Tuesday, April 30, 2013

๑๐ มังกรเมืองใต้

๑๐ มังกรเมืองใต้
 

ที่สุด การพบปะกันครั้งแรกโดยตรงระหว่างพวกเรา ๖ คน อันมีเชียร รถถัง ,แดง,เก๊าตี๋,พล,เริงและผมกับชาวยุทธ์
แดนใต้ บนดาดฟ้าห้องอาหาร  " ระเริงชล " ท่าเรือเพเขตระยองเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. ตรงตามเวลานักที่หัวหมู่รถถัง
บอกไว้พอดี

   กระนั้น กลับล่าช้ากว่าชายศรีษะเถิก ติดหนวดเล็กเรียวผิวขาวแต่กร้าน สูง ๑๗๐ ซ.ม. หุ่นลงพุงเล็กน้อย เลื้อสาย
มังกรยี่ห้อเต๊ก นั่งคอยอยู่พร้อมบริวาร ๓ นายที่นั่งโต๊ะถัดไป จึงมีการคารวะตามอาวุโสก่อนนั่งร่วมโต๊ะท่ามกลาง
สายตา ๓ การ์ดคุ้มกันจ้องตามองเหมือนไม่ใช่คน

   ต่อไป พนักงานบริการเพิ่มเติมสุราอาหารชั้นดี ซึ่งมีแดง,เก๊าตี๋และผมปฏิเสธสุราจนเจ้าภาพฉงน

   " แปลกนะ...ใครจะเชื่อว่าแดงไบเล่ย์กับเก๊าตี๋ไม่กินเหล้า "

   วาจาผู้ใหญ่เต็กพาให้ทั้ง ๒ เพื่อนที่ถูกเอ่ยนามฉวัดตาไปทางหัวหมู่รถถังวิบเดียวก็เปลี่ยนเป็นปกติ

   จากนั้น การปรึกษางานร่วมหุ้นขยายคาเฟ่อีตัวเริ่มจากปากอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง ให้พวกเราชี้แจงนโยบาย
การทำงาน การขยายสถานที่บริการและงบประมาณที่จะใช้การนี้ ซึ่งเก๊าตี๋อาสาเป็นตัวแทนพวกชี้แจงไปได้เหมาะ
มากทั้งยังสรุปบอกผู้ถือหุ้นไว้คมคาย

   " เมื่อการเพิ่มทุนคราวนี้ตกลงกันได้ ผมกับเพื่อนใคร่ขอความกรุณาให้พวกเราทำงานกันอย่างอิสระนะครับ
ไหนๆ ผู้ใหญ่ก็รู้จักชีวิตจิตใจพวกผมแล้ว "

   " รับรอง ผมไม่ยุ่งเด็ดขาด มีแต่จะสนับสนุนพวกน้อง เถอะน่า อยู่นานไปจะรู้ว่าผมเป็นคนประเภทไหน เอาล่ะ
เสร็จงานแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้กินเหล้ากินข้าวดีกว่าน้อง "

    ผู้ใหญ่เต๊กรับปากรับคำง่ายดาย พร้อมชวนเชิญพวกเราลิ้มสุราอาหารบนโต๊ะราวกับเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทที่แกจะถม
ให้พวกเราเป็นเงินกีบ

   หรือเป็นเพราะแกเห็นตัวเลยกำไรตามสายตานักลงทุน หรือแกเห็นว่าเรา ๖ คน อาจทำประโยชน์ได้เกินค่ากว่าเงินนั่น
ซึ่งเราต้องดูกันไป ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดังนั้น การพาทีในวงสุราจึงเป็นไปด้วยอัธายาศัยอันดี

   ราวทุ่มครึ่ง พวกเราห่วงกิจการทางคาเฟ่ โดยเฉพาะพอกับเริงอันเป็นตัวหลักของงาน ขืนอิดออดปล่อยให้นั่งซัดของชอบ
จนสะใจจะพาลเสียงาน จึงขอตัวรุ่นใหญ่กลับสำนัก ก็ได้ยินคำพูดจากแกขัดหู

   " ผมมีดัทสันปิกอัพอยู่คันหนึ่ง ให้เด็กๆ ขับตามหลังมาจอดไว้โคนสนด้านทางออก พวกน้องเอาๆ ไว้ใช้ จนกว่าจะหารถ
ใหม่ได้ อย่าเกรงใจ ไหนๆ เราจะคบกันแล้ว "

