากไป เหอะน่า...งานนี้งานเดียว "

    คำชี้แจงกับอ้อนตอนสรุปของตำรวจเก่า พาให้แดงหมดข้อกังหา จากนั้น เชียร รถถัง สั่งพนักงานหญิงนำเหล้าเสิร์ฟ
ชักชวนทุกคนดื่มกิน พลกับเริงอดีตสมุนเก๊า ม้าเก็ง ซึ่งทั้ง ๒ มีวัยสูงกว่าทุกคนตามศักดิ์ควรจะเป็นรุ่นพี่ แต่ฟอร์มทาง
สมองไม่มี เจ๋งแต่ " ใจ " ที่หลอมมาจากสลัมสวนมะลิเบ้าเดียวกับลูกพี่ ดังนั้น อันดับบนถนนนักบู๊จึงเทียมกับพวกเรา
และร่วมเที่ยวอย่างเกรงใจกันและกัน ขณะนี้ทั้ง ๒ ดาวดังร่วมซัดเหล้ากับหัวหมู่คล้ายไม่สนใจข้าว ส่วนเหยี่ยววังปารุสฯ
กลับเคลิ้มแค่จิบ ดุจลิ้นไม่เคยแผ้วเมรัย

   ต่อมา งานเลี้ยงของนายเงินเลิกรา เรา ๖ ชีวิตกลับขึ้นเก๋งโตโยต้าสีน้ำเงินคันเดิม โดยโซเฟอร์เริง สวนมะลิ ตียาวจาก
ดินแดนหลวงพ่ออี๋สู่สนามยุทธ์ด้วยความเร็วปกติ ผมซึ่งนั่งเบาะหลังติดประตูด้านขวามือ ทอดตามองยานพาหนะวิ่ง
สวนและแซงเป็นบางคัน เพื่อให้ใจไม่ครุ่นคิดถึงงาน เพราะตัดใจแน่ว่า เป็นไงเป็นกัน ชีวิตตนเมื่อลิขิตตนไม่ได้
ดังคิด ก็ขอให้ฟ้าลิขิต

    " อีก ๕ นาที ๓ ทุ่ม ตรวจปืนกันให้พร้อมนะ " หัวหน้าทีมสั่งการจากเบาะหน้า

   ผมเย็นวาบ ยิ้มหยันให้ตัวเองพลางดึงคอบร้า . ๓๘ ม.ม. ( ยุคนั้นนิยมมาก ) ออกตรวจสมรรถนะเช่นเพื่อนๆ
ส่วนสำนึกเตือนให้มองค่าของอาวุธในมือเมื่อคิดจะยึดมันประจำตัวยังประโยชน์กับชีวิตตนว่า สืบไปแล้ว
ควรใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้ ไม่ใช่คอยรอคำเตือนจากคนที่เขาใช้อาวุธเช่นเรา

   ครับ-สิ่งนี้คือครู และหาใช่ครูเฉพาะกับผม ๔ เพื่อนล้วนมีก้อนเนื้อในกะโหลกให้ซึมซับเข้าไปกรองเมื่อหวังเดิน
บนวังวนนี้

  ๓ ทุ่ม ๑๐ นาที เริง สวนมะลิ หยุดพาหนะของเราห่างจากปากทางเข้านิวแลนด์ราว ๑๐๐ เมตร เพื่อทบทวนงาน
ก่อนสัมผัสมือลาจากไปประจำจุดของแต่ละคน

   บัดนี้ ผมกับพล ตรอกทวาย ตำแหน่งคุ้มกัน ๒ เพื่อนเตร่อยู่ข้างๆ ศาลเจ้าฯ ที่ตั้งเด่นตรงปากทางเข้าฝั่งขวามือ
ทำทีคอยใช้บริการสองแถวเล็กที่วิ่งเข้าออกวิมานกลางคืนเกือบทุกๆ ๕ นาที ส่วนฝั่งตรงข้าม เก๊าตี๋กับแดงเตร่
อยู่บริเวณโคนสนเยื้องบาร์ขุนแผน อันเป็นบาร์โชว์ ถัดไปตรงโค้งเลี้ยวเข้าถนนเริงเมือง มีแผงบุหรี่นานายี่ห้อ
วางขาย พร้อมของขบเคี้ยวตั้งแต่หมากฝรั่งยันลูกอม ปรากฏเชียร รถถังหัวหน้าทีมสถิตอยู่ ทางเบื้องหลังผม เริง สวนมะลิ
จอดโตโยต้าเก๋งเปิดไฟท้ายแดงโร่

   ทุกตำแหน่งพร้อม รอการมาของ " เหยื่อ " เพื่อลั่นกระสุนเท่านั้น

   ผมยืนทบทวนคำบอกระหว่างวางแผนของหมู่เชียรอีกครั้ง

  " เวลา ๓ ทุ่มครึ่ง หรือเกินกว่านั้นเล็กน้อยจะมีรถเก๋งเบนซ์สีขาว วิ่งมาจากบ้านฉาง แบนซืคนนี้แหละเป้าของเรา
ในรถที่เบาะหลังจะมีผู้ชายวัย ๕๐ ปีนั่งอยู่คนเดียว พอรถวิ่งมาถึงปากทางเข้านิวแลนด์ คนขับรถซึ่งเป็นคนของเรา
จะชะลอความเร็วรถระหว่างเลี้ยว และขับรถให้เคลื่อนช้าๆ จังหวะนี้แหละที่เก๊าตี๋กับแดงจู่โจมเข้ายิง ทางด้านพลกับเปี๊ยก
พอเสียงปืนระเบิดให้ชาร์จสวนทางเข้าคุ้มกันแดงกับเก๊าตี๋ขณะถอนจนกว่าจะขึ้นรถ พูดง่ายๆ ระยะทาง ๕๐ เมตร จากที่เกิด
เหตุไปถึงรถที่เริงอยู่ เปี๊ยกกับพลต้องเคลียร์ทั้งก่อนยิง และหลังจากยิงแล้ว หากมีการปะทะเริงต้องเดินเครื่องรถคอยจนกว่า
ทั้ง ๔ คนจะกลับขึ้นรถหมด สำหรับพี่ช่วยตัวเอง อย่าห่วง "

   การรอคอยอันอึดอัดที่สุดในชีวิตหนุ่มผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมมองไปทางหน้าบาร์ขุนแผนพร้อมสังเกตไปรอบตัว
๒ เพื่อนผู้รับตำแหน่งสำคัญหาอาการพิรุธ ยังจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารต่างชาติ ( m.p.) ยืนรักษาการณ์
ถัดบาร์โชว์ไป ส่ง " ซิก " เชิงบอกให้พวกเราเตรียมตัวจึงเตร่ไปหาดาวดังตรอกทวาย

    " มาแล้วหรือ " พลหลุดปากก่อนพร้อมขยับร่าง

   ผมไม่ตอบคำถามที่รู้อยู่แก่ใจ สู้สะกดใจเอาจริงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า พลางก้าวเดินช้าๆ ทิ้งจังหวะเวลา
ลงมือ ทันใดเก๋งคันหนึ่งทะยานลิ่วมาจากบ้านฉาง พุ่งไฟหน้า ๒ ดวงสว่างจ้า ขณะนี้กำลังลดความเร็วให้สัญญาณไฟเลี้ยว
สีเหลืองวูบวับ

   " ใช่แล้ว " พลบอกเสียงเข้ม

   ผมซุกมือเข้าไปยังซอกเอวซ้ายเดินไปลักษณะกอดอกระวังเหตุแทรกซ้อนให้เพื่อนตามหน้าที่ กระทั่งเห็นตราเบนซ์
หน้ารถชัดเจน อึดใจ เบนซ์สีขาวคันงามหักเลี้ยวซ้ายเข้านิวแลนด์และหมุนวงล้อเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ภายในรถ
ขณะมองผ่านกระจกเข้าไปมีคน ๒ คน โซเฟอร์คนหนึ่งกับที่นั่งยังเบาะหลังอีกหนึ่ง

