Tuesday, April 30, 2013

๕ เจมส์ ดีนรำลึก

๕ เจมส์ ดีนรำลึก
  

ถึงจะมีคณะทหารกระทำปฏิวัติขึ้นมาบริหารแผ่นดิน จนส่งผลให้ผู้เยี่ยมยอกในยุทธจักรเร้นกายไปจากบางกอก
ด้วยข้อหาประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาลทั่วหน้าแล้ว สังคมนอกวิทยาลัยของผมกับเพื่อน ๆ วัยคะนองกลับสดใส
เพราะมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ จากเมืองนอกมาป้อนจนเปรม

    นับแต่แฟชั่น ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีขาว-สีแดง ( สีแดงฟอกจนสีออกชมพู ) ตลอดไปถึงรองเท้าหุ้มข้อหนังกลับ
หรือ " ฮาล์ฟ " ฝีมือ " ไอ้แก้ว " ( ห้างแก้วฟ้าบางลำพูปัจจุบัน ) จากรองเท้าต่อมาถึงกางเกงซึ่งมีนิยมอยู่ ๒ ทรง คือ
ทรงอเมริกัน สไตล์ขากระบอก ทรงนี้มีผลให้กางเกงมีจีบด้านหน้าสมัยนิยมของคุณลุงตกขอบไปจนบัดนี้ยังไม่มี
นักออกแบบกางเกงวัยรุ่นชายออกแบบกางเกงมีจีบผุดออกมาสักราย

    อีกทรงหนึ่งเรียกทรงฮ่องกง เอวเล็ก สะโพกโตพอง ขาเล็ก ๆ สไตล์นี้ต้องใช้ผ้าเสริมกระเป๋าหลายชิ้น ส่วนผ้าที่ชมชอบ
นำมาตัดกางเกง มีผ้าเสิรตแฟนซีโมโซโต้ และผ้าซาติน เป็นผ้ามันวับ สำหรับเสื้อ บังเอิญภาพยนตร์ " บลู ฮาวาย "
กับ " จีไอ บลู " ของเอลวิสกำลังฮิตติดบอร์ด จึงคลั่งเสื้อฮาวายลายเจ็บ ๆ กันขนาดหนัก ( เวลาสวมใส่พับแขนข้างละ ๒ ที-เจ็บ )
แม้จะแพงแสนแพง โดยเฉพาะบัตเบอร์มานั้น กระสันหาใส่อวดสาวเหลือเกิน

    ด้านเฟอร์นิเจอร์ติดกายมีเชือกร่มสีดำติดเหรียญดาราภาพยนตร์ขวัญใจวัยรุ่น เจมส์ ดีน ใช้ห้อยคอแทนพระคุณเจ้า
ทุกองค์ สุดท้าย ด้านอาวุธอันเคยพกพาสนับมือ มีดพก เหล็กขูดชารฟต์และหลาว ขณะนี้เหล่าวัยคะนองเริ่มขวนขวาย
หาปืนแทนใบเหล็กเนื้อดีด้วยเหตุผล

   ตามรอยรุ่นใหญ่ และตามสมัยนิยม

   วันหนึ่งราว ๆ ๖ โมงเย็น ขณะเล่นสนุ้กเกอร์อยู่กับพรรคพวกที่โต๊ะบิลเลียดบำเพ็ญบุญฝั่งตรงข้ามศาลาเฉลิมกรุง
เอ๊ด หลังวัง ได้รับรายงานจากเด็กของตนว่ามีชาวยุทธ์วัยคะนองไปตั้งหลักเตรียมประกาศตัวในงานที่พวกเรา " งด "
ที่จะไปเพราะเบื่อมีเรื่องมากผิดสังเกต