   จบคำ แกยื่นกุญแจรถให้ เปิดยิ้มกว้างใต้หนวดเรียว ดาวดังไบเล่ย์รับกุญแจรถไว้คล้ายไม่ได้คิดพร้อมทั้งคารวะผู้อาวุโส
ตามธรรมเนียม จึงพากันละจากดาดฟ้าห้องอาหารไปหยุดยืนชมดัทสันปิกอัพสีเขียวใต้เงาสน

   ทุกสายตามองไปที่รถคันนั้นจริงแต่ไม่มีใครรู้ว่าใครคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อึดใจ เราทั้งหกจึงก้าวไปใช้รถของ
บุคคลที่ผมมั่นใจว่า " มังกร " เป็นพาหนะอำลาบ้านเพเอาเฉียด ๒ ทุ่ม

   สัปดาห์ต่อมา หลังพบกับหุ้นส่วนคนดังเมืองใต้ และพวกเรากำลังหาช่วงเหมาะปิดกิจการชั่วคราว เพื่อปรับปรุงคาเฟ่
ที่มีแต่ตู้เพลงกับเครื่องดื่มพร้อมโต๊ะเก้าอี้ ให้คลาสสิกขึ้นนั้น เที่ยงวันนี้แดงกลับนำข่าวร้ายมาบอก ขณะที่ทุกคนกำลัง
กินอาหารมื้อแรกของวันตอนกลับจากธุระนอกบ้าน

   " พี่เชียรถูกยิงที่มาบตาพุด "

   " อ้าว..." กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าเผลอใจ

   " แล้วอาการเป็นยังไง " พลร้อนทรวง

   " ผู้ใหญ่เต๊กบอกว่าอาการสาหัส ถูกประกบยิงขณะขับรถเข้าระยอง จนรถแฉลบตกถนน " แดงว่า

    " แปลกว่ะ ผู้ใหญ่แกรู้ข่าวเร็วจัง " เริงข้องจิต

   " ก็รถนั่นมันติดสติ๊กเกอร์ตรงประตูรูปมังกรไม่ใช่หรือ นี่แหละสัญญลักษณ์มันจะมีติดอยู่ตรงประตูรถสองแถวทุกคัน
ที่ขึ้นกับแก "

    คำบอกเพื่อนที่ผ่านการสังเกตไปจากสายตาผมจำต้องจำนนและรับฟังเรื่องราวจากปากดาวดังไบเล่ย์ร่ายต่อ
" ขณะนี้พวกเราไม่ต้องโผล่ไปเยี่ยมพี่เชียรจะปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าไประยะนี้ ศัตรูหมายหัวพวกเราได้ครบแน่
ทางที่ดีที่สุด รีบไปดูที่คาเฟ่ก่อน เด็กๆ รู้ข่าวพี่เชียรถูกยิงอาจพากันตกใจเสียขวัญได้ "

   ไม่มีใครคัดค้านความเห็นเพื่อน ต่างละอาหารมื้อกลางวันเปลี่ยนอาภรณ์ตรวจความพร้อมของ " นิ้ว " ที่หัวหมู๋เชียร
ผู้ป่วยด้วยใช้ปืนหามาให้แล้วลิ่วออกจากบ้านฉาง จับแท็กซี่ฝ่ากระไอร้อนอาทิตย์ยามเที่ยงสู่นิวแลนด์ทันควัน

    ครู่ใหญ่ ราว ๑๐ นาทีเรา ๕ คน นั่งแท็กซี่ผ่านไปบนถนนอันเป็นที่ตั้งไนต์คลับ บาร์ และคาเฟ่แน่นขนัดทั้งสองฝั่ง
ไปจนถึงหน้าคาเฟ่ ไม่ทันลงจากรถบรรดาสาวๆ ที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าประตู ๕-๖ นางกรูกันมาที่รถ สีหน้า แววตา
ส่อความสับสน โก๋ ๒ นายลูกน้องพล ตรอกทวาย แหวกกลุ่มสาวมายืนต่อหน้าเราขณะลงจากรถ ผมกวาดตามอง
รอบตัวเห็นพนักงานบาร์ใกล้เคียงจับตาดูอยู่

   พอชำระค่าบริการ แท็กซี่เคลื่อนรถ จาก ๑ ใน ๒ โก๋ แจงเหตุกลางแสงแดดจ้า

   " ตำรวจเขาสั่งปิดกิจการเราครับ ยังแขวนป้ายไว้ที่หน้าประตูด้วย "

