Thursday, February 7, 2013

สุริยัน ศักดิ์ไธสง

สุริยัน ศักดิ์ไธสง นักเขียนที่มีผลงาน เส้นทางมาเฟีย ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง


ประวัติ

สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์" มีชื่อจริงว่า “ถาวร ภู่ประเสริฐ” เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ที่ กรุงเทพมหานคร เคยศึกษาอยู่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน ผู้เขียนต้นฉบับภาพยนตร์เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง โดยพื้นเพเป็นคนบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มารดาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก และบิดาชื่อ "นายผาด" หลังจากนายผาดพ้นโทษจากเรือนจำบางขวางแล้ว สุริยัน ศักดิ์ไธสง หรือ "เปี๊ยก" จึงได้ย้ายจากนนทบุรีมาอยู่กับบิดาที่บ้านพานถม วิสุทธิ์กษัตริย์ และได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน บิดาของเขาได้ออกบวชที่วัดปรินายก เขาจึงพักอาศัยอยู่กับบิดานับแต่นั้นมา ที่คณะ3ของวัด กลุ่มเพื่อนในระแวกนั้นที่เติบโตมาพร้อมๆกับเขามี "แดง ไบเล่" "ปุ๊ ระเบิดขวด" "ดำ เอสโซ่" "แหลมสิงห์" "พล ตรอกทวาย" "พัน หลังวัง" "จบ หลังวัง" "เก๊าตี๋" เมื่อการเรียนไม่สามารถตอบโจทย์ของชีวิตเขาได้ จึงเบนเข็มทิศชีวิตด้วยปณิธานของตน "จะเอาดีในหนทางชั่ว" หลังถูกไล่ออกจากโรงเรียนแล้ว ก็พบเจอกับเรื่องราวหลากหลายในชีวิต และเมื่อ พ.ศ.2500 เกิดการปฏิวัตรัฐประหารจากจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กลุ่มบุคคลเช่นพวกเขา ก็ถูกทางการหมายหัวไปตามๆกัน จากรายชื่อประกาศจับจากประกาศจากคณะปฏิวัติ 2 ฉบับ ข้อหาบุคคลกระทำตัวเป็นนักเลงอันธพาล ก็ต่างแยกย้ายกระจัดกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ อาทิเช่น "นิตย์ บางลำภู" "ล้อ วงเวียน22" "ชัยโพธิ์สามต้น" "ขาว เฉลิมเขตร" "ยูร อินทรี" "สุมาอี้" "เก๊าตี๋" "โอเหล่" "แอ๊ด เสือเผ่น"
หลังจากร่วมทำธุรกิจเถื่อนกับหมู่เชียร(อดีตตำรวจรถถัง) ที่นิวแลนด์ อู่ตะเภาได้ไม่นาน หมู่เชียรก็ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเสียชีวิต หลังจากงานศพ ทั้งเขาและแดงกับกลุ่มเพื่อนๆ ก็ถูก"ผู้ใหญ่เต็ก" นายทุนใหญ่จากแดนใต้ชักชวนเขามาทำธุรกิจเถื่อนกันอีกครั้ง
ชลบุรีขณะนั้นมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกวาดล้างอีกครั้ง และจำต้องแยกย้ายเปลี่ยนที่อยู่อาศัยกันอีก เขาเลือกที่จะกลับไปเยี่ยมหลวงพ่อผู้เป็นบิดาที่วัดปรินายก และถูกเจ้าหน้าทีตำรวจจับกุม
ขณะที่เขาถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำลาดยาวนั้น ก็ได้พบปะเพื่อนฝูงหรือพี่ในวงการนักเลงไม่น้อย (ส่วนหนึ่งจากหนังสือขังเดียวและเส้นทางมาเฟียเขียนโดยสุริยัน ศักดิ์ไธสง)
สุริยัน ศักดิ์ไธสง เสียชีวิตลงด้วยโรคตับแข็งและมะเร็งร่วมด้วย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2547 ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี ทำพิธีทางศาสนาที่ วัดบางเลนเจริญ จังหวัดนนทบุรี
เขามีบุตรชาย 1 กำเนิดจากภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหลังจากออกจากเรือนจำ มีชื่อจริงว่า "ปิติพงศ์ ภู่ประเสริฐ"

ผลงานเขียน

สุริยัน เริ่มต้นเขียนหนังสือจากการรับจ้างเขียนจดหมายโต้ตอบให้ชาวคุกทางไปรษณีย์ หลังจากที่พ้นโทษแล้วก็ได้ ราช เลอสรวง และ เสถียร จันทิมาธร ช่วยเหลือให้สร้างผลงาน
  • เส้นทางมาเฟีย
  • เหล็กหุ้มใจ
  • หัวใจหุ้มเหล็ก
  • อนุทินนิรนาม
  • บันทึกเลือดจากลาดยาว
  • ขังเดี่ยว
  • บันทึกเถื่อน
  • ล่าทรชน
  • มือปืน
  • เจ้าพ่อ
  • ปล้นสะท้านเมือง
  • เจ้าพ่อไบคาน
  • นักฆ่าหน้าหยก โอวตี่ แซ่โค้ว
  • ตำนานโจรปล้นเมือง
  • ถนนสีดำ (เป็นผลงานการเขียน ชิ้นสุดท้ายของท่าน)