   เรียกว่าถนนนักบู๊วัยคะนองทุกสายมุ่งยังโรงภาพยนตร์กรุงเกษม เพื่อร่วมฉลองวันรำลึก เจมส์ ดีน พร้อมฉายภาพยนตร์
ประกอบและที่เรียกร้องความสนใจได้มากเป็นพิเศษ เพราะมีวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่น " วาทินี " มากระหน่ำร็อกร้อน ๆ
ล่อกี๋โก๋เข้าอีก คงได้ขี่คอกันดินแน่ ๆ

   รู้ทั้งรู้ว่ารูปการณ์ต้องเป็นเช่นนั้น พอเอ๊ดชวนไปดูเหตุการณ์ที่นั่น ผมกลับไม่ขัดคอเพื่อน ทั้งยังจัดแจงวางคิวจ่ายค่าเกม
แล้วตามไปทัศนางานบันเทิงทันที

    ฟ้าเก็บแดดใกล้หมดไปจากฟ้า เมื่อผมกับเอ๊ดไปถึงจุดหมาย ความคิดที่คาดการณ์ว่าสภาพบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์
กรุงเกษมต้องแน่นขนัดด้วยเหล่าวัยรุ่นชายหญิงนั้น ขณะที่เห็นด้วยตามันมากเกินกว่าที่ผมคาดไว้อีก ผู้คนล้นออกไปยืนออ
ริมคลองผดุงเกษมฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์ยาวเป็นตับ

   เรา ๒ คนมองคนแล้วหันมามองหน้ากันเป็นเชิงถามว่าจะเอาอย่างไร จะลุยเข้าไปในโรงหนังหรือจะดูเหตุการณ์ภายนอก
ครู่หนึ่งเอ๊ดบอกสั้น ๆ

   " หาทางเข้าไปดีกว่า เราอยากดูวาทินีเล่นจังหวะร็อกให้เจ็บลึก ๆ ซะที "

   คำบอกเพื่อนชาวรั้วชมพู-ฟ้า ทำให้ผมย้อนถามอยู่ในใจ

   " นายคิดจะดูดนตรี หรือดูคนตีกันแน่วะ "

    จากนั้นเราสองต่างอัดตัวไหลไปตามคลื่นคนทีละก้าวท่ามกลางความร้อนอบอ้าวจนไปถึงประตูที่ทางโรงภาพยนตร์
เปิดกว้างให้แฟน ๆ เพลงที่ไม่สามารถเข้าไปทนอัดอยู่ในโรงภาพยนตร์ได้มีโอกาสยืนชะเง้อคอมองหัวนักดนตรีบ้าง

   เรา ๒ คนหยุดหอบ เป่าลมออกปากคลายร้อน ทั่วร่างโชกเหงื่อ ต่อมาจึงยืนเขย่งขามองข้ามหัวคนข้างหน้าไปยังบริเวณ
ฟลอร์ดิ้น ซึ่งใช้ระบบเล่นไฟแสงสีวูบวับพลอยให้เห็นโฉมหน้าโก๋กี๋กลางฟลอร์นับร้อยเพิ่มเป็นพัน ๆ โฉมหลอนตา

   " เข้าประตูไปข้างในกันเถอะ เปี๊ยก " เอ๊ดชวน

   ผมไม่กล่าวกระไร อาศัยลูกตามหลังให้เพื่อนเป็นหัวหอกนำผ่านประตู เข้าไปเจอความร้อนอบอ้าวยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก
มีคราวหนึ่งระหว่างที่เราเบียดเสียดตัวเองเข้าไป เอ๊ดได้ใช้ปืนตบปากวัยรุ่นเลือดกลบปากไป ๑ ราย เพียงคำถามไม่กี่
ประโยค

   " มึงจะมุดไปไหนของมึงกันวะ "

   พอได้ตบปากเด็กแสบด้วยด้ามปืนแล้ว แทนที่เอ๊ดจะเก็บปืนเข้าที่ กลับใช้อำนาจของมันชี้ขอทางวัยคะนองอื่น ๆ
เข้าไปจนใกล้ฟลอร์โดยไม่แคร์สายตาใคร