   " เขาพูดอะไรบ้างหรือเปล่า " เก๊าตี๋ถามห้วน ๆ

  " เขาบอกว่า หากข้องใจให้ไปที่กองกำกับฯ ครับ "

  สิ้นคำโก๋ดูแลเด็ก กลางแสงแดดเปรี้ยงว่าร้อนผมกลับไม่ระคายผิว แดงตัดบทเลี่ยงแสงตะวันกล้าและสายตาคน
ดุจเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า

   " เข้าไปคุยข้างใน "

   เมื่อรูปการณ์ส่อชัดว่า เราไม่เอาจเปิดกิจการต่อไปได้ มันก็ต้องปิดเพื่อหยุด " ภัย " ที่เรายังไม่รู้ว่าจากน้ำมือใคร
และจุดประสงค์อะไรนั่นด้วย อย่างไรที่แน่ๆ ฝ่ายกฏหมายตกเป็นเครื่องมือกลุ่มอิทธิพลในจังหวะที่หมู่เชียรถูกลอบยิงนี้
ทำให้เรา ๕ คนมึนตื้อกับความคิด นั่งหน้าตึง ในอกกรุ่นไฟแค้นที่ถูกหักหาญจากศัตรูเร่า ๆ

   " เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้ว่าใครสั่งเก็บพี่เชียร " แดงลั่นมติใจ

   " เราด้วย " เก๊าตี๋เสนอตัว

   ด้านพล ตรอกทวาย กับเริง สวนมะลิ และผมในชีวิตไม่เคยพบเหลี่ยมเล่ห์กับชั้นเชิงทางอาชญากรรมที่มีการวางงานวางแผน
กันครบวงจรเช่นนี้ จึงไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียวต่อการที่จะปักหลักซดกับ " เซียน " ที่ลอบถล่มเรา

   ต่อมา เมื่อมีความเห็นสอดคล้องกัน ป้ายประกาศเลหลังอุปกรณ์ประดามีตลอดไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง สารพัดในคาเฟ่
ได้ถูกยกขึ้นติดตั้งไว้หน้าคาเฟ่และมอบหมายให้ ๒ ดาราดังแม้นศรีดำเนินการรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายไว้ ส่วนเรา ๓ คน
ตกลงใจเข้าเยี่ยมเชียร รถถัง ในเย็นวันนี้ ดังนี้ เวลาช่วงบ่ายจึงช่วยกันเคลียร์เงินค่า " ประตู " ของเด็ก ๆ ตามสิทธิจนเงินสด
เกือบเกลี้ยงลิ้นชัก

    ครับ-เวลาเกือบ ๒ เดือน ด้วยเงินทุน ๗๐,๐๐๐ บาท ที่แลกด้วยชีวิตคน เราดำเนินกิจการมีกำไร ขณะนี้มี " อ้อย กับ เงาะ "
ที่เป็นคนและเพศหญิงวัยไล่ ๆ กับพวกเรา ซึ่งเริงซื้อต่อไปจากเสี่ยปิ่นคนดังท่าฉลอม ๒ นาง แต่ละนางเพิ่งทำประตูไถ่ตัวเอง
ได้ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ บาท ยังติดค้างอีกคนละเกือบหมื่นบาทจะทำประการใด

    กลางห้องกว้าง แต่เดิมใช้เป็นที่ตั้งโต๊ะรับแขกนั่งดื่มเครื่องดื่มเลือกเด็ก บัดนี้ มีคนกันเองนั่งกระจายล้อมพวกเรา
อยู่ ล้วนสงบคำ พัดลมตั้ง ๓-๔ ตัว ที่สาวๆ นำมาตั้งไล่ร้อนในตัวมนุษย์ชายหญิงเกือบ ๓๐ นายและนาง แม้บรรเทา
ร้อนธรรมชาติได้กลับคงไม่มากนัก ในบรรยากาศยามนี้

   ครู่เดียว การตัดสินใจที่จะหาทางออกของพวกเรา สาวหนึ่ง ผิวเหลือง วัยเบญจเพส ตัดผมหยิกหยอยไปทั้งตัว
แต้มสีริมฝีปากแดงแจ๊ดทะลุขึ้นกลางวง

   " ให้อ้อยกับเงาะอยู่ทำงานซักเสื้อผ้า หุงหาอาหารช่วยพวกพี่ที่บ้านสักครึ่งปีก็ได้นี่คะ พวกพี่เป็นชายโสดทุกคน "

