Saturday, January 5, 2013

นักรักนักเลงซีรีส์

kid gang

คังแทบง ชาซิน คิมโพซูและโจเพียวกี เป็นนักเลงแกงค์เดียวกันแต่ต้องมาแตกคอกันเพราะโจเพียวกีอยู่เบื้องหลังทำ ให้คังแทบงกับชาซินเข้าใจผิดคิมโพซูแล้วแยกตัวออกไป สองคนนั้นหายไปจากวงการนักเลงโดยไม่มีใครรู้ความเป็นไปแท้จริงของเขา

เวลาผ่านไปคังแทบงกับชาซินพามาฮงกูหัวหน้าแกงค์นักเลงคู่อริที่ต่อสู้กัน แล้วฮงกูความจำเสื่อมหลบมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาโดยเปลี่ยนชื่อกันใหม่หมด แต่บางคนก็รู้จักพวกเขาในนามแกงค์วันอังคาร คังแทบงเปลี่ยนชื่อเป็นคังทอบง ชาซินเปลี่ยนชื่อเป็นดัลนัม...พวกเขาสามคนเช่าบ้านยองซุกอยู่ ยองซุกเป็นเพื่อนของภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของคังทอบง เธอมีอาชีพขายปลาเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่สามารถจัดการควบคุมคังทอบงหัวหน้า นักเลงได้อยู่มือ

โจเพียวกีต้องการเป็นใหญ่จึงคิดกำจัดคิมโพซู ทำให้คิมโพซูออกตามหาคังทอบงกับดัลนัมเพื่อฝากลูกชายให้พวกเขาดูแลแต่คิมโพ ซูได้พบแต่มาฮงกูที่บ้านนั้นจึงทิ้งลูกชายพร้อมเงินไว้กับมาฮงกูให้ช่วยดูแล ก่อนตนเองจะหลบหนีการตามล่าจากโจเพียวกีแล้วเสียชีวิตในที่สุด โจเพียวกีรู้ว่าคิมโพซูมีลูกชายซึ่งจะได้ครอบครองอำนาจและเงินของแกงค์เขา ต้องการตาม หาเด็กที่เชื่อว่าต้องนำไปฝากไว้กับคังทอบง เขาจึงส่งคนออกตามหาคังทอบงและดัลนัม

คังทอบงไม่ยอมเลี้ยงเด็กชายที่ไม่รู้ที่มาที่ไป เขาบังคับให้ดัลนัมและมาฮงกูนำเด็กไปทิ้งแต่สุดท้ายพวกเขาก็อดสงสารไม่ได้ ต้องนำเด็กลับมาเลี้ยงแล้ววางแผนทำให้คังทอบงยอมรับเลี้ยงเด็กไว้ด้วย โดยเฉพาะเมื่อมารู้ภายหลังว่าจะได้รับเงินค่าจ้างมหาศาลสำหรับการรับฝากเด็ก คนนี้ คังทอบงและเพื่อนจึงเต็มใจดูแลเด็กคนนี้อย่างยิ่ง แต่เงินที่ได้มาก็ถูกผู้หญิงหลอกเอาเงินไปจนหมด จองฮันเพียวมาเข้าร่วมเป็นสมาชิกคนสุดท้าย เขาใฝ่ฝันอยากเข้าแกงค์วันอังคารนานแล้วเพราะเขาแอบหลังรักเซจินเพื่อนหญิง ที่โรงเรียน แต่เขามักถูกหัวโจกของโรงเรียนรังแกบ่อย ๆ ทั้งผู้หญิงที่เขาชอบก็ไม่สนใจเขาอีก เขาจึงหาทางให้คังทอบงรับเข้าแกงค์ ซึ่งคังทอบงยอมให้จองฮันเพียวเป็นสมาชิกอีกคนเพราะต้องการคนช่วยดูแลชอลซู

ดัลนัมช่วยชีวิตอัยการจองโทฮีไว้จากการข่มเหงจากพวกนักเลงทำให้เธอรู้สึก ประทับใจเขา จองโทฮีพยายามหาทางใกล้ชิดดัลนัมโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นนักเลง และการที่จองโทฮีวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ดัลนัมและเพื่อนทำให้บรรดานักเลงที่กำลังตามหาและต้องการกำจัดพวกเขาเพื่อจะ ลักพาตัวชอลซูลูกชายของคิมโพซูทำอะไรดัลนัลและเพื่อนไม่ได้ แม้จะส่งนักฆ่าคนแล้วคนเล่ามาเล่นงานพวกเขาก็ตาม