มาเฟีย อิทธิพล มือปืน นักเลง

มาเฟีย อิทธิพล มือปืน นักเลง




( ( ( ใครๆ ก็เป็นได้ถ้ามีเงิน ) ) )
เรามารู้จักพวกนี้กัน. ก่อนที่เราจะสู้กับพวกมัน
ก่อนอื่นต้องรู้ว่าพวกนี้ทำงาน มีหลักการ วิธีการตามกฏหมายและนอกกฏหมายอย่างไร
” มาเฟีย ” ในปัจจุบัน ยังมีกลุ่มอิทธิพลพวกนี้แอบแฝงในรูปของการทำธุรกิจ ทั้งถูกกฎหมาย
และผิดกฎหมาย
มาเฟียพวกนี้มักจะอาศัยช่องว่างของกฎหมายและมีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง ( บางคน ) แอบ
แขวงมาทำเป็นธุรกิจของตัวเองในรูป แบบต่างๆ เช่น รับจ้างทวงหนี้ รักษาความปลอดภัย ที่ปรึกษา
จะเห็นได้จากข่าวทางสื่อต่างๆ เป็นประจำ
กลุ่มมาเฟียแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ ( ๑) มาเฟียทั่วไป ( ๒) มาเพียระดับชาติ
” กลุ่มมาเฟียทั่วไป ” จะเป็นไปในรูปขอการทำธุรกิจทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก
หรือขนาดใหญ่ กลุ่มพวกนี้ มักจะอาศัยช่องว่างของกฎหมายในการทำธุรกิจปล่อยเงินกู้รายวัน
คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๐ ต่อเดือน แต่ทำสัญญากู้เงินโดยเอาเงินต้นและดอกเบี้ยมารวมเป็น
เงินต้น หรือทำสัญญาขายทองเงินผ่อนแต่ไม่มีการให้ทองกันจริง และมีการถ่ายรูปโดยให้
เอาทองถือไว้ และก็จะให้ผู้กู้เอาทรัพย์สินมาเป็นประกัน และถ่ายรูปไว้อีกเช่นกัน เมื่อมี
ปัญหาเก็บเงินรายวันไม่ได้ ก็จะเริ่มใช้อิทธิพลมาข่มขู่ ด้วยวิธีต่าง ๆ ถ้ามีเรื่องถึงโรงพักก็จะ
มีหลักฐานต่างๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายมาแสดง (อันที่จริงเป็นหลักฐานเท็จตามกฎหมาย) ทำให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ หรืออาจจะทำได้แต่ไม่ทำ เพราะกลุ่มพวกนี้จะมีการ
จ่ายส่วยให้ประจำ บางครั้งพวกนี้อาจ จะข่มขู่นักเรียนนักศึกษาให้ยอมเสียตัว หรือขายตัว
หรือถ่าย VDO เพื่อแลกกับหนี้เงินกู้ ตามที่เห็นเป็นข่าวมาแล้ว
นี้เป็นเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากที่ทำในลักษณะของสัญญา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ
การผลิต ค้าปลีก ค้าส่ง บริการ ธนาคาร ฯลฯ
” กลุ่มเฟียระดับชาติ ” พวกนี้มักจะเป็นพวกนอกกฎหมายหรืออาศัยกฎหมายในลักษณะที่เป็น
ข้าราชการ( ประจำ ไม่ประจำ การเมืองท้องถิ่งหรือระดับชาติ ) โดยจะมีการหาผลประโยชน์จาก
ตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง จะเห็นได้จากข่าวที่เรียกกันติดปากว่า ” กินบ้าน กินเมือง
กินหิน กินทราย โกงภาษี ” ในกลุ่มนี้ยังมีบางคนทำตัวเป็นพวกมือปืนรับจ้าง เช่น รับจ้างทวงหนี้
อุ้ม ฆ่า ข่มขู่ วิ่งคดี ให้สินบน เรียกค่าคุ้มครอง ซึ่งพวกนี้บางคนอาจจะรับทำเองภายในกลุ่ม
๒ – ๕ คน หรือบางคนอาจจะจัดตั้ง เป็นรูปแบบธุรกิจที่ถูกกฎหมายบังหน้า กลุ่มพวกนี้ยังแบ่งการ
ทำงานออกเป็น ๒ พวก คือ
( ๑ ) ” มือรับจ้างทั่วไป “
( ๒ ) ” มืออาชีพ “
พวกมือรับจ้างทั่วไป มักจะเป็นพวกที่ติดตามนักธุรกิจ นักบริหาร นักการเมือง หรือ
ใครจ้างให้ทำอะไรเกี่ยวกับที่ผิดกฎหมายรับทำหมด ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักจะถูกจับได้ง่ายเพราะ
ทำงานไม่มีหลักการ ไม่รู้ขั้นตอนกฎหมาย ไม่การวางแผนที่ดี ไม่ได้รับกรฝึกมา โดยเฉพาะไม่มีผู้ที่
ให้ความคุ้มครองที่มั่งคง เป็นพวกรับค่าจ้างถูกๆ หรือทำเพื่อทดแทนบุญคุณกัน
ตัวอย่างที่พอจะเห็นได้ คดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธรขันต์ คดีสุขุมวิทซอย ๑๐ คดีเรียกค่าคุ้ม
ครอง คดีฆ่าผู้ตรวจสอบบัญชีโรงงานน้ำตาล
พวกมืออาชีพ พวกนี้มักจะไม่มีให้เห็นบ่อยนัก แต่ถ้าได้เห็นเป็นข่าวเมื่อไร ก็มักจะเป็นข่าว
ใหญ่โต พวกนี้เป็นพวกมืออาชีพทำงานเป็นทีม หรือเป็นขบวนการ รู้กฎหมายและฝึกฝนมาเป็น
อย่างดี มักจะไม่เปิดเผยตัว ( จะรู้กันในกลุ่มธุรกิจหรือนักการเมืองหรือข้าราชกรระดับสูง ที่ชอบหา
ผลประโยชน์ ) เลือกทำเฉพาะงานค่าจ้างสูง ผลงาน๑๐๐ % พวกนี้ไม่ทำงานที่ไม่ได้เงิน ไม่รับ
งานตอบแทนบุญคุณ ทำทุกอย่างที่มีคนจ้าง
มืออาชีพพวกนี้ติดต่อยากมากต้องเสียค่านำทาง ค่าพูดคุย มิฉะนั้นก็จะไม่ยอมรับงาน.เพราะถ้า
เขาเห็นว่าผู้ที่ติดต่อ ดูท่าทางจะไม่มีเงิน ( ขี้เหนียว) หรือไม่เคยติดต่อหรือไม่ได้ผ่านนายหน้า จะไม่
ยอมพบ หรือพูดคุย
ที่พอจะเห็นได้ ระเบิดเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ๒๕๔๒ ฆ่านักการเมือง ลักพาตัวนัก
การฑูต อุ้ม เรียกค่าไถ่แล้วฆ่านักธุรกิจย่าน (สาธร สุขุมวิท พัทยา) ตัวอย่างคดีพวกนี้ จะมีผู้
อยู่เบื้องหลัง และกฎหมายก็ไม่สามารถจะสาวไปถึงได้ เพราะในระบบมืออาชีพนี้จะมีคำว่า
” คัดเอาร์ “คือสาวไม่ถึงผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างก็ไม่รู้ว่าผู้ทำงานเป็นใครจ้างใคร
มาเฟีย , อิทธิพล , มือปืน , นักเลง
ไม่ว่าจะเป็นมาเฟีย อั้งยี่ นักเลง ผู้มีอิทธิพล หรือว่าจะใช้ชื่อว่าอะไร กลุ่มพวกนี้ทุกคน
ถ้าเราเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ หรือพวกนี้ต้องการผลประโยนช์ พวกนี้ก็จะแสดงตนออกมาใน
รูปแบบก้าวร้าวแสดงความไม่พอใจจะมีการขมขู่เป็นอันดับแรกและจะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย
อันที่จริงแล้วพวกนี้โดยมันตัวเองมักจะไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นมาเฟียหรือผู้มีอิธิพลได้
เพียงแต่มีเงินที่จะสามารถไปว่าจ้างพวกที่เป็นกลุ่มที่จัดเป็นองค์กรที่ถูกกฎหมายบังหน้า
คำเตือน ถ้าไม่มีบารมีเงินที่จะว่าจ้างจริงๆ อย่าได้ติดต่อเลยพวกนี้เลย แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ
กลุ่มองค์กรเหล่านี้สังเกตุได้จาก ในรูป รักษาความปลอดภัย (บางองค์กร) บังหน้ามีข้าราชการเป็น
เจ้าของหรือจะอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาองค์กรพวกนี้ถ้าไม่มีข้าราชการเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว พวกนี้จะกล้าทำ
อะไรที่ผิดกฎหมาย จะหาพวกนี้ไม่ยาก
ยังมีอีกพวกที่เรียกว่า ” ระดับประเทศ ” เป็นที่รู้จักกันดีว่า ” มาเฟียยาเสพติด . ราชาเฮโรอิน .
ค้าเด็ก ค้ากาม ” พวกนี้จะอาศัยอิทธิพลทางเงินจ่ายให้กับข้าราชการที่มักได้เห็นแก่เงิน ไม่ว่าจะ
เป็นระดับไหนพวกนี้ยินดีที่จะจ่ายให้ทั้งนั้น ถ้าสามารถคุ้มครองได้
ใช่ว่าพวกนี้จะไม่กลัวกฎหมาย แต่ที่มันทำก็เพราะผลประโยชน์ ใครที่เสียประโยชน์หรืออยากได้
ผลประโยชน์มักรับทั้งนั้น ขอให้มีเงินเท่านั้น
ถ้าถูกพวกนี้มันรังแก ก็ต้องต้อสู้กับมันให้ถึงที่สุด ควรปรึกษาผู้รู้กฎหมายดีที่สุด
อิทธิพล
ผู้มีอิทธิพลมีอยู่แทบทุกวงการ วงการใดที่มีผลประโยชน์เรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมต้องมีผู้
ที่เห็นแก่ผลประโยชน์นั้น โดยแสดงความมีอำนาจความยิ่งใหญ่ (นักเลง) ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิง
การเมือง ธุรกิจ การค้า รับเหมา การเงิน ราชการ
ผู้มีอิทธิพลพวกนี้ ถ้าจะต้องการอะไรก็จะใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ได้มา โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร
๑ . ธุรกิจ หรือประมูลงานราชการ
๒ . นำเข้า – ส่งออก
๓ . ตำแหน่ง หน้าที่การงาน
๔ . เมียน้อย ( ร่วมเพศกับเด็กๆ )
กลุ่มผู้มีอิทธิพลพวกนี้ พวกนี้จะมี ๒ ระดับ
๑ . ทั่วไป พวกนี้มักจะไม่มีอิทธิพลอะไรมากนัก อาศัยแต่เกราะติดกับผู้มีอิทธิพลระดับชาติ
หรือมีพวกพร้องที่เป็นข้าราชการ นักการเมือง เข้าไปหาผลประโยชน์หรือแบ่งผลประโยชน์กัน
พวกนี้มักจะเป็นข่าวให้เห็นตามข่าวทั่วๆไป เช่น
- ฮั่วประมูล
- ยักยอกเงินธนาคาร
- รับเหมาก่อสร้าง
- เด็กสาวอายุ ๑๒ – ๑๕ ( เอาไว้บริการในการประสานผู้หรับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ หรือร่วมเพศเอง
ส่วนตัว )
- ผูกขาดสัมประทาน
กลุ่มพวกนี้ที่มักจะเป็นข่าวให้เห็นเพราะว่า อาจจะเป็นพวกขี้เหนียวใช้เงินไม่เป็น ไม่มีที่ปรึกษา
ที่ดีแต่หยิ่งคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ไม่รักษาคำพูด เห็นแก่ตัว เรียกง่ายๆว่า ” ปลาตายน้ำตื้น “
๒ . ระดับชาติ พวกนี้จะมีทั้งอำนาจทางการเมืองและอำนาจทางการเงิน จะมีพวกระดับทั่วไปเป็น
ลูกน้องหรือผู้รักษาผลประโยชน์ให้แทน พวกนี้มักจะไม่เป็นข่าวมากนักเพราะกฎหมายะสาวไปไม่
ถึงตัวทั้งที่รู้ว่าเป็นใคร เช่น เหตุที่กฎหมายสาวไม่ถึงตัวตัวบงการใหญ่เพราะ พวกนี้จะใช้
เงินให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจ หรือตัวเอง จะเป็นคนที่รักษาคำพูด ซื้อใจคนด้วยเงินแบ่งผลประ
โยชน์ ให้ทุกคนพอใจ ไม่ใช้กำลังโดยไม่จำเป็น จะใช้เมื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งจะมีที่ปรึกษากฎหมายในแทบทุกเรื่อง
แต่ที่พวกระดับชาติน่ากลัวที่สุดคือ พวกนักฆ่ามืออาชีพ เพราะเมื่อตัวเองและพวกพร้องได้ผล
ประโยชน์ก็ย่อมมีผู้ที่เสียผลประโยชน์ พวกนี้จะรู้ดีว่านักฆ่ามืออาชีพจะไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใคร
อยู่ที่ไหน เพราะตัวเองคงเคยใช้บริการฆ่า อุ้ม มาแล้วจึงทำให้รู้ว่าพวกนี้น่ากลัวมากกว่าพวกที่
เปิดเผยตัว พวกโกงระดับชาตินี้จึงมีคนคุ้มกันมากเวลาไปไหนมาไหน
คำเตือน พยานหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไม่มีมิตรสัมพันธ์ใดๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรหันหน้า
เข้าสู้กับพวกมันแบบ” เกลือจิ้มเกลือ “. หรือ ” ฟันต่อฟัน ” คือ เอามาเฟียถล่มมาเฟียหรือ
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ใช้พวกมันให้เป็นประโยชน์อย่างอื่นๆ

กฏเหล็กมาเฟียอิตาลี

กฏเหล็กมาเฟียอิตาลี




หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องมาเฟียกันมาบ้างใช่มั๊ย
ต้นกำเนิดของการเกิดกลุ่มมาเฟียก็คือประเทศอิตาลีนี่เอง
แต่เพื่อนๆเคยรู้บ้างมั๊ยว่าการที่จะเป็นมาเฟียนั้นมันอยากมากๆ
ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเป็นได้หมด
ลองมาดู 10 กฎเหล็กของมาเฟียกัน
สำหรับรายละเอียดของ บัญญัติ 10 ประการของสมาชิกแก๊งมาเฟียอิตาลี มีดังนี้
1.ไม่มีใครสามารถติดต่อพบปะตัวสมาชิกแก๊งโดยตรงได้ ต้องให้บุคคลที่สามเป็นผู้นำผู้ที่ต้องการเข้าพบมาเจอกับสมาชิกแก๊งเสมอ
2. ห้ามมองภรรยาของเพื่อนสมาชิก
3. ห้ามมีความสัมพันธ์กับตำรวจ
4. ห้ามไปผับและคลับบันเทิง
5. ต้องเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการทำหน้าที่ แม้ว่าภรรยาใกล้จะคลอดลูก
6. ต้องไปตรงเวลานัดทุกครั้ง
7. ต้องปฏิบัติต่อภรรยาด้วยการให้เกียรติ
8. เมื่อถูกถาม ต้องตอบความจริงเท่านั้น
9. ไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย หากเงินนั้นเป็นของเพื่อนสมาชิกหรือเป็นของครอบครัวเพื่อนสมาชิก
10.บุคคลที่ไม่สามารถร่วมแก๊ง ได้แก่ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำรวจ ผู้ที่ประพฤติตัวแย่และไม่เคารพศีลธรรม และผู้ที่มีญาติซึ่งคบชู้สู่ชายในครอบครัว