   ข้อเสนอกินรีสาวดีมาก ไม่เสียเปรียบด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย อีกทั้งจะอำนวยประโยชน์แก่เราหลายด้าน เนื่องจากที่อยู่
กันมา บ้านช่องหาระเบียบไม่ได้ ถ้ามีผู้หญิงเป็นศรีบ้าน อาจลดการเพ่งเล็งจากฝ่ายกฏหมายโดยอ้อมด้วย จึงบอกกับ
เพื่อน

   " เราว่าเหมาะที่สุด อ้อยกับเงาะควรทำงานใช้หนี้ "

 งานนี้ ผมเป็นพระเอก เพราะไม่มีเสียงคัดค้านจากสหาย พอเรื่องภายในเรียบร้อย พลกับเริงทำบัญชีทรัพย์สินที่จะต้อง
เลมาให้ทุกคนดูกับตา เห็นตัวเลขที่ประเมินไว้ขั้นสูงว่า อาจเลได้ ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วใจหาย วัสดุทุกชิ้นขายได้ในราคา
๔๐ %

    ต่อมา ทุกคนยิ้มให้กัน แรงแค้นโชติวาวกลางแก้วตาดาวดังทุกนาม ขณะนั่งให้สาวงามนับสิบนางสะพายหรือ
หิ้วกระเป๋าเดินทางทยอยกันล่ำลาไปตามทิศทางที่ตนกำหนด จนเหลือ ๒ สาวอ้อยกับเงาะที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัวเอง
เก๊าตี๋ถามขึ้นลอย ๆ

    " อยากไปบ้างไหม "

   ๒ สาวผินหน้ามามองพวกเรา ยิ้มเต็มหน้า ก่อนส่ายหน้าไปมา

   " ทำไมล่ะ "

   " มันไม่ยุติธรรมค่ะ " เงาะตอบเสียงกังวานระคนยิ้มดุจเดิม

    ผมสะกิดใจถ้อยคำนั่นชะมัด อยากรู้นักว่าเธอเอาอะไรมาเป็นเครื่องวัดสรีระกับใจตน แต่ก็เป็นความคิดแวบเดียว
ที่โซนอยู่ก้นถ้ำของปัญญา

   ตะวันรอนแสงลง แดง เก๊าตี๋ และผมพร้อม ๒ แม่บ้านยืนรอแท็กซี่ที่จะผ่านอยู่หน้าคาเฟ่ได้พักเดียว เก๋งบีเอ็มดับบลิว
สีแดงตัดดำใหม่เอี่ยมเคลื่อนช้าๆ เข้ามาจอด กระจกติดฟิล์มกรองแสงหนาเตอะถูกหมุนลง

   " ผู้ใหญ่เต๊ก " ผมบอกตัวเองในทรวง

   จากนั้น มังกรเมืองใต้กวักมือเรียก เรา ๓ ขยับไปที่รถขณะประตูเก๋งด้านเปิดกว้าง พร้อมคำถาม

   " พวกน้องจะไปไหนกันนี่ "

   " เยี่ยมพี่เชียรครับ " เก๊าตี๋บอก

   " อ้าว..." มังกรเมืองใต้ร้อง ตีหน้าเหรอ " พวกน้องยังไม่รู้เรื่องหมู่เชียรหรือนี่ "

   " เรื่องอะไรครับ " แดงถาม

   " หมู่เชียรตายแล้ว ผมกำลังให้คนไปรับศพที่โรงพยาบาลไปไว้ที่วัด และจะทำพิธีทางศาสนาร่วมกับทางญาติๆ เขาเต็มที่เลย "

   น้ำคำอันไม่ต่างน้ำกรด ผมได้ยินชัดหูเพียงประโยคแรก นอกนั้นพร่าเลือน เพราะไม่อาจต้านความรู้สึกในสายเลือด
ที่เร้าแรงแค้น

   " เป็นอันว่าจบเรื่องพี่เชียร " แดงกัดฟันพูด

   " แต่เรื่องของเราไม่จบ " กุมารลำพอง ฉุนขาด

    ช่วงนี้ ผู้ใหญ่เต็กดับโทสะ ๒ ดาวดัง ด้วยการชวนให้ขึ้นรถ และอาสาส่งถึงที่ที่จะไป เวลานั้นไม่มีใครทันคิดอะไร
อยากไปให้พ้นจากคาเฟ่ จึงมอบกุญแจบ้านให้ ๒ สาวจับแท็กซี่กลับไปรอที่บ้านก่อน ส่วนเรา ๓ คนนั่งเก๋งบีเอ็มดับบลิว
ไปกับมังกรเมืองใต้โดยปราศจากจากจุดหมาย