   วิบตา...ผมรู้สึกเย็นวาบยันมือที่กุมด้ามปืนอยู่ ดาวดังไบเล่ย์วิ่งอ้อมหลังรถไปยังฝั่งขวาของรถ เก๊าตี๋ซึ่งปักหลัก
อยู่ริมถนนซุกมือขวาเข้าไปในชายเสื้อ แดงวิ่งเหยาะๆ ตามรถจนได้จังหวะยิง ก็ปล่อยนิตยสารที่ใช้คลุมปืนหล่น
ลงถนน พร้อมเหนี่ยวไกปืนกระหน่ำยิงทะลุกระจกข้างด้านหลังทันควัน

   เสียงปืนแผดระรัวหลายนัดระคนเสียงกระจกแตกกราวเร้าไปทั้งหู ผมไม่ยอมพ่ายใจตนในเวลาที่ต้องใข้ความกล้า
จึงกระชากปืนออกคุ้มกัน ๒ มือสังหารที่สับตีนลิ่วมาหา

   พอเพื่อนคล้อยหลังไป ไม่มีพลเมืองดี ตำรวจหรือ m.p. ติดตามมา พล บอกเสียงกร้าว

   " ถอยเถอะเพื่อน "

  ได้กัน..ใครจะอยู่ เราสองปั่นวงล้อตีนไปยังโตโยต้าเก๋งที่เปิดประตูหลัง ๒ บานรอในบัดดล

   ที่สุด สิ่งที่เราต้องการสมประสงค์ เงินจากน้ำมือเปื้อนบาปของเราถูกปั้นให้เป็นคาเฟ่ค้ากามภายในเวลา ๑ เดือนเศษ
ทว่า ในรอบ ๓๐ วัน กลางอาณาจักรบันเทิงที่หมู่เชียรกับเก๊าตี๋เป็นตัวหลักดำเนินงานที่กำลังได้รับความนิยมจากนักรบ
ขาว-ดำอยู่นั้น ทั้ง ๒ คนก็ได้ก่อศัตรูไว้ไม่น้อย สำหรับเก๊าตี๋ขณะออกโลดแล่นกับรุ่นใหญ่ เขาเปลี่ยนชื่อเป็น " โอตี๋ "
ศัตรูจึงรู้จักเขาเฉพาะนามดังกล่าว

   เมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะหุ้นส่วนเราจึงมีการปรึกษากันที่บ้านพักหลังเดิมของหมู่เชียรยังห้องรับแขกบ่ายวันนี้ มีเจ้าบ้าน
หรือหัวหน้าทีมเป็นประธาน

   ตอนหนึ่ง เก๊าตี๋แจงถึงเหตุที่มีศัตรูมากด้วยสีหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาโตผิดสัญชาติวาวเรืองดุจนัยน์ตาเสือ

   " เอาล่ะ เราจะพูดคร่าวๆ ถึงเรื่องที่มีศัตรูมากคือ ที่นิวแลนด์นั้นมันมีคาเฟ่ขายตัวเฉพาะของเราที่เดียวหนึ่งล่ะ อีกทางหนึ่ง
คือพวกนั้นต้องการล้มเราเพื่อเปิดคาเฟ่ แบบของเรา แต่ดีว่าผู้ใหญ่ท่าน อนุญาตเฉพาะพี่เชียรเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ป่านนี้
เรามีคู่แข่งอื้อ และอาจมีศัตรูมากกว่านี้ก็เป็นได้

   " ไม่ใช่เพราะนายใช้คนไปดึงแขกของพวกนั้นหรือ...เราบอกกันตรงๆ เพื่อน " แดงกล่าวสุ้มเสียงปกติ

   " นั่นพวกแขกมันเอาไปพูดกันเอง แล้วก็ชวนกันมา ส่วน " ค่าน้ำ " เราจ่ายตามธรรมเนียม เขาหาแขกและเอาเงินมาให้เรานี่ "

   เหตุผลของกุมารจีนมีความหมาย การสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยพวกเราขอร้องให้วุ่นใหญ่กับเก๊าตี๋
ลดบทบาทลง แล้วให้เริงกับพลดำเนินงานแทน ส่วนที่เหลือเป็นกองหลัง ปัญหานี้ผ่านด้วยดี

    พอผ่านมาถึงเรื่องการ " เพิ่มทุน " เพื่อขยายกิจการให้พอกับค่าใช้จ่าย หลายคนมีปัญหาทันที เฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่
ไม่ค่อยมีปัญหา อย่างพลกับเริง ๒ ดาราแม้นศรีกลับมีปัญหา อ้างว่ากิจการยังไม่ทันคืนกำไรให้เห็น แล้วจะเอาเงิน
ที่ไหนมาเพิ่มทุน ลำพัง " เด็ก " ที่นำมาเข้า " คอก " นี่ ทั้งพลและเริงต้องขึ้นล่อง ระยอง-กรุงเทพฯ เข้ามหาชัยออกนครปฐม
จรดบ้านโป่ง ใช้ " เครดิต " นำเด็กมาป้อน ยังส่งเงินพรรคพวกไม่ครบ จึงขอให้งดโครงการนั่นไว้ชั่วคราวก่อน อย่างน้อย
ขอเวลาดูทิศทางชาวยุทธ์ถิ่นนี้สัก ๒ เดือน

   ทางด้านกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เก๊าตี๋เสนอคำสนับสนุนหัวหมู่รถถังทำนองว่า ตนเองไม่ใช่อยากเพิ่มทุนด้วยรู้ฐานะการเงิน
ของพรรคเราดี แต่ถูกบังคับโดยอ้อมจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ขอเพิ่มค่า " เก๊าเจียะ " ขึ้นอีก ๕๐ % หากไม่หาทุนขยายกิจการ
เป็นจนแน่

    มิหนำซ้ำ เหยี่ยววังปารุสก์ยังเสริม ถ้าเราไม่ยอมขยับขยายหรือเพิ่มเงินตามขอ เราอาจเจอ " คู่แข่ง " ซึ่งใครจะไปรู้
เพราะกฏหมายอยู่ในมือพวกเขา

   ถึงตรงนี้ บรรยากาศภายในห้องรับแขกสิ้นเสียงพาที หุ่นสูงเพรียวสมสัดส่วนของดาวดังไบเล่ย์ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้
ยืนร่างตรงแน่ว โฉมหน้าที่มิได้ส่อแววทมิฬดั่งพฤติกรรมแลเคร่งขรึมเกินวัย นัยน์ตาเหลืองคมกริบกวาดมองทุกคน
ถามเสียงกังวาน

   " เราจะเอาเงินทางไหนมาเพิ่มทุน เสี่ยเลี้ยงนั่นน่ะ ผมคิดว่าเขาไม่มายุ่งกับเราอีกแล้ว "

  ไม่ยากหรอก พี่มีทาง " เชียร รถถัง เปิดไต๋ผลัวะ

   " ทางไหนครับ "

   " ผู้ใหญ่เต็ก จากชุมพร จะลงหุ้นกับเรา "