MS13 (Mara Salvatrucha)แก๊งค์ที่เถื่อนที่สุดในโลก

MS13 (Mara Salvatrucha)แก๊งค์ที่เถื่อนที่สุดในโลก

พูดถึงอเมริกา ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีสถิตก่ออาชญากรรมมากแห่งหนึ่งของโลก สาเหตุหลักๆ คือ เป็นประเทศเสรีมากเกินไป ไม่มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดพอ และมีหลายเชื้อชาติ อพยพที่มาอเมริกาแล้วไม่มีงานทำ ผลสุดท้ายก็เลือกเส้นทางอาชญากรรมแทนที่จะทำอาชีพสุจริต
นอกเหนือจากเจ้าพ่อแล้ว ก็มีแก๊งค์ทีมีอิทธิพลต่างๆ โดยมีหลายแก๊ง หลายคณะ ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่ของแก๊งล้วนแต่หนักสังคมทั้งนั้น และนี้คือหนึ่งในนั้น….
MS13 (Mara Salvatrucha)
(หนึ่งในสมาชิกแก๊ง MS 13 และรอยสักของแก๊ง)
ปีก่อตั้ง 1980 อาณาเขต อเมริกาเหนือ และละตินอเมริกาใต้
สัญชาติ Latino สมาชิก 100,000 คน(ประมาณ)
กิจกรรมของแก๊ง ค้ายา,โจรกรรม, ขู่เข็น, เรียกค่าคุ้มครอง, ขายอาวุธ, ฆาตกรรม, พ่นสีใส่กำแพง,ทำร้ายร่างกาย
สารคดีช่องยูบีซีเคย เล่าเรื่องแก๊งค์ MS 13 ว่ากันว่าเป็นแก๊งค์ที่โหด แม๊กซิกัน ที่ใช้ความรุนแรง และใหญ่ที่สุดในอเมริกา มีสมาชิกเป็นแสนคน มี อาณาเขตไปถึง 50 รัฐทั่วทั้งอเมริกา
MS13 มีชื่อเต็มว่า Mara Salvatrucha แก๊งนี้ถือเกิดขึ้นในสนามเด็กเล่นบริเวณที่พักของผู้ลี้ภัยชาวซาวาดอเรี่ย นหรือซาน ซัลวาดอร์ ในลอสแอนเจลิสในปี1980(El Savardo หรือ Savardorian) ซึ่งช่วงนั้นผู้อพยพมักถูกรังแก,ดูถูกจากเจ้าถิ่นในพื้นที่ พวกเขาเลยรวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อเกิดความสามัคคี เพิ่มความแข็งแกร่ง และตอบโต้เจ้าถิ่นด้วยความรุนแรง
(**เอลซัลวาดอร์ (El Salvador) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ (Republic of El Salvador) เป็นประเทศในแถบอเมริกากลาง มีจำนวนประชากรเกือบ 6.7 ล้านคน เป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในแผ่นดินใหญ่ของ (ทวีป) อเมริกา ในปี 1980- 1992 เอลซัลวาดอร์ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ทำให้มีการเข่นฆ่าล้างผลาญคนในชาติด้วยกันเอง ระหว่างกองทัพฝ่ายรัฐบาล(ESAF El salvador Armed Forces หรือหน่วยล่าสังหารฝ่ายขวา) กับ ฝ่ายกองทัพปลดแอก(FMLN The Farabundo Front) โดยในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มีพี่น้องร่วมชาติต้องล้มตายกันไปกว่า 7 หมื่น 5พันคน ประชาชนกว่า 1 ล้านคนต้องพรากแผ่นดินเกิด ไปอาศัยผืนแผ่นดินอื่นอาศัยรวมทั้งอเมริกา)
โดยตอนแรกในการตั้งกลุ่ม ชื่อแก๊งถูกตั้งสั้นๆ คือ MS ซึ่งเป็นภาษา Spanish โดยคำว่า Maraแปลว่าแก๊ง และคำว่า Salvatruja แปลว่าชาวซาวาดอเรี่ยน รวมกันก็ แก๊งชาวซาวาดอเรี่ยนนั่นเอง
ตอนแรกแก๊งค์มีสมาชิกแค่ 13 คน แต่หลังจากทำธุรกิจเกี่ยวกับอาชญากรรม ก็เริ่มมีสมาชิกจำนวนมากเข้ากลุ่มและเริ่มพัฒนาเป็นแก๊งค์ที่มีขนาดใหญ่ใน ที่สุด
รายได้หลักๆ ของแก๊งค์ MS 13 เรียกค้าคุ้มครองคนเดินสายขายยาเสพติด การค้าอาวุธสงคราม ค้า มนุษย์ และรีดไถพ่อค้าแม่ค้าและบริษัท(ส่วนมากเป็นร้านขายไส้กรอก ห้างร้านต่างๆ ใครอาจไม่จ่ายจะต้องเจอบทเรียนราคาแพงจากแก๊งค์ MS 13 และการหารายดืทังหมดจะต้องทำในอาณาเขตของตนเองเท่านั้น
ขอบเขตอาณาเขตของ MS13 จะมีการแบ่งชัดเจน และแน่นอน และห้ามล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของแก๊งอื่นเด็ดขาด เช่นเวลาสมาชิกแก๊งคนหนึ่งอยู่อาณาเขตของ MS13 ในย่านเมืองหนึ่ง คุณจะต้องไม่ล้ำเขตคนอื่นเด็ดขาดเพราะอาจจะโดนเก็บเอาง่าย การใส่เสื้อต่างสีหรือ Throw gang sign คนล่ะอันกันก็เป็นเรื่องได้
จากนั้นเมื่อระบบของแก๊งนี้ก็เพิ่มความซับซ้อนขึ้น และเริ่มทำธุรกิจค้าขายยาเสพย์ติด ส่วนใหญ่จะเป็นคนเดินยาจะเป็นพวกเด็กที่หลอกใช้ให้ไปค้ายาโดยช้ำว่า ศักดิ์ศรี มาล่อ เด็กมีปัญหาที่ไร้การศึกษา และชอบความรุนแรง และก่ออาชญากรรมต่างๆ ทั้งนี้เพราะเวลาตำรวจจับก็จะไม่มีผลกระทบมากนัก
เรื่องอายุสมาชิก ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นอายุ 10-15 ปี ต่ำสุด 8 ปี นอกจากนี้สมาชิกก็จะมียศและตำแหน่งในแก๊งด้วย และนอกจากนี้ก็มีคนบงการหรือหัวหน้าที่จะค่อยให้ลูกน้องไปเก็บใครหรือปล่อย ของถูกเรียกว่า OG หรือ Original gangster นั้นเองพวก OG นี้จะมีอายุระหว่าง 23-27 ที่ไม่เกินกว่านี้เพราะส่วนใหญ่สมาชิกที่อายุมากๆ จะเลิกลากันไป ไม่ก็ติดคุก หรือตายในขณะไม่ทันโตเป็นผู้ใหญ่
กฎของแก๊งค์นี้รุนแรงมาก คือเวลา MS 13 ทำพิธีรับน้อง ตามประเพณีคือน้องใหม่หรือคนที่จะเข้าต้องให้สมาชิกในแก๊งค์จํานวน5คนรุมกระ เทือบจนครบ13+15วินาทีก่อนจึงจะเข้าได้ ซึ่งผลที่ได้ก็คือเกิด ศักดิ์ศรี ขึ้นในแก๊งค์ ประมาณว่าพวกนายแน่มาก เป็นตัวกระตุ้นเพื่อหลอกใช้งาน เช่น ไปฆ่ายา ไปยิงคน ไปฆ่าคน
แม้การหลอกใช้นี้เป็นเรื่องเหลวไหล แต่พวกนี้ก็ยอมตายเพื่อแก๊งของตัวเอง เวลาจะไปฆ่าแก๊งคนอื่น ก็จะรวมกลุ่มกัน และใช้อาวุธ ทั้งปืนทั้งระเบิด ฆ่าฟันกัน เน้นไปทางก่อความรุนแรงและอาชญากรรม
สัญลักษณ์ของการเป็นแก๊ง MS 13 ก็มีหลายแบบ เช่นพ่นสีใส่กำแพงเพื่อกำหนดอาณาเขตของตนเอง และการพ่นสีนี้ไม่ใช้พ่นกันเล่นๆ นะครับ บางครั้งก็ใส่รายละเอียดเหมือนกัน เช่นใส่ชื่อคน ว่างแปลว่าในพื้นที่นี้มีสมาชิกคนชื่อนี้ตาย และตายเมื่อไหร่ ตายอย่างไร คือสมาชิกคนไหนฆ่าใครไปแล้วบ้าง เป็นต้น
แล้วก็มีสัญลักษณ์อีกประเภทหนึ่งคือรอยสัก สมาชิกจะสักลวดลายต่างๆ บนร่างกาย เพื่อบ่งบอกว่าเป็นสมาชิก MS 13 โดยรอยสักนี้เป็นเหมือนกับใบประวัติ และตัวบอกเรื่องราวของสมาชิกนั้นๆ ด้วย เช่น ตนนี้ติดคุกกี่ครั้ง ติดคุกมากี่ปี ฆ่าคนไปเท่าไหร่ เข้าแก๊งเมื่อไหร่ มียศอะไร ตำแหน่งอะไร เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีรหัสลับด้วย จากภาพเราจะเห็นแก๊งนี้ทำมือเหมือนคาราบาวแดง แต่ไม่ใช้คาราบาวหรอกนะครับ แต่เป็นเขาปีศาจ และเมื่อกลับหัวก็เป็นอักษรเอ็มนั้นเอง
ส่วนรหัสลับต่างๆ ก็มีอย่างเช่น ชี้นิ้วตนเองมาที่ท้องก็หมายความว่าให้สมาชิกคนอื่นใช้มีดเสียบม้องของศัตรู หรือทำมือรูปปืนก็ให้ใช้ปืนยิงเป็นต้น โดยแก๊งค์ MS13 มีศัตรูตัวฉกาจคือ 18th street
(**18th street แก๊งค์นี้ผู้อพยพก็มาจาก San Salvadorเมืองหลวงของซัลวาเดอร์(El salvado )ในทวีปอเมริกากลาง แล้วมีการรวมกลุ่มกันและแพร่เข้ามาใน L.A. โดยมีหน้าที่หลักคือ ขายยา(แต่กฏของแก๊งค์ จะไม่ขายยาให้สมาชิกหรือครอบครัวของตัวเองเพราะจะเป็นฆ่าตัวเอง) คุมพื้นที่ของตัวเอง และมีวิธีการรับน้องและการลงโทษของแก๊งค์เหมือนแก๊งค์อื่นๆ คือ รุมกระทืบ โดยมา ครอบครัวไหนที่เป็นสมาชิกแก๊งค์จะมีความผูกพันธ์ซึ่งกันและกัน เป็นกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก หลาน ลุง น้องสาว พี่สาว ส่วนหัวหน้าใหญ่จะมีหรือไม่มีไม่มีใครทราบได้ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแย่งชิง อำนาจในแก๊งค์ นอกจากนี้แก๊งค์นี้จะปลูกฝังให้เกลียดแก๊งค์ MS 13 ถึงขั้นไล่ยิงกันทีเดียว )
ในวันนึงๆมีสมาชิกฆ่ากันตาย วันละหลายสิบคน บางวันตายกันเป็นร้อย บางทีตายหมูเป็นพันคน(ที่ตายเป็นพันนี้จะเกิดในแถบอเมริกากลางนะครับไม่ได้ เกิดที่สหรัฐ)
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในแก๊งค์นี้คือ กฎค่อนข้างเข้มงวดและป่าเถื่อนมาก โดยเฉพาะถ้าสมาชิกคนไหนถูกจับได้ว่าทรยศจะถูกทรมาน รุมกระทิบ หรือไม่ก็ถูกฆ่า ถูกหั่นศพ ไปทิ้งกระจายตามที่ต่างๆ ถ้าทำงานผิดพลาดอาจโดนตัดนิ้ว ตัดมือ หรือ ทำให้พิการ บางคนถูกตัดอวัยวะเพศ แล้วโยนให้หมากิน(ใช้กับศัตรูด้วย)
นอกเหนือจากอเมริกา แก๊ง MS ก็ระบาดไปทั่วทวีปอเมริกากลาง ซึ่งประเทศเอลซัลวาดอร์มีมากที่สุด และนอกจากนั้นก็มีอีกกว่า 15 ประเทศที่เจริญๆ แล้วด้วย ล่าสุดมาถึงญี่ปุ่น ซึ่งเอเซียนั้นก็มีแก๊งค์ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติอื่นๆ เช่น Joe Boy,Tiny Raskal Gang,Asian Boyz,Viet boy Wah Ching XXIII, Vice Lords, Texas Syndicate, Bloods, Crips, Nazi Lowriders, Aryan Brotherhood
ส่วนหัวหน้าใหญ่หรือผู้บงการ ก็มีสองเสียงนะครับจากการสัมภาษณ์สมาชิกแก๊ง บางคนบอกว่า “มี” บางคนบอกว่า “ไม่มี” แต่ทางตำรวจบอกว่า “มี” แน่นอน แต่ค่อนข้างจะเป็นความลับ เพราะว่าถ้าเกิดเปิดเผยตัวหัวหน้าใหญ่อาจถูกฆ่าได้ ทำให้ต้องมีการปกปิดภายใน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อกันว่าทุกวันนี้หัวหน้าใหญ่ของแก๊งค์บางทีอาจอยู่ในคุก และบงการจากในคุกเพื่อให้สมาชิกก่อความไม่สงบต่อโลกภายนอกก็ได้
ทางรัฐบาลก็ไม่อยู่เฉยนะครับ หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบก็จับตาดูพวกนี้อยู่เหมือนกัน โดยหน่วยงานICE (U.S. Immigration and Customs Enforcement) ซึ่งปัจจุบันICE มีเครือข่ายงานทั่วประเทศ 35 ทีมเพื่อทำหน้าที่จับกุมบุคคลผู้หลบหนีคดี ในปี 2006 งบประมาณให้เพิ่มเป็น 52 ทีมและปี 2007 เพิ่มเป็น 70 ทีม ปัจจุบันมีผู้หลบหนีคดีหรือ fugitive aliens ที่ยังอาศัยอยู่ในสหรัฐประมาณ 500,000 คน บุคคลเหล่านี้ถูกเนรเทศออกไปแล้ว แต่ลักลอบกลับเข้ามาอีก
วิธีการทำงานของหน่วยงานICE คือการออกปฏิบัติการกวาดล้างผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย เริ่มจากการค้นหาข้อมูลเป้าหมายอาทิเช่นการติดตามด้วยกล้องถ่าย การตามผู้ต้องสงสัยตามข้อมูลที่ได้รับมา รวมทั้งยังต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ร่วมด้วย เมื่อออกปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันอย่างดีทั้งสวมเสื้อเกราะกันกระสุน สวมถุงมือเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเข็มแทง,มีดบาดหรือรั้วลวดหนามที่จะต้องปีน ป่ายข้ามเข้าไปในบ้าน.ที่อยู่เพื่อจับตัวผู้ต้องสงสัย
แต่ปัญหาก็คือเมื่อจับมาได้จะทำอย่างไรกับมันดี จะเอามันไปติดคุกมันก็ไปสร้างอิทธิพลในคุก จะส่งตัวกลับประเทศมันก็ไปสร้างอิทธิพลในประเทศของตนต่อไป จนการเป็นวัฏจักรที่น่ารังเกลียดที่ปราบยังไงก็ไม่หมดจนถึงปัจจุบัน
และนี้คือตัวอย่างคดีดังๆ ที่เกี่ยวกับ AS 13
- 13 กรกฎาคม2003 หญิงสาวชื่อ Brenda Paz ถูกพบเป็นศพที่ Shenandoah ใน เวสท์เวอร์จิเนีย สาเหตุการตายคือถูกแทง สันนิษฐานว่าเธอถูกฆ่าเพราะแจ้งข่าวกิจกรรมของ MS 13 ผลสุดท้ายคดีจบลงเมื่อเพื่อนเธอสี่คนถูกตัดสินความผิดฐานฆาตกรรม
- 23 ธันวาคม 2004 คดีนี้ถือว่าเป็นคดีดังมาก ที่ทำให้สังคมรู้จัก MS13 อย่างกว้างขวาง เหตุเกิดที่ Chamelecón ในออนดูรัส เมื่อรถบัสประจำเมืองถูกบังคับให้หยุด โดยการสกัดกั้นจากพวกแก๊งค์ MS13 และใช้ปืนอัตโนมัติกวดยิงผู้โดยสารในรถ ส่งผลให้ผู้โดยสารตายถึง 28 คน โดยส่วนมากเป็นผู้หญิง และเด็ก ก่อนที่จะมีการจับผู้ต้องสงสัยในเวลาต่อมา ทั้งหมดเป็นสมาชิก MS13 และบางคนถูกจำคุก ในขณะที่บางคนถูกปล่อยตัวเพราะไม่มีหลักฐานเอาผิด
- 13 พฤษภาคม 2006 นาย Ernesto “Smokey” Miranda อดีตทหารและสมาชิกระดับสูงหนึ่งในผู้ก่อตั้ง MS13 ถูกฆาตกรรมในบ้านของเขาเองตำแหน่งสูง ในเอลซัลวาดอร์ โดยชั่วโมงก่อนตายนั้นเขาได้ปฏิเสธคำเชิญงานสังสรรค์สำหรับสมาชิกแก๊งคน หนึ่งที่ปล่อยตัวจากคุก
- 22 มิถุนายน 2008, ในซานฟรานซิสโกแคลิฟอร์เนีย Edwin Ramos อายุ21 อดีตสมาชิก MS13 ได้ยิงฆ่า นาย Anthony Bologna อายุ 48 ปี และMichael อายุ 20 ปี, และMatthew อายุ 16 ปี ลูกชายสองคนของเขา บนรถที่ถนนแคบ
- 26 พฤศจิกายน2008 Jonathan Retana ถูกตัดสินในข้อหาฆ่า Miguel Angel Deras
- กุมภาพันธ์ 2009 ใน โคโลราโดและแคลิฟอร์เนีย มีการกวาดล้างแก๊ง MS13 ทำให้มีการจับสมาชิกได้ 20 คน รวมทั้งโคเคน ยาเสพย์ติดและอาวุธปืนจำนวนมาก