    พัทยาราตรีคืนนี้ เรา ๓ คนท่องไปกับรุ่นใหญ่พักอารมณ์ร้ายด้วยสิ่งบันเทิงเริงรมย์ทุกรูป ผู้ใหญ่เต๊กกลับเป็นชาว
ยุทธ์ที่นิยม " ต้มกระเรียนเผาพิณ " กล่าวทำลายบรรยากาศขึ้นลอย ๆ

   " กระเรียน " เป็นนกที่หลวงจีนนักพรตนิยมเลี้ยงและเซียนผู้วิเศษใช้เป็นพาหนะ จึงถือเป็นสัตว์สูง ส่วน " พิณ " เป็น
เครื่องดนตรีที่ปราชญ์บัณฑิตบรรเลงผ่อนคลายอารมณ์ " ต้มกระเรียนเผาพิณ " ถือเป็นการกระทำที่อำมหิต
สำนวนแปลของเฮีย ( ว.ณ. เมืองลุงจากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น )

   " ขณะนี้ในวงการนักเลงที่นี่เขารู้กันแล้วว่า พวกน้องเป็นใคร "

   " ผู้ใหญ่เป็นคนบอกหรือครับ " เก๊าตี๋สวนคำสุ้มเสียงไม่ค่อยดีนัก

    " ตัวหมู่เชียรเองน่ะแหละพูด ซึ่งเขาก็บอกจุดประสงค์ว่า จำเป็นต้องบอกเพราะพวกน้องหน้าตาอ่อน ๆ กันทั้งนั้น
แกไม่ต้องการให้ใครมาข่มขู่ระหว่างทำงาน "

    " ทีนี้พวกเราก็เป็นเป้ามันสบายไป " กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าไม่วายป่น

   " มังกรเมืองใต้หัวเราะร่า บอกเสียงดัง " ผมมีทางเหมาะที่น้องๆ ควรรับทำระดับงานก็ดีกว่าคาเฟ่ ซ้ำยังเป็นงาน
ที่ทุกคนเคยผ่านมาแล้วด้วย "

   " งานอะไร ไม่ใช่ฆ่าคนน่ะครับ " ผมลองเชิง

   " เปิดบาร์ค้าผู้หญิงกับเปิดบ่อนชั้นดีที่กิโลสิบ "

    " โอ้โฮ..." เก๊าตี๋คราง และเสริม " ผู้ใหญ่พูดยังกะว่าพวกผมมีเงินล้าน "

   " เปล่า พวกน้องไม่ได้ต้องลงทุนเลย คอยแต่คุมเกมให้เป็นไปตามกติกาเท่านั้น ซึ่งถ้าเกมดำเนินได้สวย จะมีรายได้
๓๐% จากกำไร ตอบแทนทุกเดือน "

   " ใครเป็นเจ้าของโดยตรงครับ "

   " ท่านรองฯ คม ขณะนี้สถานที่ยังปล่อยว่างอยู่ หากน้องตกลง ผมจะได้นัดหมายเวลาไปพบท่าน "

   " เราคงต้องปรึกษากันก่อนครับ " แดงขัดขึ้นเกรงเก๊าตี๋ตามใจตน

   " นานไหม "

   " ขอให้เผาหมู่เชียรเสร็จก่อนครับ "

   " คิดจะล้างแค้นให้หมู่เชียรหรือเปล่าล่ะ " มังกรใหญ่เล่นลูกติดพัน

   " อาจบอกวันเดียวกันครับ " แดงปิดสำนวนทันที

   คืนนั้น รอยตีนปลายหาดที่เราประคองเงือกสาวท่องฉิมพลีคงลบเลือนด้วยแรงคลื่นใหญ่น้อย แต่น้ำคำผู้ใหญ่เต๊กคืนนั้น
จนป่านนี้ผมยังจำมันได้ดี วาจาทุกประโยคของมังกรเมืองใต้ผมกรองมาคิดไม่รู้กี่ตลบ ก็พบสิ่งที่ควรจะถามแกบ้างว่า
กิจการดังกล่าว ทำไมแกไม่รับทำเสียเอง ทั้งที่มีความพร้อมกว่าพวกผมทุกประการ หรือเนื่องมาแต่

   คนมีชื่อเพราะกระบี่ กระบี่เกรียงไกรเพราะคน

0 comments:

Post a Comment