โจเพียวกีส่งซานารีมาตีสนิทคังทอบงเพื่อหวังจะกำจัดเขาภายหลังแต่กลับผิด พลาดเพราะซานารีกลับหลงเสน่ห์มาฮงกู โจเพียวกีจึงเปลี่ยนแผนให้ออกกึนคนสนิทหาทางทำให้คังทอบงกับมาฮงกูขัดคอกัน เพราะรู้มาว่ามาฮงกูที่ความจำเสื่อมอยู่กับคังทอบงนั้นคืออริเก่า จึงหาทางให้มาฮงกูได้พบกับลูกน้องแกงค์นักเลงเก่า และช่วยฟื้นความทรงจำแต่มาฮงกูก็สับสนระหว่างความทรงจำที่ถูกรื้อฟื้นกับ ความแสนดีของคังทอบงที่ดูแลมาฮงกูด้วยความห่วงใยราวคนในครอบครัว แต่สุดท้ายลูกน้องของมาฮงกูก็หลอกจับคังทอบงกับดัลนัมไปจนได้ มาฮงกูไม่พอใจที่ลูกน้องขัดคำสั่งไม่เชื่อฟังมาฮงกูเหมือนเคยเพราะพวกเขา ต้องการกำจัดคังทอบงกับดัลนัม ทำให้ต้องต่อสู้กัน แต่จองโทฮีตามไปช่วยเหลือไว้ได้ทัน เธอจึงได้รู้ว่าดัลนัมที่เธอหลงรักคือนักเลงที่หนีคดีและรอเวลาหมดอายุความ เขาจะได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอย่างอิสระ แต่เธอก็รู้จากหัวหน้าว่าแกงค์วันอังคารเป็นนักเลงชั้นดีที่ไม่เคยฆ่าใคร

ศพคิมโพซูถูกค้นพบทำให้ทางการส่งจองโทฮีจับตาดูคังทอบงกับดัลนัมไว้เพราะ เกรงว่าหากพวกเขารู้เรื่องจะไปจัดการโจเพียวกีเพื่อแก้แค้น แต่คังทอบงก็รู้เรื่องแล้วไปหาโจเพียวกีลำพังโดยโจเพียวกีส่งคนมาลักพาตัว ชอลซูไปได้ในที่สุด ทำให้คังทอบง ดัลนัมและมาฮงกูต้องบุกไปที่ประชุมพรรคของโจเพียวกูเพื่อช่วยชอลซูแต่เวลา นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาจับกุมโจเพียวกูที่มีหลักฐานว่าฆ่าคิมโพซูตายทำ ให้คังทอบงและดัลนัมถูกจับกุมไปด้วย แต่โจเพียวกูหลบหนีไปได้โดยมีชอลซูเป็นตัวประกัน จองโทฮีต้องทำหน้าที่สอบสวนคังทอบงและดัลนัม...ก่อนจะปล่อยมาฮงกูออกไปเพราะ มาฮงกูไม่มีความผิด...

จองโทฮีจะจัดการกับเรื่องราวของหัวใจกับภาระหน้าที่การงานในฐานะอัยการได้ อย่างไร...ความรักระหว่างอัยการกับนักเลงจะเป็นอย่างไร ...ติดตามชม kid gang... นักรักนักเลงซีรีส์ที่จะทำให้คุณยิ้ม...