กลับมาอีกครั้งกับวิถีแห่งมาเฟีย เผยรายละเอียดแรก Godfather II แล้ว

     ข้อมูลแรกของเกมส์มาเฟียจากภาพยนตร์ชื่อดัง Godfather 2 โดย EA ถูกเปิดเผยแล้วครับ โดยนิตยสาร Xbox World 360 เล่มล่าสุดนี่เองที่เป็นสื่อลงข้อมูลดังกล่าว ซึ่งภาคนี้จะผสมผสานรูปแบบคล้ายๆ Scarface กับ Total War รวมกัน ลดความเป็นโคลนของ GTA ให้น้อยลง เพิ่มรูปแบบเกมส์ให้มากขึ้น ทั้งเป็น RPG, RTS และ Board game
 

      เนื้อเรื่องในภาคนี้จะอยู่ในเมือง 3 เมือง จำลองอยู่ในยุค 1960 (Miami, Havana และ New York) และภาคนี้เราจะได้เบ่งอำนาจมาเฟียยิ่งกว่าภาคที่แล้ว มากกว่าการที่จะต้องไปขับเรือหรือเฮลิคอปเตอร์ (ซึ่งมันก็ไม่มีให้ขับหรอก) แต่จาก Screenshots ใหม่ๆของเกมส์นี้ในนิตยสารดูแล้วพวกองค์ประกอบต่างๆบนถนนหนทางก็จะยังคล้าย ของเดิม มีเพียงแค่ตัวละครและคลาสทั้งหลายเท่านั้นที่ให้ความสำคัญเพิ่มเข้ามา

  
     6 คลาส ทั้งหมดนี้ได้แก่ พวกนักเลง พวกนักทำลาย นักวางเพลิง แพทย์ คนแงะเซฟ และพวกวิศวกร โดยลักษณะของแต่ละคลาสก็จะมีภูมิหลังและบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป จาก 1 ใน 12 แบบ เช่น พวกนักเลงจะมีนิสัยขี้เมา ขนาดมีเรื่องกันในบาร์ก็ยังจะดื่มเหล้าไปด้วย เราสามารถเลือกเข้าสู่ “มุมมองของ Don” ได้ทุกเมื่อในเกมส์ ซึ่งเราสามารถที่จะแบ่งสันปันส่วนทรัพย์สินของเรา หากิจกรรมยามว่างแบบมาเฟียทำ และวางแผนทำวีรกรรมผิดกฎหมายต่างๆ จากจุดนี้เราสามารถซูมกลับมายังเกมส์เดินเท้าปกติแล้วไล่ยิงคนไปเฉยๆก็ได้ ซึ่งในภาคนี้จะเป็นระบบการเล็งแบบอิสระ