   สิ้นคำแก แดงทิ้งก้นลงนั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พรูลมหายใจยาว ผมเองก็มีความรู้สึกไม่ต่างกว่าเพื่อน ด้วยเวลาเดือนเศษ
ที่หากินกลางอาณาจักรนิวแลนด์ พวกเรารู้จักชาวยุทธ์เมืองใต้นั่นพอสมควร บทบาทที่คนดังชุมพรโลดแล่นอยู่ขณะ
นี้คือ นักธุรกิจบันเทิง เป็นเจ้าของ สโนว์ไวท์ อะโกโก้ขนาดใหญ่ และกำลัง " หมายตา " ฮุบกิจการไนต์คลับคู่แข่ง
มาทำเสียเองอยู่ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นหัวหอกเตรียมจัดตั้งคิวรถสองแถวเล็กถาวรขึ้นบริเวณหน้าสนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย

   เรียกว่าศัตรูเพียบทุกกิจการที่แกมีบทบาท

   แดงมีความเห็นยังไงก็ว่ามา " รุ่นใหญ่เร้า

  เขาหลุดคำทันควัน " เราหนีร้อนมานะครับ ผู้ใหญ่เต็กแกมีศัตรูมากเหมือนกัน ถ้าลงหุ้นกันแล้วจะมีปัญหา "

   " งานทุกอย่างต้องทำก่อนนะเพื่อนไม่ลองไม่รู้ " กุมารจีนเสริม

   " นี่...แดง " หมู่เชียรตามติดพัน " ผู้ใหญ่เต็กเขาไม่มายุ่งกับเรื่องนี้หรอก กิจการอื่นสำคัญกว่าเขามีเป็นล้าน "

   " แล้วคนของแกล่ะ " ผมติงบ้าง

   เก๊าตี๋ตอบผาง " ไม่เกี่ยว ถ้าจะเที่ยวต้องเสียเงินตามราคา "

   " นายรับผิดชอบเรื่องนี้นะ " แดงย้ำแทน

   " โอเค เพื่อน "

   สิ้นเสียงกุมารจีนรับปาก แดงผินหน้าไปทางพลกับเริง และผม ถามหนักแน่น

   " ลองดูกันไหม "

   ๒ ดาราดังย่านแม้นศรี ผงกหัวแทนตอบ สำหรับผมเข้าอีหรอบเดิม คือแห่ตามพวกเหมือนเดิม

   หมดเรื่องเครียดเอาบ่ายจัด แดดรอนแสง หมู่เชียรจัดตั้งวงสุรา ( เบ็ดตกกวี หรือ ไม้กวาดทุกข์ ) อันเป็นของชื่นชอบ
พร้อมพลกับเริงคู่ขาเก่า เก๊าตี๋แยกไปหลังบ้านใต้ร่มเงามะม่วงจัดทำกิจเขียนภาพมังกรสะดุ้งเล่นสีลงในสมุดวาดเขียน
ขนาดใหญ่ที่ใกล้แล้วเสร็จอย่างประณีต แดงเข้าห้องเปิดวิทยุฟังเพลงชุดของเอลวิส ภาคบ่าย

   ส่วนผมลุกไปนั่งมองปลากัดในขวดกับในโหลที่คัดมาจากเมืองชล ๒๐ กว่าตัว ชมสีสันของมันครู่เดียว จึงช้อนเอาตัว
ที่ยังไม่เคยประลองคมปากขึ้นมา ๒ ตัวไปใส่โหลขนาดใหญ่ พอน้ำในโหลหยุดกระเพื่อม ๒ นักสู้ขยายครีบ แพนหาง
พุ่งเข้าราวีกันพัลวัน ตัวสีน้ำเงินเคลือบแดงตอนนี้แพนหางขาดแล้ว ขณะนี้ " มัน " ประกบปากบิดกันจนลำตัวพลิกไปมา
น้ำป่วน

   แต่ผมเริงใจ นั่งชมผู้ชนะที่ต้องมีหรืออาจไม่มีตามสัญชาติ " ลูกหม้อ " สืบไป

๘ ตุลาการเถื่อน

๘ ตุลาการเถื่อน
 

ครึ่งคืนล่วง ใต้หลังคาฟ้าสะพรั่งดาวมีจันทร์แรมเรืองแสง บัดนี้บนเสื่อที่ตั้งเหล้าเมื่อตอนหัวค่ำในรวงรัง
เชียร รถถัง เปลี่ยนเป็นวงข้าวของฝากดาวดังไบเล่ย์ติดมือจากระยองมาให้ ๓ สาวรุ่นบำรุงกระเพาะด้วย
ลักษณะที่เขากับผมต้องเบือนหน้าหนีไปมองดาวบนฟ้าเพราะสมเพชสภาพเธอเหลือเกิน

   หลายครั้งที่นั่งถามใจตนว่า ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นขุมนรกบ้างหรือไร ? ทั้งๆ ที่เมื่อ ๒ - ๓ ปีก่อน
ยังกล้าพาพวกบุกฉุด " เด็ก " ในซ่องป้าหยิบสี่แยกคอกวัวด้วยบำเหน็จอาหารกับเหล้าโต๊ะเดียวมาแล้ว
มาคราวนี้ได้เห็นเหตุทารุณจิตใจเต็มตา ได้เห็นสัตว์โลกเพศแม่กินอาหารยังกับหมู กลับทำใจหิมะ ดั่งเข้าถึง
สัญชาตญาณหมู่คณะ

   ไม่นานการเดินทางระยะสั้นของข้าว แต่ยาวขวบปีสำหรับชาวนาที่เราปล่อยให้ ๓ สาวจัดการช่วยตัวเองเสร็จกิจ
แดงต่อเวลาพวกเธอย่อยอาหารสืบไปอีกพักหนึ่ง จึงเริ่มเปิดปากกล่อมเด็กตามลีลาตน

   " ผม ได้เปลี่ยนสภาพพวกคุณแล้วนะ ต่อไปเป็นหน้าที่ตัวคุณเองว่าควรทำอย่างไรถึงจะอยู่เพื่อเอาตัวรอดได้ และสุข
สบายพอสมควร สำหรับผมกับเพื่อนช่วยพวกคุณได้เท่าที่เห็นนี้ เกินกว่านี้ผมทำไม่ได้ มันเป็นหนทางหากินของพวกเขา
ที่สำคัญผมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างผู้อาศัย พูดง่ายๆ ก็คือ ผมหนีร้อนมาหาที่เย็น ๆ อยู่ ซึ่งเจ้าของบ้านเขาได้ต้อนรับ
ขับสู้อย่างดี ผมจึงไม่ควรทำอะไรให้มากกว่าที่มันเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีผมขอให้พวกคุณเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเถอะ
และเมื่อถึงคราวจะต้องเสีย อย่ารอให้เขาสั่งให้พวกแมงดามันโทรม เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นผู้หญิงจะ " เจ็บ " ที่สุดใน
ชีวิตไม่ใช่หรือ? "

    สิ้นคำเพื่อน ผมลอบถอนหายใจโล่งอก ๓ สาวนั่งสงบคำ ก้มหน้านิ่งเช่นเคย

   " ทั้งหมดที่พูดนั่น ผมไม่ได้แนะนำให้เลือกทางผิด ผมหมายถึงว่า คนเราเมื่อถลำเข้าไปได้ มันควรที่จะหาทางออกได้
พวกคุณไม่ใช่ผู้ร้าย ยังมีโอกาสกับเวลาเพียงพอครับ ดังนั้น ต่อไปหลังจากนี้ เมื่อคุณ ๓ คนกลับไปนอนก็ใช้เวลาตัดสินใจเอาว่า
ระหว่าง " เต็มใจ " กับถูก " ข่มขืนกาย-ใจ " ดู...เอาล่ะนี่ดึกมากแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ "

   สิ้นคำเขา ๓ สาวไหวกาย และจัดการลำเลียงภาชนะใส่อาหารเข้าครัวทำความสะอาด ส่วนเรา ๒ คน นั่งอัดบุหรี่ชมดาว
ฆ่าเวลาต่อไปอีกพักหนึ่ง แดงชวนขึ้นไปดูอาการทอมบอยที่ตน " ยำ " เสียสลบ จึงละจากลานสนามหน้าบ้านกลับขึ้น
ชั้นบนของตัวบ้าน

   ถึงหน้าห้องลงทัณฑ์ ๓ สาว แดงผลักประตูที่ไม่ได้ใส่กลอนหรือล็อกภายในเปิดเข้าไป ๓ นางบาปสาวถึงกับ
ลุกพรวดจากท่านอนขึ้นนั่ง เบิ่งตามอง

   เพื่อนทำไม่ใส่ใจอาการนั่น แต่ให้ความสนใจสาวทอมบอยที่ยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ครู่เดียว สั่งความสั้น ๆ

  " ช่วยพยาบาลด้วยนะ "

   จบคำ เราถอยออกจากห้อง แดงดึงประตูห้องเตรียมปิด เสียงใสกังวานจากในห้องดังขึ้น

   " พี่ใส่กุญแจเลยก็ได้ค่ะ พวกหนูไม่ไปไหนอีกแล้ว "

   วาจาประโยคนั้น แลบริสุทธิ์ ไม่น่ามีอะไรเคลือบแคลง ด้วยเพราะเธอจำเจกับสภาพคุมขังจนเคยชิน กระนั้น แดงกับผมซึ่งมี
บางสิ่งในชีวิตละม้ายกันถึงกับอึ้งก่อนดึงประตูปิดโดยไม่ล็อกกุญแจตามที่เธอบอก

   หมดเรื่องผู้หญิง เรา ๒ คนกลับลงไปชั้นล่างนั่งคุยกันถึงเรื่อง เชียร รถถังกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าทำท่า " ฮั้ว " กันเปิดกิจการอีหนูคาเฟ่
ว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่งเพื่อนก็แจกแจงว่าอาจ " รุ่ง " และ " ร่วง " ได้ทันทีที่ฐานกับทีมงานไม่แข็งจริง

   อย่างไรระดับมือคุ้มกันคาราวานฝิ่น เช่น เชียร รถถังได้สร้างศรัทธาแก่เราพอสมควร

  เฉียดตี ๓ อดีตหัวหมู่ตำรวจรถถังพร้อมเก๊าตี๋ , เริงและพลกลับถึงบ้านด้วยแท็กซี่ป้ายดำ เราออกไปเปิดประตูรับ รุ่นใหญ่บอกสุ้มเสียงเสพ
เมรัยมาไม่น้อย

   " ขอบใจมากน้อง "

   เมื่อกลับเข้าบ้านยังไม่ทันหย่อนก้นนั่ง ปรากฏสาวทอมบอยลงมายืนโงกเงกอยู่ตรงเชิงบันได ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าปูดโปน ริมฝีปาก
บวมเป่งเกือบปลิ้น

   " มันอะไรกันวะ อีกบ " หัวหมู่คนดังถามขณะพิศโฉม

    กบสาวเห็นเจ้าบ้านชัดตา ปล่อยเสียงโฮลั่นบ้าน พร้อมใช้มือปิดหน้าตัวเองร่ำไห้ตลอดเวลา ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ รุ่นใหญ่
เบนสายตามาทางเรา แดงเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างไม่อำพรางอย่างองอาจ กระทั่งถึงบทสรุปต่อหน้าสหาย

   " เรื่องทั้งหมดผมขอรับผิดโดยตลอดครับ "

   รุ่นใหญ่ปรายนัยน์ตาเหยี่ยวผ่านผมไปยังร่างสาวทอมบอย เก๊าตี๋, เริง, พล ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกคล้ายบรรจงกลางรัตติกาลอึมครึม
ต่อการอ่านใจคู่กรณี

   หมู่เชียรเดินไปหาสาวทอมบอยที่กำลังคร่ำครวญ ตะคอกเสียงดัง

   " มึงจะบ้ารึ ? "

   ราวประกาศิตพระกาฬ กบสาวหยุดสะอึกสะอื้น ยืนเกาะราวบันไดก้มหน้าเงียบกริบ อึดใจคำพิพากษาหล่นผาง

   " พรุ่งนี้เช้า มึงไปจากที่นี่เสีย...ไป "

   บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนในฉับพลัน อย่างน้อยผมและแดงได้หันมาสบตากันเชิงนิยมคำตัดสินนั่น ส่วนโจทก์สาวที่กลายเป็นจำเลย
โดยอัตโนมัติลงบันไดหลบไปยังห้องพักของเธอเซื่องซึม

    พอภายในห้องรับแขกชั้นล่างมีเฉพาะพวกเรา เรื่องราวที่หมู่เชียรออกไปดำเนินการกับ ๓ เพื่อนวันนี้ถูกนำมาบอกเล่าและปรึกษาขอความเห็น
กันทั่วหน้า

  สำหรับผมได้ทำนายเหตุการณ์ไว้แต่ต้นแล้วว่าหมู่เชียรกับเก๊าตี๋จะต้องฮั้ว กันเปิดคาเฟ่ค้ากามขึ้นที่นี่ ซึ่งก็เป็นความจริง บัดนี้ หัวหมู่
คนดัง บอกว่าได้ " เดินเรื่อง " ขอ " ไฟเขียว " ตามขั้นตอนเรียบร้อย แต่ขาดเงินที่จะขยายหรือก่อสร้างสถานบริการกับค่าอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้
ไม่น้อยกว่า ๗๐,๐๐๐ - ๘๐,๐๐๐ ซึ่งพวกเราจะไปเอาที่ไหนกัน

   ส่วนนายทุนของหมู่เชียร หรือเสี่ยงเลี้ยงจากท่าเรือเพได้เปิดโควต้าเงินสดไว้แค่ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งแกก็เอาเงินไปคว้าสาวรุ่น ๓ นาง
นั่นจนเกลี้ยงคลัง ดังนั้น ใกล้รุ่งคืนนี้ทั้งกบาลของพวกเราจึงครุ่นหาช่องที่จะได้เงินจำนวนดังกล่าวในการนี้ทุกท่า

    จวบเสียงไก่บ้านขันรับวันใหม่แจ้วๆ รุ่นใหญ่ค่อยกล่าวขึ้นลอยๆ

   " มีทางเดียวที่จะได้เงินทันการณ์ "

   พล ตรอกทวาย ซักทันที " ทางไหนพี่ "

   " ปล้น "

   อมิตตาพุทธ เหล่าดาวดังวัยคะนองทุกนามเบื้องหน้าหุบปากสนิท ผมเองก็ไม่ต่างอวตารเป็นพระเตมีย์ใบ้ อันนี้ต้องแจงกันแล้ว สำหรับ
คำบอกที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากพวกเรา

   ประการแรก พวกเรา ๕ คน อันมีแดง, เก๊าตี๋, พล, เริง และผมนั้นความจริงแล้วนับแต่เที่ยว ( ซ่าส์ ) มาไม่เคยงานอาชญากรรม
ที่เรียกว่า " ปล้น " ดังที่รุ่นใหญ่บอก แม้พฤติกรรมบางอย่างบางครั้งเข้าข่ายชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ เช่น

   นำพวกเที่ยว " ตบ " เฟอร์นิเจอร์ประดับประเภท แว่นเรย์แบนด์ เลส ( ชั้นดี ) สร้อยคอทองคำ แหวนรุ่น แหวนทองจาก
วัยรุ่นทั่วไป