   บัดนี้ เสียงกึกก้องอึกทึกจากนักร้องนักดนตรีรวมไปถึงเสียงลูกคู่หางเครื่องดังอื้ออึง บรรดาเท้าไฟสุดสวิงเรียกเหงื่อได้
ชุ่มโชกเสื้อผ้าทั้งหญิง-ชาย

      " มันแห่กันมาทุกบางเลยว่ะ " ดาวดังวังบูรพาตะโกนบอกข้างหู

    ผมไม่ออกความเห็น กวาดสายตาสำรวจสภาพแฟนหนังและแฟนเพลงที่กำลังดำเนินสะท้านไปถึงเหง้าหูอย่างละเอียด
ความคึกคักบริเวณกลางฟลอร์ดิ้น ตอนนี้หมดสิทธิขยับตีนออกสเต็ป ได้เปลี่ยนเป็นยืนส่ายเอวดีดนิ้วแล้วทำขากระตุก
ไปตามจังหวะ เสียงปรบมือวิ้ดว้าดกระตู้วู้ระคนเสียงเป่าปากของประดากี๋ ปลุกเลือดลมโก๋หลายบางในเมืองหลวง
นั่งตูดไม่ติดเบาะเก้าอี้ เพราะมองนักดิ้นไม่ชัดตา พวกจึงลุกขึ้นจากเบาะเหาะขึ้นนั่งบนที่วางแขนทำเอวอ่อน คออ่อน
สะบัดหัวให้ผมปรกหน้า ลืมพรรคพวกที่นั่งคอยาวอยู่ข้างหลังเสียสนิท

   บนเวที กลางแสงไฟสว่าง บัดนี้ปรากฏวัยคะนอง ๒๐ คนขึ้นไปกระตุกขาโยกเอวกันแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมวง
กับเจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์จะขอร้องให้ลงไปจนเกิดจับกลุ่มฮือฮาสำแดงปฏิกิริยาไม่พอใจ

    ส่วนพวกที่ยกก้นขึ้นไปนั่งบนที่วางแขนแทนที่จะนั่งบนเบาะก็ถูกถุงน้ำแข็ง รองเท้าแตะ และสิ่งของประดามี
จากพวกที่ถูกบังตาขว้างปาเข้าใส่โกลาหล

   " ถอยไปยืนติดผนังใกล้ประตูข้างนั่นดีกว่า "

  เอ๊กชักชวนด้วยรู้ทางลม เราจึงขยับถอยหลังไปยังประตูด้านข้างขวามือ ดนตรีจบเพลงที่กำลังเล่นครู่หนึ่ง โฆษกบนเวที
ขอร้องให้แฟน ๆ เพลงยุติความวุ่นวายเพื่อรับฟังเพลงสุดท้ายของวงที่เตรียมเสนอเพลงมันหยดของ เอลวิส เพรสลีย์
คอยท่าอยู่

   ผลลัพธ์...เกิดเสียงฮือฮาสำแดงความไม่พอใจเช่นเดิม ผมกับเอ๊ดซึ่งไปยืนอัดผู้คนใกล้ประตูออกด้านข้าง หันกลับ
ไปดูพฤติกรรมวัยคะนองคัดค้านคำประกาศโฆษก แต่นักดนตรีเดินเบสเสียงกระหึ่มสวนกระแสคัดค้านเสียก่อน

   " พวกประตูน้ำขึ้นไปคุยกับนักดนตรีแล้ว "

   ผมเห็นอีกน่ะแหละ ต่อมายังเห็นวัยคะนองย่านโรงเลี้ยงเด็ก สี่แยกแม้นศรี ยี่ห้อ เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย
นำกลุ่มวัยคะนองอีก ๗ - ๘ คนตามขึ้นไปบนเวที ถึงตรงนี้แฟนเพลงเริ่มรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงขอให้พนักงานรักษาทวาร
รีบเปิดทวารเสีย พวกกลับไม่ยอมท่าเดียว