    ส่วนพวก “Board Game” จะมาในรูปแบบลุยๆ เช่น การเข้าปล้นและตะลุมบอนโรงกลั่นน้ำมันของบ้านคู่ปรับ แล้วเราจะได้เกราะกันกระสุนหรือรถติดเกราะให้กับบ้านเราเองเป็นรางวัล งานอื่นๆบางงานจะให้เปอร์เซ็นต์กับเราจากเงินที่ได้ทั้งหมด แล้วเงินพวกนี้แหละ ที่จะเป็นเงินทุนให้เราไปทำสงครามบนท้องถนน “ไพ่ลวง” ก็เป็นอีกหนึ่งในภารกิจก่อการวินาศกรรม ก็อย่างเช่น เราต้องไปทำลายมื้อเย็นของใครซักคนนึง แล้ววางหลักฐานปลอมทิ้งไว้ ใส่ร้ายให้กับพวกบ้านคู่ปรับ สุดท้ายก็จะมีสมาชิกของบ้านนั้นซวยถูกจับติดคุกหัวโตไป
ทั้งนี้ ทาง EA ยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับการเล่นแบบมัลติเพลย์เยอร์เลย และเกมส์นี้ถูกวางแผนให้วางจำหน่ายภายในปี ค.ศ. 2009 หน้านี้ครับ

มาเฟีย อิทธิพล มือปืน นักเลง, เปิดเส้นทาง"หนี" เจ้าพ่อ-นักการเมือง



มาเฟีย อิทธิพล มือปืน นักเลง

( ( ( ใครๆ ก็เป็นได้ถ้ามีเงิน ) ) )
เรามารู้จักพวกนี้กัน. ก่อนที่เราจะสู้กับพวกมัน
ก่อนอื่นต้องรู้ว่าพวกนี้ทำงาน มีหลักการ วิธีการตามกฏหมายและนอกกฏหมายอย่างไร

 " มาเฟีย " ในปัจจุบัน  ยังมีกลุ่มอิทธิพลพวกนี้แอบแฝงในรูปของการทำธุรกิจ ทั้งถูกกฎหมาย
และผิดกฎหมาย

  มาเฟียพวกนี้มักจะอาศัยช่องว่างของกฎหมายและมีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง ( บางคน ) แอบ
แขวงมาทำเป็นธุรกิจของตัวเองในรูป แบบต่างๆ เช่น รับจ้างทวงหนี้  รักษาความปลอดภัย  ที่ปรึกษา
จะเห็นได้จากข่าวทางสื่อต่างๆ เป็นประจำ

  กลุ่มมาเฟียแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ ( ๑) มาเฟียทั่วไป    ( ๒) มาเพียระดับชาติ

  " กลุ่มมาเฟียทั่วไป "   จะเป็นไปในรูปขอการทำธุรกิจทั่วๆ ไป   ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก
หรือขนาดใหญ่ กลุ่มพวกนี้ มักจะอาศัยช่องว่างของกฎหมายในการทำธุรกิจปล่อยเงินกู้รายวัน
คิดดอกเบี้ยร้อยละ ๒๐ ต่อเดือน    แต่ทำสัญญากู้เงินโดยเอาเงินต้นและดอกเบี้ยมารวมเป็น
เงินต้น     หรือทำสัญญาขายทองเงินผ่อนแต่ไม่มีการให้ทองกันจริง และมีการถ่ายรูปโดยให้
เอาทองถือไว้    และก็จะให้ผู้กู้เอาทรัพย์สินมาเป็นประกัน และถ่ายรูปไว้อีกเช่นกัน    เมื่อมี
ปัญหาเก็บเงินรายวันไม่ได้ ก็จะเริ่มใช้อิทธิพลมาข่มขู่ ด้วยวิธีต่าง ๆ   ถ้ามีเรื่องถึงโรงพักก็จะ
มีหลักฐานต่างๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายมาแสดง (อันที่จริงเป็นหลักฐานเท็จตามกฎหมาย) ทำให้
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะทำอะไรได้   หรืออาจจะทำได้แต่ไม่ทำ เพราะกลุ่มพวกนี้จะมีการ
จ่ายส่วยให้ประจำ     บางครั้งพวกนี้อาจ จะข่มขู่นักเรียนนักศึกษาให้ยอมเสียตัว หรือขายตัว
หรือถ่าย VDO เพื่อแลกกับหนี้เงินกู้ ตามที่เห็นเป็นข่าวมาแล้ว

   นี้เป็นเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากที่ทำในลักษณะของสัญญา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ
การผลิต  ค้าปลีก    ค้าส่ง    บริการ    ธนาคาร ฯลฯ

  " กลุ่มเฟียระดับชาติ " พวกนี้มักจะเป็นพวกนอกกฎหมายหรืออาศัยกฎหมายในลักษณะที่เป็น
ข้าราชการ( ประจำ ไม่ประจำ การเมืองท้องถิ่งหรือระดับชาติ )  โดยจะมีการหาผลประโยชน์จาก
ตำแหน่งหน้าที่ที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวข้อง  จะเห็นได้จากข่าวที่เรียกกันติดปากว่า " กินบ้าน กินเมือง
กินหิน กินทราย โกงภาษี "   ในกลุ่มนี้ยังมีบางคนทำตัวเป็นพวกมือปืนรับจ้าง เช่น รับจ้างทวงหนี้
อุ้ม   ฆ่า   ข่มขู่   วิ่งคดี   ให้สินบน   เรียกค่าคุ้มครอง    ซึ่งพวกนี้บางคนอาจจะรับทำเองภายในกลุ่ม
๒ - ๕ คน หรือบางคนอาจจะจัดตั้ง เป็นรูปแบบธุรกิจที่ถูกกฎหมายบังหน้า  กลุ่มพวกนี้ยังแบ่งการ
ทำงานออกเป็น ๒ พวก คือ

( ๑ ) " มือรับจ้างทั่วไป "
( ๒ ) " มืออาชีพ "
  พวกมือรับจ้างทั่วไป    มักจะเป็นพวกที่ติดตามนักธุรกิจ    นักบริหาร    นักการเมือง    หรือ
ใครจ้างให้ทำอะไรเกี่ยวกับที่ผิดกฎหมายรับทำหมด    ส่วนใหญ่แล้วพวกนี้มักจะถูกจับได้ง่ายเพราะ
ทำงานไม่มีหลักการ ไม่รู้ขั้นตอนกฎหมาย ไม่การวางแผนที่ดี ไม่ได้รับกรฝึกมา  โดยเฉพาะไม่มีผู้ที่
ให้ความคุ้มครองที่มั่งคง เป็นพวกรับค่าจ้างถูกๆ    หรือทำเพื่อทดแทนบุญคุณกัน

    ตัวอย่างที่พอจะเห็นได้   คดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกศรีธรขันต์   คดีสุขุมวิทซอย ๑๐   คดีเรียกค่าคุ้ม
ครอง    คดีฆ่าผู้ตรวจสอบบัญชีโรงงานน้ำตาล

  พวกมืออาชีพ   พวกนี้มักจะไม่มีให้เห็นบ่อยนัก   แต่ถ้าได้เห็นเป็นข่าวเมื่อไร ก็มักจะเป็นข่าว
ใหญ่โต   พวกนี้เป็นพวกมืออาชีพทำงานเป็นทีม หรือเป็นขบวนการ  รู้กฎหมายและฝึกฝนมาเป็น
อย่างดี   มักจะไม่เปิดเผยตัว ( จะรู้กันในกลุ่มธุรกิจหรือนักการเมืองหรือข้าราชกรระดับสูง ที่ชอบหา
ผลประโยชน์ )   เลือกทำเฉพาะงานค่าจ้างสูง    ผลงาน๑๐๐ %   พวกนี้ไม่ทำงานที่ไม่ได้เงิน ไม่รับ
งานตอบแทนบุญคุณ     ทำทุกอย่างที่มีคนจ้าง

   มืออาชีพพวกนี้ติดต่อยากมากต้องเสียค่านำทาง ค่าพูดคุย มิฉะนั้นก็จะไม่ยอมรับงาน.เพราะถ้า
เขาเห็นว่าผู้ที่ติดต่อ ดูท่าทางจะไม่มีเงิน ( ขี้เหนียว) หรือไม่เคยติดต่อหรือไม่ได้ผ่านนายหน้า จะไม่
ยอมพบ หรือพูดคุย

  ที่พอจะเห็นได้   ระเบิดเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ๒๕๔๒    ฆ่านักการเมือง   ลักพาตัวนัก
การฑูต   อุ้ม   เรียกค่าไถ่แล้วฆ่านักธุรกิจย่าน (สาธร   สุขุมวิท  พัทยา)    ตัวอย่างคดีพวกนี้ จะมีผู้
อยู่เบื้องหลัง และกฎหมายก็ไม่สามารถจะสาวไปถึงได้ เพราะในระบบมืออาชีพนี้จะมีคำว่า
" คัดเอาร์ "คือสาวไม่ถึงผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างก็ไม่รู้ว่าผู้ทำงานเป็นใครจ้างใคร

มาเฟีย , อิทธิพล , มือปืน , นักเลง

  ไม่ว่าจะเป็นมาเฟีย    อั้งยี่   นักเลง    ผู้มีอิทธิพล    หรือว่าจะใช้ชื่อว่าอะไร    กลุ่มพวกนี้ทุกคน
 ถ้าเราเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ หรือพวกนี้ต้องการผลประโยนช์  พวกนี้ก็จะแสดงตนออกมาใน
รูปแบบก้าวร้าวแสดงความไม่พอใจจะมีการขมขู่เป็นอันดับแรกและจะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย
  อันที่จริงแล้วพวกนี้โดยมันตัวเองมักจะไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นมาเฟียหรือผู้มีอิธิพลได้
เพียงแต่มีเงินที่จะสามารถไปว่าจ้างพวกที่เป็นกลุ่มที่จัดเป็นองค์กรที่ถูกกฎหมายบังหน้า

  คำเตือน ถ้าไม่มีบารมีเงินที่จะว่าจ้างจริงๆ อย่าได้ติดต่อเลยพวกนี้เลย แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ

  กลุ่มองค์กรเหล่านี้สังเกตุได้จาก ในรูป รักษาความปลอดภัย (บางองค์กร) บังหน้ามีข้าราชการเป็น
เจ้าของหรือจะอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาองค์กรพวกนี้ถ้าไม่มีข้าราชการเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว พวกนี้จะกล้าทำ
อะไรที่ผิดกฎหมาย จะหาพวกนี้ไม่ยาก

   ยังมีอีกพวกที่เรียกว่า " ระดับประเทศ " เป็นที่รู้จักกันดีว่า " มาเฟียยาเสพติด . ราชาเฮโรอิน .
ค้าเด็ก   ค้ากาม " พวกนี้จะอาศัยอิทธิพลทางเงินจ่ายให้กับข้าราชการที่มักได้เห็นแก่เงิน ไม่ว่าจะ
เป็นระดับไหนพวกนี้ยินดีที่จะจ่ายให้ทั้งนั้น ถ้าสามารถคุ้มครองได้