เรื่องเล่าโดย ……… ราดหน้า

อันธพาล

รูปภาพ
“นักเลงตัวจริง”กลัวสองคนในชีวิต คือ”แม่”และ”เมีย”
เมืองไทยในยุคก่อนเข้าสู่ปี 2500 เต็มไปด้วยนักเลง
เรื่องราวของพวกเขาถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง”อันธพาล”
หนังเล่าเรื่องสองนักเลงคือ จ๊อด และ แดง เป็นคู่หู
ที่เติบโตขึ้นมาเป็นนักเลงแถวหน้า บริเวณตรอกสลักหิน
ย่านหัวลำโพงจนถึงย่านเยาวราช เรียกได้ว่ามาเฟีย
ในเมืองไทยเกิดขึ้นและเติบโตในย่านนี้ เป็นแหล่งรวม
บ่อนการพนัน ค้าผู้หญิงและยาเสพติด หนังเล่าเรื่องของ
การเปลี่ยนผ่านมือของประมุขของกลุ่มมาเฟีย ที่เต็ม
ไปด้วยการหักหลังกันเอง ในขณะเดียวกันความเชื่อใจ
กันและกันจึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุดสำหรับนักเลงตัวจริง
จนกระทั่งบ้านเมืองเข้าสู่การปฏิวัติรัฐประหารโดย
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อำนาจจึงตกอยู่ในมือของตำรวจ
คำว่า”อันธพาล”จึงตกไปอยู่ในมือของ”ตำรวจ”ในที่สุด
ตั้งแต่นั้นมา ธุรกิจ การพนัน ค้าผู้หญิงและยาเสพติด
จึงถูกผ่องถ่ายมาถึงปัจจุบัน หลังจาก จ๊อด นักเลงตัวจริง
คนสุดท้ายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและ”อันธพาล”
ในยุคสมัยนั้นถูกกำจัดสิ้นซากโดยผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
…ทุกวันนี้เราจึงเหลือแต่”นักเลงตัวเหี้ย”ที่ไม่เคารพใคร

นักเลง เกรงใจ

นักเลง เกรงใจ





หาก จะพูดถึงนักเลง ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นบุคคลที่น่ากลัว มีอันตราย ชอบสร้างเรื่องสร้างปัญหา ตัวป่วน ตัวแสบ หรืออื่นๆที่แต่ละคนจะคิดกันไปต่างๆนานา ซึ่งที่กล่าวมานั้นเป็นคำจัดความของคำว่า "อันธพาล" แต่หากมองให้ลึกซึ้งถึงคำจำกัดความของคำว่า "นักเลง" (ตามความรู้สึกส่วนตัว) นักเลง คือ บุคคลที่น่านับถือ เป็นผู้ที่ใจกว้าง เปิดโอกาส ให้คนอื่น ปกป้องพวกพ้อง ตรงไปตรงมา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จิตใจดี มีเมตตา มีเหตุมีผล เคารพซึ่งกันและกัน มีความเกรงอกเกรงใจต่อสิ่งที่เห็นควร ซึ่งแตกต่างจากอันธพาล ที่วันๆมีแต่คิดจะหาเรื่องรังแกผู้อื่น สร้างความปั่นป่วนเดือนร้อนให้ผู้ อื่นไปวันๆ แต่สำหรับนักเลงแล้ว หากทำได้เหมือนที่กล่าวมา เชื่อว่าใครๆก็ยกย่อง เกรงใจ แถมพวกพ้องรักใคร่ ให้ความเคารพนับถือ

นักเรียน VS นักเลง


เราควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง?
ตอบ : เราจะต้องไม่คบคนพาลหรือนักเลง แต่เราจะเลือกคบคนดี คือ บัณฑิตหรือนักเรียน เพราะคนพาลหรือนักเลงเป็นที่มาแห่งความชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย เราสามารถสังเกตคนพาลหรือนักเลงได้จากความประพฤติอันน่ารังเกียจของเขา คือ

1. คนพาลหรือนักเลงชอบชักนำไปในทางที่ผิด เช่น ชักชวนกันไปเที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา เล่นการพนัน เป็นต้น

2. คนพาลหรือนักเลงไม่ชอบวินัย ทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกฏหมายของบ้านเมือง แต่ชอบประพฤติผิดศีลธรรม

3. คนพาลหรือนักเลงชอบแต่สิ่งที่ผิด ชอบเห็นความพินาศเสียหายของผู้อื่น เมื่อเวลาตัวเองทำผิดก็ภูมิใจ

4. คนพาลหรือนักเลงชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระของตน คือชอบไปก้าวก่ายธุระหน้าที่ของผู้อื่น ปล่อยปละละเลยธุระของตนเอง

5. คนพาลหรือนักเลง แม้พูดจาดีๆ ด้วยก็โกรธ

เมื่อเห็นใครที่มีลักษณะเลวทรามเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 5 ประการอย่างนี้ ก็ให้ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่า เขาเป็นคนพาลหรือนักเลง ไม่ควรคบหา เดี๋ยวเราจะติดนิสัยพาลหรือนักเลงไปด้วย