   พฤติกรรมดังกล่าว พวกเราล้วนก่อขึ้นด้วยความภาคภูมิมากกว่าหวั่นเกรง เพราะใจขณะนั้นไม่ได้หวังอยากได้ทรัพย์เป็นสื่อ
แต่เกิดเพราะตาไม่ต้องกับตีน หรือศรศิลป์ไม่กินกันตามประสาวัย เมื่อเป็นเช่นนี้ วัยกับใจจึงบัญชาให้ใช้วิธีหักหาญเอา

   ใครแข็งแรงกว่าคือผูชนะ

  " เรามีทางเลือกนี้เท่านั้นนะ เมื่อตกลงใจเราทุกคนก็เป็นหุ้นส่วนกัน " รุ่นใหญ่ย้ำประโยคเดิม

   เก๊าตี๋เปิดไต๋ตัวเองก่อนใคร " พี่เชียรจะปล้นใคร ปล้นที่ไหน "

   " พี่ต้องออก " ร่อน " ดูก่อน " ตอยเสียงขรึมลงปรายตามองผมกับดาวดังไบเล่ย์ ถามตรงๆ " แดงกับเปี๊ยกจะร่วมมือกับพี่หรือเปล่า "

   แดงตอบเหมือนเตรียมไว้แล้ว " ผมจะร่วมมือเพียงครั้งเดียวนะครับ "

   ตกมาถึงผมเป็นผู้ตอบบ้าง ใครจะกล้าบ่ายเบี่ยง จึงประสานใจไปกับเพื่อนประกาศตนเป็นหนุ่มเลือดสุพรรณ ตามฟอร์ม

   วันต่อมาและคืนต่อไป เรา ๕ คน ซุกชีวิตอยู่ยังบ้านพักเดิมอย่างสุขสบายทั้งกิน-นอน-เที่ยว แล้วตระเวนหาที่ซ้อมปืนประจำตัว
ที่หมู่เชียรจักสรรมาให้

    ช่วงรองาน ไม่มีใครพูดถึง " งาน " ที่จะทำเพราะไม่ต้องการเผยธาตุแท้ตน

  ส่วน ๓ สาวรุ่นถูกหมู่เชียรส่งไปสังเวยผู้ใหญ่ระดับจังหวัดและเจ้าพ่อเรียบร้อย จนบัดนี้ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย

   ช่างเถอะ เราพบกันแค่ผ่าน

  วันหนึ่งราวๆ เที่ยงเศษ ผมคิดถึงหลวงพ่อที่จากมาโดยมิได้ล่ำลา จึงนั่งเขียนจดหมายไปนมัสการท่านให้คลายกังวล พอลงมือ
ไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคงเขียนให้คลายกังวล พอลงมือไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคง
เขียนไปถึงมารดา แต่เพื่อนกลับเขียนเสร็จด้วยเวลา ๒-๓ นาที จึงชะโงกหน้าไปอ่าน แดงเลยแฉข้อความนั่น

   " แม่ครับ...ตอนนี้ผมสุขสบายดี ขอรับรองว่าผมจะกลับไปบวชให้แม่แน่ครับ...แดง "

   อ่านจบ ผมยิ้มให้เขาอย่างเข้าถึงความรู้สึกนั่น

  ล่วงถึงบ่ายจัด หัวหมู่เชียรกับเก๊าตี๋กลับเข้าบ้านพร้อมเรียกประชุมพวกเราเป็นการด่วน เมื่อพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกหัวหน้า
ทีมเฉพาะกิจลำดับความได้ยินชัดเจน

   " เสี่ยเลี้ยงมีงานสำคัญให้พวกเราทำง่ายกว่าปล้น หากทำสำเร็จ เจ็ดหมื่นจ่ายทันที "

  เรา ๕ คน ยกเว้นเก๊าตี๋ที่ไปกับหัวหมู่เชียรถามเกือบพร้อมกัน

   " งานอะไรครับ "

  " ยิงคน "

   คำตอบของหมู่เชียรสะกดทุกคนนิ่งงันเป็นคำรบสอง เก๊าตี๋ทำหน้าที่ชี้แจงต่อ

   " คนที่พวกเราจะไปยิงเป็นพวกลักลอบค้าของเถื่อน ไม่มีความสลักสำคัญอะไร ถ้ามันตายไปตำรวจเขาอาจขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำ "

   ถ้อยคำสนับสนุนงานนี้แบบสุดตัวของกุมารจีนปลุกเลือดลมผมเต้นยิบ อย่างน้อยคำตอบที่พวกเราจะตอบหาใช่คำตอบตาม
บทละคร ทว่ามันเป็นเรื่องจริง ชีวิตคนจริงๆ ที่มีราคา ๗๐,๐๐๐ บาท และที่สำคัญแดง ( เฉพาะกับแดง ไบเล่ย์ งานฆ่าเมื่ออายุ ๑๓ ขวบ
ไม่ ใช่เจตนา ) พล, เริง, ผมหรือเก๊าตี๋ล้วนไม่ใช่นักฆ่า เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตวิปริตกลุ่มหนึ่งกลางสังคมนี้ ซึ่งน้ำมือนั้นแม้เปื้อน
เลือดมาแล้วก็เป็นเลือดการต่อสู้ในหมู่ชาวยุทธ์

   เมื่อมาปะงานนี้ ต่างจึงไม่วายพรั่นกับบทบาทใหม่ อย่างไรแดงคล้ายตัดสินใจเร็วกว่าใคร ถามไม่เจาะจง

   " ใครจะเป็นคนยิงครับ "

   " เก๊าตี๋คิดว่าใครเหมาะ ลงมือ ๒ คนพร้อมกันนะ " เชียรผ่านลูกตามเชิง

   กุมารจีนสะบัดหน้าไปยังดาวดังไบเล่ย์บอกดั่งกระซิบ

   " เราจะลงมือกับนายนะเพื่อน "

   " ตกลง "

   สิ้นเสียงดาวดัง หมู่เชียรกำหนดตัวบุคคลก่อนวางแผนต่อ

   " ให้พลกับเปี๊ยกคุ้มกันหลังให้ ๒ คนนั่นด้วย เริงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนพี่จะกำกับแดงกับเก๊าก่อนลงมือ...มาดูนี่ พวกเรา "

   ที่สุดแผนผังบริเวณปากทางเข้าสถานบันเทิงนิวแลนด์ถูกกางต่อหน้าพวกเรา พร้อมคำอรรถยุทธ์การล่าชีวิตคนครั้งแรกจนกระจ่าง
ก็สรุป

   " เดี๋ยวเราจะออกไปดูสถานที่จริงกันเลย ใครมีอะไรไม่เข้าใจขอให้ซักถาม "

   " เราจะลงมือกันเมื่อไหร่พี่ " เริงผู้รับตำแหน่งตีนผีใจร้อน

   " ๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้ "

   คำตอบชัดเจนโสตเพื่อนทุกนามซึ่งส่งผลให้ยุติคำถาม แดงกับเก๊าตี๋ลุกขึ้นสัมผัสมือกัน ผมหันไปยิ้มกับดาราดังตรอกทวายเชิง
บอกให้รู้ว่าเพื่อนกับผมก็ได้รับตำแหน่งสำคัญไม่น้อยกว่าทุกคน เพราะต้องสัมพันธ์กันทุกวินาที นับแต่ระเบิดกระสุนสังหารเหยื่อ

   ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รถเก๋งพาหนะที่จะใช้ในงานนี้ถูกส่งมาจากเสี่ยเลี้ยงเจ้าของเงิน ซึ่งหัวหน้าทีมหรือเชียร รถถัง ออกไปเปิดตัว
พาทีกับโซเฟอร์ที่นำรถมาให้ที่หน้าบ้าน ไม่นานได้กลับเข้ามาบอก