  ใช่ว่าพวกนี้จะไม่กลัวกฎหมาย แต่ที่มันทำก็เพราะผลประโยชน์ ใครที่เสียประโยชน์หรืออยากได้
ผลประโยชน์มักรับทั้งนั้น ขอให้มีเงินเท่านั้น

  ถ้าถูกพวกนี้มันรังแก ก็ต้องต้อสู้กับมันให้ถึงที่สุด  ควรปรึกษาผู้รู้กฎหมายดีที่สุด

อิทธิพล

   ผู้มีอิทธิพลมีอยู่แทบทุกวงการ    วงการใดที่มีผลประโยชน์เรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ย่อมต้องมีผู้
ที่เห็นแก่ผลประโยชน์นั้น โดยแสดงความมีอำนาจความยิ่งใหญ่ (นักเลง) ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิง
การเมือง   ธุรกิจ   การค้า   รับเหมา   การเงิน   ราชการ

  ผู้มีอิทธิพลพวกนี้ ถ้าจะต้องการอะไรก็จะใช้ทุกวิถีทางที่จะให้ได้มา โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร
   ๑ . ธุรกิจ หรือประมูลงานราชการ
   ๒ . นำเข้า - ส่งออก
   ๓ . ตำแหน่ง หน้าที่การงาน
   ๔ . เมียน้อย ( ร่วมเพศกับเด็กๆ )

  กลุ่มผู้มีอิทธิพลพวกนี้ พวกนี้จะมี ๒ ระดับ
     ๑ . ทั่วไป พวกนี้มักจะไม่มีอิทธิพลอะไรมากนัก อาศัยแต่เกราะติดกับผู้มีอิทธิพลระดับชาติ
หรือมีพวกพร้องที่เป็นข้าราชการ นักการเมือง เข้าไปหาผลประโยชน์หรือแบ่งผลประโยชน์กัน
พวกนี้มักจะเป็นข่าวให้เห็นตามข่าวทั่วๆไป เช่น

  - ฮั่วประมูล (  )
  - ยักยอกเงินธนาคาร (  )
  - รับเหมาก่อสร้าง (  )
  - เด็กสาวอายุ ๑๒ - ๑๕ ( เอาไว้บริการในการประสานผู้หรับผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ หรือร่วมเพศเอง
    ส่วนตัว )
  - ผูกขาดสัมประทาน

กลุ่มพวกนี้ที่มักจะเป็นข่าวให้เห็นเพราะว่า อาจจะเป็นพวกขี้เหนียวใช้เงินไม่เป็น ไม่มีที่ปรึกษา
ที่ดีแต่หยิ่งคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ไม่รักษาคำพูด เห็นแก่ตัว เรียกง่ายๆว่า " ปลาตายน้ำตื้น "

    ๒ . ระดับชาติ พวกนี้จะมีทั้งอำนาจทางการเมืองและอำนาจทางการเงิน จะมีพวกระดับทั่วไปเป็น
ลูกน้องหรือผู้รักษาผลประโยชน์ให้แทน พวกนี้มักจะไม่เป็นข่าวมากนักเพราะกฎหมายะสาวไปไม่
ถึงตัวทั้งที่รู้ว่าเป็นใคร เช่น ??    เหตุที่กฎหมายสาวไม่ถึงตัวตัวบงการใหญ่เพราะ พวกนี้จะใช้
เงินให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจ หรือตัวเอง จะเป็นคนที่รักษาคำพูด ซื้อใจคนด้วยเงินแบ่งผลประ
โยชน์ ให้ทุกคนพอใจ ไม่ใช้กำลังโดยไม่จำเป็น จะใช้เมื่อเป็นทางเลือกสุดท้าย   โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งจะมีที่ปรึกษากฎหมายในแทบทุกเรื่อง

   แต่ที่พวกระดับชาติน่ากลัวที่สุดคือ พวกนักฆ่ามืออาชีพ   เพราะเมื่อตัวเองและพวกพร้องได้ผล
ประโยชน์ก็ย่อมมีผู้ที่เสียผลประโยชน์  พวกนี้จะรู้ดีว่านักฆ่ามืออาชีพจะไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใคร
อยู่ที่ไหน เพราะตัวเองคงเคยใช้บริการฆ่า อุ้ม มาแล้วจึงทำให้รู้ว่าพวกนี้น่ากลัวมากกว่าพวกที่
เปิดเผยตัว     พวกโกงระดับชาตินี้จึงมีคนคุ้มกันมากเวลาไปไหนมาไหน

  คำเตือน พยานหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไม่มีมิตรสัมพันธ์ใดๆ  แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรหันหน้า
เข้าสู้กับพวกมันแบบ" เกลือจิ้มเกลือ ". หรือ " ฟันต่อฟัน " คือ เอามาเฟียถล่มมาเฟียหรือ
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ใช้พวกมันให้เป็นประโยชน์อย่างอื่นๆ

จะทำอะไรขอให้ปรึกษาผู้รู้กฎหมายหรือทนายความปลอดภัยที่สุด

“คริน-สาครินทร์ สุธรรมสมัย” รับบท “ธง” ในภาพยนตร์เรื่อง “อันธพาล”

แนะนำอันธพาลหน้าใหม่
“สาครินทร์ สุธรรมสมัย ครับ ชื่อเล่น คริน รับบทเป็น ธง ในเรื่อง อันธพาล ครับ”
ติดประกาศหาอันธพาลหน้าใหม่ ปุ๊ป! ก็มาสมัครเข้าร่วมแก๊งด้วยเลยใช่ไหม
“ต้องบอกว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยไปแคสติ้งอะไรพวกนี้เลยนะ ไม่เคยแคสติ้งงาน แต่พอมารู้ถึงโครงการนี้ น่าสนใจดีก็ลองมาสมัคร เข้ามาแคสติ้งตามกระบวนการ แล้วก็ได้ (หัวเราะ) ดีครับ เพราะตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ ตอนนั้นเขาดูจากคาแร็คเตอร์ส่วนตัว และเลือกบทมาให้ว่าจะเล่นเป็นใคร ซึ่งผมได้บท ธง ต้องแสดงซีนอารมณ์ โมโห กดดัน ร้องไห้ ผมก็พยามแสดงตามบทนั้นเลยครับ”
และก่อนหน้านี้มีผลงานอะไรมาบ้าง
“ถ้าด้านการแสดงไม่มีครับ ไม่มีเลย แต่จะเป็นการทำเพลงซะมากกว่าครับ”

นักแสดงหน้าใหม่ได้มีโอกาสเรียนการแสดงกับ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล รู้สึกอย่างไรบ้าง
“ผมรู้จักหม่อมน้อย จากภาพยนตร์ในหลายๆเรื่อง ตอนไปเรียนจะเป็นวิธีการเรียนอีกแบบที่เขาจะสอน การเข้าสู่จิตใตเข้าสู่ความรู้สึกข้างใน ซึ่งมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผม ได้อะไรจากหม่อมน้อยเยอะมากจากการเข้าใจตัวเราเอง และสามารถนำมาใช้ในการแสดงได้เยอะจริงๆ ตอนเรียน เรียนทั้ง 3 คนเลยมี บิ๊ก แล้วก็น้องตรี เราไปเรียนพร้อมกัน 3 คน ได้ทำความรู้จักกันด้วย ไปปูพื้นฐานทุกอย่างในทิศทางเดียวกันอย่างที่หม่อมน้อยเขาต้องการ สำหรับระยะเวลาในการเรียนจะประมาณ 3 เดือน ช่วงแรกยอมรับว่าเหนื่อยบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่ใหม่และแปลกสำหรับเรา ในเรื่องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ Energy ต่างๆ ซึ่งพอเราปรับตัวได้ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยครับ”
การเตรียมตัว และ ความพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต เป็นอย่างไรบ้าง
“ทีมงานส่งบทมา ผมก็ซ้อมบท ซ้อมกับตัวเอง ซ้อมกับหม่อมน้อย ซ้อมกับครูเบลที่โรงเรียนการแสดง แล้วก็ครูเงาะ และก็เตรียมตัวเท่าที่เราเตรียมตัวได้ เรายังไม่รู้ว่าเราจะไปเจออะไรบ้าง อย่างผมเรียนหนังมาแต่เราเรียนในฐานะที่เราเป็นคนทำ แต่นี่มันเป็นอีกด้านนึงเรายังไม่รู้ว่าเราจะไปเจออะไร เตรียมตัวเท่าที่เราจะเตรียมได้ในเรื่องร่างกาย จิตใจ ความพร้อม การพักผ่อน ดูแลตัวเองทุกอย่าง เต็มที่ เท่าที่เราทำได้ตอนนั้นเพราะเราอยากให้มันออกมาดีที่สุด”