สำหรับ นักเรียนโดยความหมายแล้วคือผู้มี่มีใจรักในการศึกษาเรียนรู้ในวิชาการอันก่อให้เกิดคุณแก่ตนเองและคนรอบข้าง หรืออีกนัยหนึ่งคือ บัณฑิตซึ่ง หมายถึงผู้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้ควร รู้ไม่ควร รู้บุญ รู้บาป ซึ่งอาจจะรู้หนังสือได้รับปริญญาหรือไม่ก็ตาม แต่สามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เหล่านั้นด้วยดี เมื่อเราคบบัณฑิตเป็นเพื่อน เราก็จะได้รับการถ่ายทอดความประพฤติและนิสัยที่ดีจากบัณฑิต ทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ทั้งด้านการงานและชีวิตส่วนตัว ถึงแม้ว่าเราจะมีศัตรูเป็นบัณฑิต ด้วยความเห็นผิดเป็นชอบของเรา ครั้นเมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี บัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่จะกลับเป็นมิตรแท้ให้แก่เราจนวันตาย เพราะฉะนั้น ((( ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ค น พ า ล ห รื อ นั ก เ ล ง )))

เนื่องจากคนพาลมีใจขุ่นมัวอยู่เสมอ ทำให้ไม่สามารถควบคุมใจให้คิดไปในทางที่ถูกต้องได้ คนพาลจึงมีลักษณะวิปริตผิดจากคนทั้งหลาย ๓ ประการ คือ
๑. ชอบคิดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ คิดละโมบอยากได้ในทางทุจริต คิดพยาบาทปองร้าย คิดเห็นผิดเป็นชอบ ฯลฯ
๒. ชอบพูดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ พูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดยุยง พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ
๓. ชอบทำชั่วเป็นปกติ ได้แก่ เกะกะเกเร กินเหล้าเมายา ชอบล้างผลาญชีวิตคนและสัตว์ ลักทรัพย์ ฉุดคร่าอนาจาร ฯลฯ

((( ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง บั ณ ฑิ ต ห รื อ นั ก เรี ย น)))

เนื่องจากบัณฑิตเป็นผู้มีจิตใจผ่องใส มีความเห็นถูก ดำเนินชีวิตอยู่ด้วย ปัญญา ฉลาดในการสอดส่องหาเหตุผล จึงมีลักษณะพิเศษสูงกว่าคนทั้งหลาย ๓ ประการ คือ
๑. ชอบคิดดีเป็นปกติ ได้แก่ คิดให้ทาน คิดให้อภัยอยู่เสมอ ไม่ผูกพยาบาท คิดเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง เช่น เห็นว่าบุญบาปมีจริง พ่อแม่มีพระคุณต่อเราจริง เป็นต้น
๒. ชอบพูดดีเป็นปกติ ได้แก่ พูดคำจริง พูดคำสมานไมตรี พูดคำมีประโยชน์ พูดด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และพูดถูกต้องตามกาลเทศะ
๓. ชอบทำดีเป็นปกติ ได้แก่ มีเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีวะ ทำบุญให้ทานเป็นปกติ รักษาศีล ทำสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ


  "ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า
ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง
ติดความเป็นพาลเดือนร้อนเสียหายไปด้วยฉันนั้น"
ดังจะเห็นได้ว่าโรงเรียนที่มี นักเรียนที่เป็นนักเลง โรงเรียนและเพื่อนที่เรียนในโรงเรียนนั้นๆก็ย่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย สถานที่อยู่ของคนพาลหรือนักเลงไม่ใช่โรงเรียนแต่เป็นเรือนจำ

"ผ้าที่ห่อหุ้มของหอม
ย่อมพลอยหอมตลบอบอวลตามไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบบัณฑิต
ก็ย่อมพลอยได้รับความรู้ ความสามารถ
และความดีตามบัณฑิตไปด้วยฉันนั้น"
ดังจะเห็นได้ว่าโรงเรียนที่มี นักเรียนที่เรียนเก่ง โรงเรียนและเพื่อนที่เรียนในโรงเรียนนั้นๆก็ย่อมมีชื่อเสียงไปด้วย ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็ต้องการ สังคมก็ต้อนรับ ครอบครัวก็ชื่นบาน

By: หลวงพ่อตอบปัญหา