   " เสี่ยเลี้ยงสั่งห้ามยิงคนขับรถเด็ดขาด มัน " สาย " ของเขาให้ระวังด้วย "

   " เราไม่ยิงมัน แล้วมันล่ะ..." เริง สวนมะลิ ข้องจิต

   " พี่รับรองเอง "

   คราวนี้ไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งอาจเป็นด้วยไม่มีประสบการณ์ สำหรับผมรู้สึกขัดข้องทางความคิด แต่ไม่แอะ กระทั่งอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ
ชักชวนออกร่อนสำรวจทิศทางยุทธการล่าสังหารยังปากทางสถานบันเทิงนิวแลนด์ในเวลาต่อมา 

๗ หงายไพ่ เชียร รถถัง

๗ หงายไพ่ เชียร รถถัง


  นับเป็นความการุณพอสมควรของสาวแหม่มกับซูซี่ที่ยังทิ้งเสื้อกางเกงปราศจากทรัพย์ไว้ให้คนละชุด เพื่อนำสร้อยทองคำ
ของเก๊าตี๋ในคอที่ ๒ สาวไม่กล้าปลดจากคอเขาระหว่างหลับไปขายต่อมือต่อตีนที่สัตหีบ

   ล่วงบ่ายจัด หลังเอาสร้อยคอทองคำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดเรียบร้อย เรา ๒ คนมุ่งเข้าร้านอาหารบำรุง
กระเพาะตามสัญญาณเตือนมาแต่ ๑๐ โมงเช้า

   พักใหญ่พออิ่มหนำสำราญ กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าขอความความเห็นหนทางไป

  " เราควรตามหาแดงกับพี่เชียรให้พบดีไหม "

  " ก็ได้ " ผมตามน้ำ

   " เฮ้ย..." เก๊าตี๋อุทานกะทันหัน

   ผมรู้สึกผิดหูน้ำเสียงเพื่อน จึงมองตามสายตาเขา พบ ๒ กุมารไทย เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย อดีตสมุน
เก่าของ เก๊า ม้าเก็ง อย่างไม่คาดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เก๊าตี๋เลยถือโอกาสเชิญ ๒ ชาวยุทธ์วัยคะนองร่างเตี้ยล่ำ
ผู้ตั้งใจเข้ามาบริโภคอาหารอยู่แล้วร่วมโต๊ะ

   เมื่อความตั้งใจไปหามิตร เผอิญพบมิตรเก่าเช่นนี้จึงนั่งเป็นเพื่อนคุยรอระหว่าง ๒ ดาวดังย่านแม้นศรีกินอาหาร

  " นาย ๒ คนมากันวันนี้หรือ " ผมป้อนคำถามไม่เจาะจง

  " มาตั้งแต่วันที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวพวกเราที่กรุงเกษมนั่นแหละ " พลตอบ

  " แล้วตอนนี้ทำอะไรกัน "

  " ลอยชาย..สุดแต่พี่เชียน เห็นว่ากำลังวิ่งเต้นผู้ใหญ่เปิดกิจการอีหนูคาเฟ่ "

   คำบอก พล ตรอกทวาย ทำให้ผมกับเก๊าตี๋มองหน้ากัน ตีหน้าเหลอ ก่อนยิ้มพึงใจกับมหาโชคที่บันดาล
มิให้เราตะลอนตามหาตัว เชียร รถถัง กับ แดง ไบเล่ย์ เหมือนคนตาบอด สำหรับเก๊าตี๋อาการเริงร่าทางสีหน้า
และกิริยาเตือนให้ผมอ่านใจเพื่อนตามปกติ โดยเอาคำบอกของดาราตรอกทวายวิเคราะห์ดูเส้นทางของเขา

   แน่นอน เก๊าตี๋ คิดปักหลักที่นี่

  เสร็จกิจเรื่องอาหารและชำระเงิน กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชักชวนให้ไปหาอดีตนายตำรวจรถถังยศชั้นประทวน
ยุคท่านรองฯ ผาด ตุงคะสมิต โดยแท็กซี่ป้ายดำมุ่งเข้าบ้านฉางชนบทระดับตำบลอันใกล้เป็นกิ่งอำเภอ
จากดอลล่าร์อเมริกัน

  ขาตีรถกลับเที่ยวนี้ต่างหุบปากนั่งเงียบ ผมนั่งมองภูมิภาพริมทางขณะรถผ่านนับแต่กิโลสิบ ปากทาง
แสมสาร อู่ตะเภา ยามตะวันรอนเพื่อพักก้อนเนื้อในกะโหลก กลับกำหนดใจไม่ได้ นั่นคงเนื่องด้วยพาหนะ
ที่ผมกำลังทะยานลิ่วไปหาคน ผู้มีพฤติกรรมร้อนราวไฟถึง ๒ คน

   สำหรับวัยคะนอง แดง ไบเล่ย์นั้น ผมได้ปูปูมของเขาไปแล้ว แต่กับหมู่เชียร รถถัง หรือ เชียร หยิกเจ้าของพิกัด
๑๓๐ ปอนด์ ผิวเหลือง เส้นผมบนหัวหยิกหยอยยังไม่ได้กล่าวถึง เพราะเป็นชาวยุทธ์รุ่นอาวุโสมีสี เรื่องราวที่
ปรากฏต่อสายตาชาวยุทธ์ทั่วไปจึงไม่ปรากฏ ทว่าหากมุดกำแพงวังปารุสฯ อดีตที่ตั้งกองบังคับการยานยนต์
หุ้มเกราะของท่านรองฯ ผาดเข้าไป ก็พอรู้ว่าหัวหน้าหมู่เชียนไม่ค่อยมีเวลาขับรถถังของตำรวจเท่าใดนัก
ส่วนใหญ่ " เจ้านาย " จะมอบงานเฉพาะกิจเบาๆ ให้คุมคาราวานฝิ่นเข้ากรุงเทพฯ และจัดส่งไปจำหน่ายยัง
ต่างประเทศ

   หัวหมู่เชียนจึงเฟื่องในยุคอัศวินครองเมือง

  ถึงคราวท่านอธิบดีเผ่าสิ้นอำนาจวาสนา หัวหมู่เชียรต้องหลุดจากวงจร " ม้าเหล็ก " เพราะทระนงไม่ต้องการ
เปลี่ยนสี เปลี่ยนเหล่าไปใช้สีเขียว ( โอนยานยนต์ตำรวจทุกคันเข้า ทบ ) ดังนั้น วันนี้หมู่เชียน รถถัง จึงเป็นเหยี่ยว
หนีเงื้อมมือคณะปฏิวัติคู่อาฆาตเจ้านายตนมาถึงชายฝั่งทะเลตะวันออกดุจเดียวกับพวกเรา

   อย่างไรก็ตาม สัญชาติเหยี่ยวนั้นบินสูง ด้วยสามารถมองเห็นเหยื่อได้ทั้งใกล้และไกล หากพวกเราคบค้าด้วย
มันก็ต้องคอยสังเกตว่า " เหยื่อ " ในสายตาเหยี่ยวเป็นพวกเราหรือว่าผู้อื่น ?