คาแร็คเตอร์ของ “ธง” ในเรื่องอันธพาล เป็นอย่างไร
“บทบาทของ ธง เป็นคนสุดโต่ง ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก จะซ้ายจะขวาเต็มที่ แล้วก็มีความแรงมากๆ ก้าวร้าว มีความเป็นนักเลง มีความเป็นนักเลงเต็มตัว รู้เรื่องเกี่ยวกับการโกง สิ่งอบายมุข ทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการได้รู้หมดทุกอย่างเลย เป็นคนที่หัวรุนแรงกับการใช้กำลัง แล้วก็เป็นคนชอบระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ เหมือนหมาไฮยีน่าที่พร้อมจะล่าเหยื่ออยู่เสมอ แต่ลึกๆแล้วธงเป็นคนที่โดดเดี่ยว แล้วก็เปราะบางมากจริงๆ สิ่งที่สร้างขึ้นมาในบทของ ธง จะเป็นการพัฒนาตั้งแต่เริ่มจนจบ มันก็แฝงไปด้วยอ่อนแอ แต่ต้องเอาสิ่งพวกนี้มา กลบทับ นั่นคือตัวละครของ ธง ครับ ในเรื่อง ธง จะโตมากับ เปี๊ยก (รับบทโดย บิ๊ก กฤษฎา) เปี๊ยกจะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ ธง เพราะว่า เปี๊ยกจะค่อนข้างเป็นศิลปิน แต่ต้องมาจำใจที่จะมาเป็นนักเลงเพราะว่าชีวิตไม่ได้มีทางเลือกขนาดนั้น โดนบีบโดย ธง และสภาพสังคมต่างๆ นานา ให้ไปในทิศทางนี้ แต่ว่าใจจริงๆแล้วไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนอย่างนั้น แล้วก็มาอยู่คู่กันด้วยเส้นทางที่ว่า รักกัน เพื่อนกัน มีกันอยู่ 2 คน แล้วก็เดินไปด้วยกัน แต่เราทั้ง 2 คนก็เริ่มจากการไปเป็นนักเลงตัวเล็กๆของพี่จ๊อด (รับบทโดย น้อย กฤษดา) กับพี่แดง(รับบทโดย เต๋า สมชาย) สุดท้ายแล้วความเป็นตัวตนของ ธง ความเป็นตัวตนของ เปี๊ยก มันก็ต้องแยกกันครับ”
เรื่องราวของเรื่อง “อันธพาล” เป็นอย่างไร
“ก็นึกไปถึงสมัยอันธพาลครองเมืองนะครับ เป็นยุคที่อันธพาลเฟื่องฟู ยุคเอลวิส ยุคของเรอนาซอง ยาเสพติด เซ็กส์ รัก ร็อคแอนด์โรล ทุกอย่างครบหมดเลย มันเป็นช่วงที่เข้าไปคาบเกี่ยวกับตัวจ๊อด, แดง, ปุ๊ ต่างๆนานา เป็นยุคทองในสมัยนักเลงในสมัยนั้น 4 -5 คนที่เรารู้จัก ที่เราเคยผ่านตาจากภาพยนตร์ในสมัยก่อน แล้วตัวผมเอง ธง กับเปี๊ยก เหมือนเป็นอีกเจนเนอเรชั่นนึงที่ลงมา แล้วก็เห็นเขาเป็นไอดอล แล้วอยากก้าวขึ้นไปสู่แบบนั้นบ้าง เป็นช่วงที่ตัวพี่จ๊อด พี่แดง วัยที่โตแล้ว มองเห็นถึงการเป็นอันธพาล จากที่เคยเดินไปเอามีดเสียบเขา เจอใครไม่พอใจยิงโป้ง แต่พอเวลาผ่านไป กล่อมเขาขัดเกลา แล้วเขาตกผลึก กลับมีมุมความคิดว่าจริงๆแล้วไม่ใช่ความเป็นผู้ชาย มันไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ว่าพอถึงรุ่นของธงกับเปี๊ยกก็อยากจะเป็นอย่างนั้น อยากเดินไปไหนแล้วมีแต่คนไหว้ อำนาจแหละครับ เรื่องของบารมี ความเท่ เป็นเรื่องความฝันของวัยเด็ก ซึ่ง 2 เจนเนอเรชั่นนี้ จะมีความคิดสู้กันอยู่ ขัดแย้งกันอยู่ แล้วมันก็จะเป็นเรื่องของการหักหลัง ความผูกพันของเพื่อน ฆ่าฟันแย้งชิง การเป็นนักเลง คำว่าผู้ชายอะไรต่างๆนานา สุดท้ายแล้วมันก็คือ อันธพาล นักเลง จบด้วย ควันปืน และกลิ่นเลือด”

ตัวตนของ “ธง” กับ “คริน” มีความเหมือน หรือแตกต่างกันบ้างไหม
“ไม่เหมือน และไม่ต่างกันซะทีเดียว อย่างธงเขาจะกระโตกกระตาก เขาจะค่อนข้างปล่อยพลังไปตลอดเวลา โกรธก็ระเบิดออกมาเลย มีความสุขก็หัวเราะ หัวเราะเสียงดัง ทุกอย่างเขาจะระเบิดออกมาเลย เขาจะไม่เก็บ ซึ่งมันเป็นพาร์ทนึงในตัวผมนะ ส่วนตัวผมจริงๆจะเป็นคนนิ่งๆ ผมขี้อาย(หัวเราะ) ผมเป็นคนขี้อายมากๆ อาจจะดูขรึมๆนิ่งๆแต่จริงๆแล้วอายครับ แต่บางจังหวะที่มาแสดงหนัง หรือขึ้นเวทีคอนเสิร์ต มันเหมือนความอายตรงนี้หายไป ตรงนี้ผมว่าเหมือนธงที่เราสามารถระเบิดพลังงานอะไรออกมาได้เต็มไปหมดเลยโดย ไม่รู้ตัวครับ”
อันธพาลเป็นภาพยนตร์ที่ย้อนไปยุคปี 2500 ต้องมีการปรับลุค ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไรบ้าง
“(มือจับผม)นี่ละครับเป็นมารุโกะ (หัวเราะ) เขาแซวกันว่าเป็นทรงมารุโกะ ผมไม่ได้เกิดยุคนั้น จึงไม่ค่อยรู้เรื่องของแฟชั่นยุคนั้น อย่างทรงผม เสื้อผ้า จะเป็นยุคพีเรียด ก็ไปศึกษาครับยุคนั้น เราก็พยายามหาข้อมูล พยายามปรับตัวเข้าไป แม้แต่การพูดจา การแต่งตัว กางเกงขาบาน เสื้อผ้ายุคนั้น พับปก เสยผมตั้ง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาคิดว่ามันเท่ สำหรับเรานะ แต่เราก็พยายามไปทำความเข้าใจ”

การได้ร่วมงานกับนักแสดงมืออาชีพทั้ง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” และ “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลลป์” เป็นอย่างไรบ้าง
“สำหรับพี่เต๋าเขาเป็นมืออาชีพมากๆ มากๆเลยนะครับ อยู่ในวงการมานานแล้ว เล่นหนังมาเยอะ หนังที่เขาเล่นย้อนกลับไปสมัยนู้นหลายเรื่องมากๆ พี่เขาก็ช่วยแนะนำนะ อย่างในฉากตอนที่ต้องไว้ผมยาวในเรื่อง แล้วเส้นผมมันก็จะทิ่มตา จึงต้องใช้นิ้วคอยปัดผมบ่อยๆ พอคัทปุ๊ป พี่เต๋าก็เดินมาสะกิดบอกว่า ปล่อยมันไปเลย เข้าใจว่ามันทิ่มตาแต่มันจะเป็นธรรมชาติ เขาจะมีเทคนิคต่างๆที่เขามานั่งคุยอยู่ตลอดเวลา พี่เต๋าเป็นคนน่ารักมากเป็นคนชอบพูด ผมก็ชอบไปนั่งฟัง พูดไปคำนึงขอสักประเด็นนึงแกก็จะพูดมาล่ะ ผมก็เออเหมือนเราได้ศึกษาชิวิตเขาไปในตัว พี่เขาแนะนำเรื่องงาน ชีวิตเขาอะไรหลายๆอย่างได้มุมมองจากเขารู้สึกดีที่เขาเรียกเราว่าน้อง ไม่ได้ง่ายกับการที่จะมาได้เจอกับนักแสดงระดับนี้ ส่วนพี่น้อย ผมชื่นชอบในฐานะศิลปินวงพรูอยู่แล้ว ตั้งแต่ผมเรียนมหาวิทยาลัยละ ชอบในความ Unique (เป็นเอกลักษณ์) ของเขามาก เขาเป็นคนที่เรียกว่าอะไร One and Only ไม่เหมือนใครมากๆ ตอนที่ได้รู้ว่าร่วมกันมันเหมือนกับ ว๊าว!อ่ะ(หัวเราะ) ว๊าว!พี่น้อย โอเค แล้วก็มาคุยกับแกก็คุยเลยว่าพี่ ผมชอบพี่มากตั้งแต่ในบทบาทศิลปิน อาร์ตติส การเป็นโซโลอาร์ตติส รวมถึงการแสดงด้วยบอกแกแบบนี้ ผมดีใจมากพี่ที่มีโอกาสร่วมงานกัน บอกแบบนี้โต้งๆเลย(หัวเราะ) พี่เขาก็งงๆนะตอนแรก เวลาพี่น้อยแสดง เวลาพูดทั้งนอกจอในจอ เขาเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ คาแร็คเตอร์ที่พี่น้อยสร้างให้กับจ๊อด เป็นอะไรที่มันยูนีค เขาจะมีการตีความของเขา และเราก็อยากไปได้ถึงระดับนั้นบ้างในเรื่องของการแสดง หรือแม้แต่การเป็นศิลปินของเขาก็ตาม”

แสดงหนังเรื่องแรกก็ต้องเล่นแอ็คชั่น พี่เต๋าแนะนำหรือสอนอะไรครินบ้าง
“พี่เต๋าจะสอนเรื่องรวมๆมากกว่า จะแนะนำในเรื่องของการแสดงมากกว่า รวมถึงเรื่องที่ว่าวงการนี้คืออะไร และเล่าให้ฟังวงการนี้มันคืออะไร อยู่ยังไง แอดติจูดเป็นยังไง เราก็ฟังแกเล่าชีวิตของแก ถามทุกคนได้เลยเวลาไปนั่งคุยกับพี่เต๋า พี่เต๋าจะเล่าแล้วทุกคนจะฟัง ผมฟังแล้วสนุก แกพูดเป็นชั่วโมงๆเลย เออสนุกเนอะ แต่ชีวิตแกเยอะ เรื่องการทำงานทั้งชีวิตของแกเลย สนุกคุยกันสนุกมาก เรื่องลูกแก แม้แต่เก้าอี้ผ้าใบที่ แกนอนอยู่ ผมก็เอ้ย!เก้าอี้สบายดีนะ แกบอกมาหมดเลยร้านไหน ซื้อเท่าไหร่ ต้องซื้อนะมันมีประโยชน์อย่างไง แล้วผมไปถอยมาครับ(หัวเราะ) พี่เต๋าน่ารัก น่ารักกว่าที่ผมคิดไว้อ่ะผมพูดแบบนี้ดีกว่า นึกว่าจะขรึมๆนิ่งๆมาดแบบว่าพี่เต๋าหน่อย แต่ว่าพี่เต๋าน่ารัก นิสัยน่ารักมากครับ”
ฉากแอ็คชั่นประทับใจ และอยากให้ติดตามชมจนห้ามกระพริบตา
“ฉากแอ็คชั่น ผมชอบฉากที่บุกมายิงในงานเลี้ยง โลเกชั่นจ.กาญนบุรี ส่วนตัวแล้วผมชอบความมันส์เหมือนเป็นหนัง Gangsters ในสมัยก่อนที่มันมีประชาชนอยู่ตรงกลางและมีแก๊ง 2 แก๊งมาบวกกัน เราเห็นในภาพยนตร์ไม่ว่าจะของจีน ของอเมริกา เขาจะเป็นอย่างนี้มันเป็นฉากที่ผมรู้สึกว่ามัน Epic (มหากาพย์) ในความรู้สึก ผมว่ามันเจ๋งดี เราได้เป็นพาร์ทนึงในนั้น เราได้ยิงปืนสวนกันไปมา ซึ่งฉากแอ็คชั่นอันนั้นมันอลังการมัน Epicในความรู้สึกผม ก็อยากให้ติดตามครับกับฉากแอ็คชั่นนี้ ทุกคนมีอาวุธ มันเป็นอาวุธโบราณที่สวยมาก กระบอกมันสวยมากจริงๆนะครับ การยิงกัน การไล่ล่ากัน มันสนุกมาก มันส์มาก เสียงปืนอะไรต่างๆการปะทะเข้าหากัน ห้ามพลาดเลย”