    อึดใจ เอ๊ดแทรกร่างปราดไปที่ประตูหมายถอดกลอนประตูเอง ผมระวังหลังให้เพื่อนตามฟอร์ม

   อมิตตาพุทธ

   กลอนประตูถูกกุญแจดอกใหญ่คล้องทับอีกชั้น ผมหันกลับไปยังพนักงานโรงภาพยนตร์นายเดิมบอกห้วน ๆ

  " ขอลูกกุญแจด้วยครับ "

  พวกตีหน้าชอบกล มิหนำซ้ำขยับเดินหนี ผมฉุนขาด แต่ช้ากว่าดาวดังรั้วชมพู-ฟ้า ที่โผนเข้ากระชากคอเสื้อมันให้หัน
มาเจอะปากกระบอกปืนสั้นในมือพร้อมตะคอก

  " เอาลูกกุญแจมา "

   คราวนี้พนักงานหนุ่มไม่ขัดข้องยึกยัก จัดการล้วงมือเข้าไปยังกระเป๋าหลัง เสียงดนตรีเงียบกริบกะทันหันอีกคราว
ผมเฉียงตามองในจังหวะเดียวกับทางโรงปิดไฟสีและเปิดไฟฟ้าประจำโรงสว่างราวกลางวัน

   จู่ ๆ ประทัดไม่ทราบว่ากี่ตับถูกจุดโยนขุ้นไปบนเวทีที่นักบู๊ ๒ แก๊งกำลังโต้เถียงกันแตกปะทุสนั่นไปทั้งเวที ส่งผลให้
นักบู๊ถึงกับกระโจนลงจากเวทีไล่ตะลุยสาวกำปั้นใส่กลุ่มวัยคะนองกลางฟลอร์ทันควัน

   ผมหันกลับไปมองเพื่อนเพราะไม่เห็นเปิดประตูเสียที ที่ไหนได้ เพื่อนกับพนักงานหนุ่มกำลังง่วนลองลูกกุญแจทั้งพวงอยู่

   ภายในโรงภาพยนตร์ขณะนี้ชาวยุทธ์วัยคะนองหาญเข้าราวีกันจนแยกไม่ออกว่าสำนักใดกับสำนักใด เก้าอี้นั่งหลายแถว
ทานตีนกับแรงคนแตกตื่นไม่ไหว ถูกเหยียบถูกชนหักล้มระเนน เฉพาะที่ที่ผมกับเพื่อนออกันอยู่มีสภาพยัดทะนาน
กันแล้ว แต่กุญแจล็อกกลอนประตูยังหาลูกตัวจริงไม่พบอยู่ดี

   " ไอ้สัตว์เอ๊ย..." เอ๊ดโวยตัวเองที่สียบลูกกุญแจผิดรูเพราะรีบร้อน

   ส่วนผมร้อนไม่น้อยกว่เพื่อน เนื่องจากเสียงกริ๊ดกร้าดวิ้ดว้ายเช่นนี้เคยทำร้ายให้เจ็บลึกจนถึงบัดนี้ จึงลุ้นช่วยเพื่อนทางใจ
ส่วนดวงตาเก็บภาพวีรเวรที่ไม่ผิดกับตัวเองของเหล่าดาวรุ่งพรุ่งนี้ไว้ตามสันดาน

   พลันประตูถูกเปิดผางจากน้ำมือเพื่อน ร่างเรา ๒ คนแทบไม่ได้ออกแรงเคลื่อนไหว กระแสคนผลักดันออกประตูจนหัวทิ่ม
ไปคนละทาง ซึ่งก็มาเจอกันตรงริมวิถีที่มีรถเก๋งจอดเรียงรายเป็นตับ พอปักหลักได้หันไปทัศนาบริวเณประตูที่หลุดออกมา
เอ๊ดบอกเร็วปรื๋อ " เฮ้ย...ผู้หญิงนั่นล้ม "