   บ้านฉาง พาหนะของพวกเราหยุดสนิทหน้าตลาดเก่า ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์สองฝั่งถนนรวม
ไปถึงศูนย์การค้า เมื่อพากันลงจากรถไปรับรังสีสนธยา พล ตรอกทวายบอกขณะทำหน้าที่มัคคุเทศก์

   " ถ้าพี่เชียรเปิดคาเฟ่ค้าอีหนูได้ รับรองว่ารับเละ "

  " ที่ว่าจะเปิดไม่ได้เพราะอะไร ตำรวจเขาไม่เล่นด้วยหรือยังไง " เก๊าตี๋สนใจ

  " ตำรวจน่ะ เขาเล่นด้วยแน่ แต่มันอยู่ที่ว่า เราจะเปิดได้กี่วัน โดยไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น " พลขยายความ

   " ก็แสดงว่านักเลงเยอะ "

  " พวกตังเกว่ะ ไอ้พวกนี้ทหารเรือยังไม่อยากยุ่ง มันยกกันมาเป็นร้อย " เริง สวนมะลิตอบแทนเพื่อน

  " อย่างนี้ต้องมีคนคุ้มกะลาหัวอยู่ " ผมแอะบ้าง

   " เห็นพี่เชียรบอกว่าเป็นพวกเด็กๆ ของเสี่ยกังเจ้าของโรงแรมชื่อดังในระยอง...ไม่เฉพาะกับไอ้พวกกระเบนธง
เท่านั้นนะ ยังมีไอ้พวก " สิงห์ ป่าซุง " ของหลงจู๊เกียงกับพวกคนงานไร่อ้อยของเสี่ยโยชน์อีก "

  เก๊าตี๋ถามบ้าง " รู้อย่างนี้แล้วพี่เชียรยังกล้าหาทุนมาเปิด "

   " พี่เชียรรู้จักกับเจ้าพ่อเมืองชล "

  " ใครวะ "

  " หลงจู๊เกียง "

 " ใหญ่จริงหรือ "

  " ก็คงเท่ากับเกชา หรือลุงดวง ลพบุรีนั่นแหละ "

   ได้รับทราบความยิ่งยงของหลงจู๊เกียงที่ยังไม่ได้เห็นหน้าจากปากดาวดัง สวนมะลิแค่นั้น พวกก็พาไปหยุด
ที่หน้าประตูบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง มีรั้วรอบขอบชิดกลางซอยฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์บ้านฉาง จากนั้น
พลกดออดสัญญาณไฟฟ้าตรงเสาประตู

   " บ้านน่าอยู่ว่ะ ไม่มั่ว " เก๊าตี๋ว่า

   ผมต่อให้ในใจ " นอกจากบ้านน่าอยู่แล้ว ยังน่าไว้ใจด้วย "

   ครู่เดียว บุคคลที่เรามุ่งมาหาไม่ปรากฏ กลับมีสาวพอสวยดัดผมสั้นยังกับพวกทอมบอยออกมาเปิดประตูให้
พลแนะนำเก๊าตี๋กับผมให้เธอรู้จักตามธรรมเนียมโดยไม่มีรายละเอียดความสลักสำคัญของเธอภายในบ้าน
หลังนั้น

   " พี่เชียรกับแดงคงนอนหลับ " พลคาดการณ์พอได้ยิน

  ไม่มีใครออกความเห็นต่างเดินตามสาวทอมบอยซึ่งนำหน้าลิ่วไปเปิดประตูห้องรอ พอผ่านร่างพ้นประตู
เข้าไป เชียร รถถัง พาร่างพิกัดเฟเธอร์เวตพร้อม แดง ไบเล่ย์ เปิดประตูห้องด้านในอีกห้องหนึ่งออกมาทักทาย
ชวนเชิญให้นั่ง และดื่มน้ำเย็นที่สาวทอมบอยนำมาเสิร์ฟ

  " น้อง ๒ คนมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไร รุ่นใหญ่ถามขึ้นก่อน "

  " วันนี้เองครับ บังเอิญเจอเริงกับพลที่สัตหีบเขาจึงพามาที่นี่ " กุมารจีนไม่บอกความจริงทั้งหมด

  " ดีแล้วที่พวกเรามารวมกันที่นี่ "

  " ได้ข่าวว่าพี่เชียรจะค้า " เด็ก " ที่นี่หรือครับ " เก็าตี๋ถามถึงเรื่องใคร่รู้

   เหยี่ยววังปารุสฯ หยุดความสดชื่นทางสีหน้าบอกเสียงฉุน

  " พี่จะเปิดวันนี้ก็เปิดได้ ถ้ามีเด็กพอ...นี่ต้องรอล่องเด็กจากนครสวรรค์อีกเป็นอาทิตย์ "

   ผมเบนสายตาไปยังวัยคะนองไบเล่ย์ที่นั่งสงบคำมาตลอดชวนคุยขึ้น

  " แดงร่วมหุ้นกับพี่เชียรหรือ "

   " เปล่าหรอกเพื่อน มาอาศัยพี่เชียรชั่วคราวบางทีอาจไปโคราชหรืออุดรฯ ที่นี่คนดุ "

  " เราว่าไม่ดุเกินคนหรอก " พลค้าน

   พลัน..เราทั้ง ๖ ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเกิดเสียงคล้ายถ้วยจานถูกขว้างใส่ประตูขณะที่หมู่เชียรกับแดงโผล่ออกมา
และตามด้วยเสียงใสๆ สำเนียงชาวเหนือผรุสวาทลั่นห้อง

   เก๊าตี๋กับผมหันไปทางรุ่นใหญ่ อดีตตำรวจรถถังวังปารุสฯ ส่ายหัวไปมาอย่างหมดอาลัยระคนหงุดหงิด
ผมร้อนใจใคร่รู้เหตุให้กระจ่างถึงเจ้าของเสียงภายในห้องดังกล่าว หลุดปากก่อนใคร

  " พี่เชียรขังเด็กไว้ "

    " ใช่ เด็กสดๆ ซิงๆ ๓ คน นายทุนลงทุนให้พี่เหยียบแสนซื้อมาจากเหนือให้ผู้ใหญ่กับเจ้าพ่อที่นี่ พอถึงเวลา
เสือกไม่ยอมไป พี่ต้องขอนัดเวลาเลื่อน "

  คำตอบแกกระจ่างใจพอแล้ว จึงไม่ตามเรื่องแต่สาวทอมบอยเดินหน้าบูดเข้ามาหาแก หมู่เชียรบอกห้วน ๆ

   " อย่าเพิ่งไปทำอะไรมัน เอาไว้ให้ย้ายขึ้นชั้นบนก่อน "

   " ค่ะ " ทอมบอยสาวรับคำ

   " เออ..กบ เดี๋ยวจัดห้องชั้นบนให้เก๊าตี๋กับเปี๊ยกด้วยนะ "

   " ค่ะ "

    ตกลงเย็นวันนี้ ผมได้รวงรังพำนักร่วมห้องเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เพราะทั้งบ้านทุกห้องมีผู้อาศัยอยู่ครบ

   ค่ำแล้ววงสุราของพวกเรา ๖ ชีวิตชายกับอีก ๑ หญิง สาวทอมบอยได้ปูเสื่อนั่งดื่มกินบนลานหญ้า
หน้าบ้าน ทัศนาชีวิตกลางคืนที่น่ามองและชวนคิดให้ผู้คนชายหญิงไม่เบื่อ เพราะนับแต่ตั้งวงสุราผมมีอาหาร
ตาจากโฉมงามแต่งตัวเจ็บ ๆ ทยอยเดินออกจากซอยเป็นกลุ่ม ๆ ให้ตัดสินว่านางใดเหมาะสเป๊กใจ

   และเมื่อผ่านตาไป ภาพของพวกเธอในอ้อมกอดอเมริกันขาว-ดำร่างยักษ์ บนรถสองแถวโดยสารเมื่อคืน
กลับผุดขึ้นแทนที่เสมอ ดังนั้น สมองกำลังนี้จึงครุ่นแต่คิดมากกว่าสนใจฟังหมู่เชียรกับกุมารจีนฝันเฟื่อง
กับงานขุดทองจากกระเป๋านักรบขาว-ดำ