นอกจากพี่น้อย พี่เต๋า ยังมีหลากหลายนักแสดงคุณภาพและมืออาชีพในเรื่องนี้ ร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง
“การได้ร่วมงานกับอาจารย์สืบ (บุญส่ง นาคภู่)ผมเรียกเขาว่าอาจารย์สืบ ก็ถามเขาในเรื่องที่ผมอยากรู้และในเรื่องที่ผมไม่รู้ ซึ่งเขาก็จะมีเทคนิคของเขาเราก็จะได้ความรู้ เขาก็ชมมาในบางฉากที่เขาบอก เอ้ย!เล่นดีนะฉากนี้ เราก็รู้สึกว่ามันเป็นกำลังใจที่ดี ได้นักแสดงอาวุโสมากๆเลยอย่างอาจารย์สืบ แล้วเขาก็สอนแนะนำเรา ก็ขอขอบคุณอาจารย์สืบไว้ตรงนี้ด้วย ได้ความรู้มาก หรืออย่าง พี่แฟรงค์(แฟรงค์ ภคชนก์) เป็นคนพิเศษครับ(หัวเราะ) คุยกับพี่โขมเขาก็บอกว่าพี่แฟรงค์เล่นเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คน ปกติ(หัวเราะ) ซึ่งผมก็เออจริง จริงว่ะพี่ แกเป็นคนที่มีคาแร็คเตอร์พิเศษ เป็นคนที่มี Energy สูงมาก จริงๆแล้วแกเป็นคนที่เจ๋ง เจ๋งมาก ตัวจริงแกก็เจ๋ง และก็ไม่ธรรมดา ซึ่งการได้นั่งดูแกเล่น หรือแอ็คติ้ง เรายังรู้สึกถึงการได้รับพลังงานบางอย่างจากแกด้วย โดยไม่รู้ตัวครับ อย่างไปนั่งหน้ามอนิเตอร์เราเห็น เราก็ซึมมาล่ะเรารู้สึกอิน ซึ่งผมว่าในนักแสดงไม่ได้ง่ายที่จะมี Energy เยอะขนาดนั้น”
การได้มีโอกาสร่วมงานครั้งแรกกับผู้กำกับที่ชื่อ โขม ก้องเกียรติเป็นอย่างไรบ้าง
 ”เออ…แกตบหัวแล้วลูบหลัง(หัวเราะ) แกตบก่อน ตบผั๊วะเลย แล้วแกก็ลูบหลัง จะเป็นลักษณะนั้น พี่โขมเป็นคนทำหนังละเอียด และก็เป็นโปรเฟสชั่นนิสคนนึงในการทำหนัง เคยคุยกับพี่โขมซึ่งผมชอบมาก…ผมถามว่า พี่ทำไมมันไม่ได้สักที ทำไมพี่ไม่ปล่อยผ่านสักที พี่โขมบอกว่ามันไม่มีที่ว่างให้กับคำว่าไม่ได้ในการทำหนัง เพราะฉะนั้นเป็นสาเหตุนึงที่หนังพี่โขมออกมาดี หนังจะออกมาสมบูรณ์แบบในตัวของมัน ในแบบที่พี่โขมต้องการ และพี่ โขมจะมีการสอน และแนะนำในสไตล์ของพี่โขมเอง เขาจะมีสไตล์ก้องเกียรติ โขมศิริ ของเขาอยู่(หัวเราะ) พูดออกอากาศไม่ได้ครับ มันค่อนข้างต้องมีเซนเซอร์สักนิดนึง ในสไตล์พี่โขมค่อนข้างจะตรงเลย เวลาสอนไรจะตรงใส่ผั๊วะเข้ามา เราก็จะไปคิดได้เอง นั่นล่ะครับ ผมก็จะคอยถามพี่โขมตลอด หรืออะไรไม่โอเคพี่โขมจะบอก โอเค ไม่โอเคต้องทำให้ได้ ซึ่งมันเป็นการท้าทายอย่างนึงในกองถ่าย เออพี่ เอาดิ พี่บอกมาได้เลย ผมจะทำให้ได้”

ในเรื่องต้องรับบทเพื่อนสนิทคู่กับ “บิ๊ก กฤษฎา” ร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
“เล่าย้อนไปตอนแคสติ้งเลยแล้วกันนะ ในตอนนั้นเดินเข้าไปออดิชั่นก็เจอมันนี่แหละ และมันถูกชะตาบางอย่าง เหมือนเคมีคอลบางอย่างมันตรงกัน เราเลยคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งบิ๊กเป็นคนเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว คุยกับใครก็เฮฮา ผมจะเป็นคนนิ่งๆ อยู่นอกจอเราก็เฮฮา อยู่ในกองก็เฮฮา ไปไหนไปด้วยกัน จนเขาแซวเป็นสามี ภรรยา(หัวเราะ)ในกอง อย่างผมซื้อขนมมาก็มายื่นให้กินไหม พี่แฟรงค์เขาก็แซวเลย สามีดูแลภรรยาดีๆนะ (หัวเราะ) ในเรื่องบางทีเล่นๆกันอยู่มันต้องเป็นเพื่อนรักกัน แต่บางช็อตเล่นไปเล่นมามันจะดูเป็นเพื่อนกูรักมึงว่ะ(หัวเราะ) พี่โขมก็ตะโกนมาแล้ว คัทททททท!!!…ไม่ได้ สวยไป สวยไปทั้งคู่เลย(หัวเราะ) เป็นอย่างงั้นไป”
มีอะไรจะเม้าท์ถึงน้องชายสุดสนิท “บิ๊ก กฤษฎา” บ้างไหม
“เยอะไอ้บิ๊กนี่เยอะ เยอะแยะ ไม่เม้าท์ดีกว่าเดี๋ยวมันร้องไห้(หัวเราะ) มันเป็นคนสนุก เป็นคนดี นิสัยดี น่ารัก เน๊อะ(หัวเราะ) นั่นแหละๆดีเป็นคนดี(กัดฟันพูด)”

“อันธพาล” ในความหมายของครินเป็นอย่างไร
“ผมว่า นักเลงจริงกว่าอันธพาลในความรู้สึกผมนะ นักเลงคือคนจริง ใจนักเลง ที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆใจนักเลงมากเลย แต่อันธพาลมันจะอีกแบบ เป็นพวกก่อกวนมากว่าแต่อยู่ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งผมว่ามันนิดเดียวเหมือนกัน 2 คำนี้พลิกกัน ก็กลับกันได้ในความรู้สึกผม”
ถ้าหากต้องก้าวสู่วงการ อันธพาล จะเลือกเป็นอันธพาลแบบไหน เพราะอะไร
“เลือกเป็นอันธพาลใช่ไหมครับ เหนื่อยครับ(หัวเราะ) อย่าเป็นเลย อย่าเป็นเล้ยย…อันธพาล(หัวเราะ) ทั้งปืน ทั้งอบายมุข ครบทุกอย่างเลย แต่สมมุติต้องเลือกนะ จะเป็นในทิศทางที่มีความเป็นสุภาพบุรุษด้วย เป็นอันธพาลที่มีความเป็นสุภาพบุรุษครับ”

เสน่ห์ของภาพยนตร์ “อันธพาล”
“ผมว่าลายเซ็นต์พี่โขม และก็ด้วย Mood รวมๆบางอย่างที่ผมรู้สึกว่า มันเป็นหนังอีกรูปแบบนึงนะครับ โดยฝีมือคนไทย ที่มีคาแร็คเตอร์ มีลายเซ็นต์ของผู้กำกับอย่างชัดเจน เสน่ห์ของมันคือตัวละครที่มีความสัมพันธ์กันทั้งหมด และแต่ละคนจะมีรูปแบบของแต่ละคนที่ชัดเจนเมื่อมารวมตัวกัน แล้วก็เดินไปในทิศทางเดียวกัน เกิดความสัมพันธ์กัน เกิดความขัดแย้งกัน มันเป็นโลกอีกใบนึง ที่ผมว่าถ้าใครได้เข้ามาชม เข้ามาดู คุณจะได้หลุดไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ที่ผมว่ามันเป็นยุคของอันธพาลครับ”
สิ่งที่คนดูจะได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
“สิ่งที่คนดูจะได้คือ หนึ่งความสนุก แล้วก็มุมมองอีกรูปแบบนึงของการตีความคำว่า อันธพาล ของผู้กำกับ ทีมนักแสดง และทีมงานทั้งหมด ทุกคนร่วมตีความรูปแบบที่ ผมเชื่อว่า ภาพยนตร์ไทยยังไม่มีการตีความที่ใกล้เคียงแบบนี้นะ ใกล้เคียงความเป็นอันธพาล ทุกคนจะได้รับมุมมองอีกแบบนึง มันคงไม่ใช่การยืนชักปืนเท่ๆอย่างแน่นอน มันคืออันธพาลครับ มันคือลูกปืน มันคือเลือด มันคือความตาย มันคือ เซ็กส์ รัก ร็อคแอนด์โรล อย่างแท้จริงครับ”
ฝากผลงาน
“ภาพยนตร์เรื่องอันธพาล กำกับโดย พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ ชักชวนทุกคนเข้ามาชมครับ มาดูรูปแบบ อันธพาล อีกแบบนึงที่เรียกได้ว่าคุณจะต้องหลงรักและหลงใหลมันอย่างแน่นอนครับ”

ประวัติ “คริน”
ชื่อ-สกุล   สาครินทร์ สุธรรมสมัย
ชื่อ-สกุล(อังกฤษ)
  Sakarin Suthamsamai
ชื่อเล่น
  คริน
วันเดือนปีเกิด
  29 เมษายน 2527
อายุ
   27 ปี
ส่วนสูง
   189 ซม.
การศึกษา
  ปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ความสามารถพิเศษ
  แต่งเพลง
สีโปรด
   ดำ
กีฬาที่ชอบ
  บาสเก็ตบอล
งานอดิเรก
   ถ่ายรูป วาดรูป เขียนหนังสือ
เครื่องประดับ
  นาฬิกา
สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
  สุนัขพันธุ์ปั๊ก ชื่อ ปั๊ก
นักร้องที่ชื่นชอบ
   Thom Yorke วง Radiohead / พี่น้อย วงพรู
หนังที่ชอบ
   Lock Stock and two Smoking Barrels
ผลงานที่ผ่านมา
   นักร้องนำ วง Artfloor พิธีกรรายการ GOGO Guide
ผลงานล่าสุด
   ภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล รับบท “ธง”