   ผมหันขวับมองตามสายตาเพื่อนเห็นกี๋นางหนึ่งถลาล้มและกำลังลนลานลุก แต่ถูกเพื่อนสาวที่ไหลทะลักตามมาชนล้มทับ
ต่อเลยเสียหลักล้มครืนกันทั้งกลุ่ม เอ๊ดหันไปคว้ารั้วเหล็กของตำรวจจราจรลากไปขวางทางเดินลดความรุนแรงจากคลื่นคน
ฉับไวและช่วยคุณสาว ๆ ลุกขึ้นตั้งหลักหนีภัยได้ทัน

  ตรงซอกถนนข้างโรงภาพยนตร์ที่เรา ๒ คน ปักหลักชมเรื่องราว บัดนี้ชาวยุทธ์ที่พะบู๊ติดพันมาจากในโรงภาพยนตร์
โผนออกจับคู่และรวมกลุ่มราวีกันด้วยมีด ไม้ ท่อนเหล็กและแป๊ปน้ำวุ่นไปทั้งถนน

   " ไปเหอะวะ เดี๋ยวตำรวจมา " เอ๊ดบอก

   ผมเห็นด้วย อีกทั้งพลอยเข้าใจเรื่องที่เพื่อนบอกในตอนแรกว่า คืนนี้ที่นี่จะมีการประกาศตัวนักบู๊วัยระเริงขึ้นทำเนียบ
ดาวดังจากหลายบางแล้ว จริงแล้วเพราะในสนามนักบู๊ขณะนี้ มีหลายคนคล้ายหุ้มใจด้วยหนังเสือ หนังมังกร เช่น

   ตี๋น้อย, ใจผ่า, โอกุ่ยซัง, ตี๋ ปังตอ, แดง เอราวัณ, ดิน เจริญผล, ( น้องชายมาน เจริญผล ) , หมู เจตน์, นิด กุหลาบ, หมู พรานนก
และแขก โต้รุ่ง หัวหอกรุ่นเยาว์สำนักประตูน้ำของเฮียยอด

    เมื่อพากันเดินหลบหลีกความวุ่นวายไปถึงถนนริมคลองผดุงกรุงเกษมก็ถูก " ๔ คิงส์ " สก็อต สน. พลับพลาไชย
ประกบพร้อมสั่งให้เดินข้ามถนน ช่วงนั้นผมสบตาเพื่อนเตือนให้จัดการกับปืนที่พกอยู่เสีย และพอได้จังหวะวิ่งข้ามถนน
เอ๊ดถือโอกาสดึงปืนใส่กระบะรถบรรทุกเล็กที่วิ่งผ่านหน้าได้รอดตัวอย่างหวุดหวิด

  บนวิถีชายคลองผดุงกรุงเกษมตรงข้ามโรงภาพยนตร์กรุงเกษมเบื้องหน้าผม บริเวณป้ายรถเมล์มีเจ้าหน้าตำรวจ
ในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบเตร่อยู่เพียบ เรา ๒ คนถูกนำตัวไปยังศาลาที่พักผู้โดยสารรถเมล์พบนายตำรวจระดับ
สารวัตรพร้อมคำรายงาน

   " ๒ คนนี่ผมเจอขณะชุลมุนครับ "

   "  ค้นตัวหรือยัง  " สารวัตรถาม ตาจ้องหน้าเราเขม็ง

   ๑ ใน ๔ คิงส์ ขยับค้นตัวต่อหน้านายแทนตอบ ละเอียดยิบยันตีน ไม่พบสิ่งของผิดกฏหมาย จึงสั่งให้นั่งรอบนที่นั่ง
ภายในศาลาโดยมิได้ชี้แจงอะไรอีก

0 comments:

Post a Comment