   ๒ ทุ่มเศษ แดงกับผมขอตัวจากรุ่นใหญ่ออกไปเตร่ชมสภาพบ้านฉาง แล้วต่อรถสองแถวเข้าตัวเมืองระยอง
สู่สำนักนางโลมข้าง ๆ โรงภาพยนตร์เทพบันเทิงหารสคาวธรรมชาติผู้ชายก่อนคืนสู่เหย้า

  เฉียด ๕ ทุ่ม แดงชวนผมแวะซื้ออาหารคาว-หวานติดมือกลับบ้าน และพอกลับเข้าบ้านในเวลาต่อมา
ทั้งบ้านเหลือสาวทอมบอยชื่อ " กบ " รับหน้าอยู่นางเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าทั้ง ๔ คนเดินทางไปพบ
หลงจู๊เกียงเจ้าพ่อชลบุรี แดงจึงส่งถุงบรรจุอาหารให้

    " กบเอาข้าวผัดไปให้ ๓ คนในห้องนั่นกินหน่อยสิ ป่านนี้คงหิวแย่ "

   สาวทอมบอยหดมือกลับ มองหน้าเรา ๒ คน บอกอย่างเกรงใจ

  " พี่เชียรสั่งไม่ให้กินอะไรทั้งนั้นค่ะ แกต้องการลงโทษ "

   " แม้แต่น้ำ "

    " ค่ะ แกห้ามทุกอย่าง "

  คำบอกของสาวคุมเด็กเด็กจุดดีกรีความร้อนขึ้นในทรวงผม แต่สู้งำไว้ฟังความเห็นเจ้าของทรัพย์ค่าอาหาร
ที่หิ้วมาจากระยอง ซึ่งวัยคะนองไบเล่ย์ก็ว่าไปได้เจ็บ

  " กบไม่กินน้ำเหมือนพวกนั้นได้ไหม "

  กบไม่ต่อคำ ทำท่าผละหนี แดงสำทับเสียงเหี้ยม

  " ขอกุญแจห้องผม "

   สิ้นคำเขา สาวเจ้าผละเดินหนี วิบตา แดงกระโจนพรวดไปคว้าคอเสื้อสาวทอมบอย กระชากกลับเต็มแรง

  " โอ๊ย " กบร้อง หน้าแหงน มือกาง นัยน์ตาเหลือกลาน

   แดงชะโงกหน้าเข้าหา ถลึงตาใส่ตะคอกบอกอารมณ์หงุดหงิด

  " เอากุญแจมา "

   " โธ่..พี่แดง " หญิงสาวครวญ

  " อยากเจ็บตัวหรือ "

   กิตติศัพท์แดง ไบเล่ย์ กบสาวคงพอได้ยินชาวยุทธ์กล่าวขวัญว่าโหดถ้าไม่ได้ดั่งใจ เธอจึงล้วงกุญแจส่งให้
บอกเสียงพร่า

   " พี่เชียรย้ายขึ้นไปชั้นบนแล้วค่ะ "

   ได้กุญแจแล้ว วัยคะนองถือถุงอาหารของฝากที่ตั้งใจนำมาให้ ๓ สาวเดินขึ้นบันไดทันที ผมเองไม่ได้คิด
หน้าคิดหลังเรื่องภายหน้า คิดแต่จะไปดูสภาพการกักขัง ๓ สาวที่รุ่นใหญ่หมายนำความบริสุทธ์ของเธอไป
สังเวยผู้หลักผู้ใหญ่กับคนดังของจังหวัดเพื่อเปิดดงอนาจารรับนักรบต่างแดนเท่านั้น จึงตามดาวดังขึ้นไปติดๆ

   ถึงหน้าห้องที่ล็อกกุญแจอยู่ด้านนอก ซึ่งอยู่ขวามือสุด เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วเข้าหู แดงรีบไชกุญแจ
เปิดประตูถ่างออกกว้าง สัมผัสที่ได้รับทางจมูกทำให้ผมรีบยกมือขึ้นอุดจมูกตามสัญชาติญาณ

   " ใครเอา ขี้ มาไว้ในห้องหรือยังไงวะ " แดงพึม ทำจมูกฟุตฟิต

    ผมกวาดสายตามองรอบห้องฉับไว เมื่อเห็นสภาพภายในห้องชัดตา กลับขยับตัวไม่ได้แล้ว แดงเองพลอย
เซ่อที่เห็น ๓ สาวถูกโซ่ล่ามข้อมือ ยืนโยงไว้กับขื่อตามมุมห้องชนิดเปลือยอาภรณ์ทุกชิ้น กระนั้นยังเป็นภาพ
ธรรมดาสำหรับเราแต่ที่มันทรงเดชสะกดให้จังงังก็เพราะทั้งร่างเปลือยของ ๓ สาวถูกชโลมอุจจาระตั้งแต่
เส้นผมจรดตีนนั้นต่างหาก

   ๒๐ ปีที่ประพฤติตนนอกลู่ในลู่ พานพบเรื่องราวในยุทธจักรประหลาดพิสดารมาก็หลาย ยอมรับว่าไม่เคย
เห็นพฤติกรรมทารุณจิตใจมนุษย์ถึงขั้นนี้ จึงขอความเห็นเพื่อน

   " แดง  นายคิดยังไง "

  วัยคะนองหันขวับไปทางด้านหลัง ผมเหวี่ยงสายตาตาม บริเวณหน้าประตูปรากฏสาวทอมบอยสาวยืนหน้ามุ่ย
มองเรา ๒ คนอยู่ ทันใด แดงปราดเข้าหา กบสาวร้องลั่น

   " โอ๊ย...อะไรพี่ "

   แดงดั่งลืมน้ำใจและเมตตาที่เคยมีแก่สุภาพสตรีทั่วไปสิ้นเชิง มือตีนประดาจึงเข่นลงร่างทอมบอยสาวคุมเด็กรุนแรง
จนสลบคาประตู

   ต่อมาเขาจัดการให้อิสระ ๓ สาวและไล่เข้าห้องน้ำ ผมไปพยุงแม่กบเข้าไปนอนในห้องพร้อมปิดกุญแจขังไว้
กันวุ่นกว่าที่กำลังวุ่นอยู่ เมื่อกลับลงชั้นล่าง แดงบ่นพึม

   " เราลืมตัวว่ะ มันฉุน ไอ้ห่าผู้หญิงเหมือนกันไม่รักกัน "

  " เรื่องนั้นจบเหอะ " ผมว่า " ต่อไปนายจะเอายังไงกับผู้หญิงนั่น หมู่เชียรด่าแหลกแน่ "

   " เราจะพูดกับพวกเธอดีๆ ไหนๆ พ่อ แม่ก็เต็มใจขาย กับทั้งรับเงินเขาไปแล้ว อย่าดื้อดึงเลย "

  " พูดแค่นี้เหรอ " ผมข้องจิต

   " ถามเธอตรงๆ ว่าจะยอมเปิดบริสุทธิ์กับผู้ใหญ่หรือจะยอมให้แมงดามันลงแขก "

  คำบอกเพื่อนถูกต้องสำหรับวงการนี้ เพราะเด็กสาวบางคนที่ถูกหลอกมา หรือพ่อแม่ขายให้นั้น บางนาง
เป็นสาวพรหมจรรย์ การที่จะให้เธอรับแขก ( นอนกับชาย ) ที่ไม่ใช่คนรัก ใครจะยอมง่ายๆ บางรายถูกแมงดา
ซ้อมสะบักสะบอมก็ยังไม่ยอมทอดกาย

  เหล่าพ่อเล้าแม่เล้า ( เหี้ยม ) จึงใช้ไม้ตายสุดท้ายสั่งให้แมงดาในซ่องลงแขก