Tuesday, April 30, 2013

๑๒ กาสิโน-โลกีย์

๑๒ กาสิโน-โลกีย์
  

  วันเสาร์อันเป็นวันที่เราทั้ง ๕ นามนัดหมายกับผู้ใหญ่เต๊กเข้าพบท่ารองฯ คม นายตำรวจนอกราชการ
รับกิจผิดกฏหมายมาทำหาเงินยังชีพถึงกำหนดแล้ว ทุกคนจึงตื่นเช้าเป็นกรณีพิเศษ ( ๐๘.๓๐ ) เพื่อทำความเข้าใจ
กันในบางเรื่องก่อนเจรจาความกับผู้อาวุโส พร้อมกินอาหารว่างกาแฟกับปาท่องโก๋รองท้องไปด้วย

   พักใหญ่ ผลจากการพาทีกัน ต่างเห็นพ้องให้เก๊าตี๋กับแดงทำหน้าเจรจาความในงานนี้ ส่วนพล ตรอกทวาร,เริง สวนมะลิ
กับผม ถึงมีสิทธิร่วมในการเจรจาก็คงแอะอันใดไม่ได้เด็ดขาด เพราะหน้าที่ที่เรา ๓ คนต้องทำคือ ประมวลเรื่องราวระหว่าง
เจรจาความไว้ให้แม่น จะได้นำมาตีความถึงคุณกับโทษ กันมิให้พลาดไปอยู่ในอุ้งเล็บเหล่ามังกร หรือแม้แต่เสีย " ค่าโง่ "
ในเกมที่ต้องปะ

   สายแล้ว....เสร็จกิจเรื่องงาน ต่างแยกย้ายกันทำความสะอาดโฉมและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ผมเองเช้านี้ตื่นก่อนใคร
จึงถือโอกาสทำกิจดังกล่าวเรียบร้อยไปแล้ว เลยจ่อมกันอยู่บนเก้าอี้ อัดบุหรี่ทบทวนมติที่พล เริง และผม ยอมให้ ๒ ดาว
ดังต่างบางทำหน้าฑูต ( โจร ) ด้วยความเต็มใจเพราะอะไร ทั้งที่ทราบแก่ใจว่าการยอมรับเช่นนั้นมันยาวไปถึงการยอมรับ
ให้ดาวดังไบเล่ย์กับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าเป็นหัวหน้าทีมโดยปริยาย

   ครับ-มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เรดาร์ในความรู้สึก หรือจะเรียกสัญชาตญาณนักเลงมองเห็นกันเองว่า ใคร ผู้ใด ควรเหมาะกับ
" งาน " ประเภทไหนนั่นเอง แต่ที่เห็นโดยรูปธรรม ขอชมว่าทั้งคู่พลิกลิ้น ความคิด ความรู้สึกเร็ว สามารถปรับเปลี่ยนบุคคลิก
ภาพตนเข้าถึงบทราวนักแสดงอาชีพได้ทุกบทไม่เลือกนักบุญหรือซาตาน

   ที่กล่าวมา จะเข้าข่ายจิตวิทยาประเภท " ไซโคพาร์ติกเพอร์ซันนอลลิตี้ " หรือมาก " ไซโคแพต " หรือเปล่าไม่ทราบ หากด้าน
จิตวิทยาแล้วท่านนับเป็นบุคคลิกภาพของอันธพาล มีความก้าวร้าวทางจิตใจรุนแรง สามารถแสดงพฤติกรรมภายนอก
พรางสายตาผู้อื่นในสังคมหรือคนใกล้ชิดให้เห็นเป็นปกติ ซ้ำยังสุภาพนอบน้อม มีวาทศิลป์ พูดโน้มน้าวใจผู้อื่นให้เกิด
ศรัทธา มีเมตตา และศิลธรรม เคารพกติกาสังคมส่วนรวม

   ทว่า ยามใดที่เขาถูกขัดใจขัดขวางธาตุแท้ที่ปกปิดด้วยพฤติกรรมภายนอก จะเผยให้ประจักษ์พฤติกรรมตรงกันข้าม
อันสามารถให้บุคคลนั้นเฉือนเนื้อมนุษย์เป็นชิ้นๆ อย่างไม่อาทรหลักประหารหรือบาปเวร

   นี่กระมังที่ผมเชื่อถือ

   ๑๐ น. เศษ ตะวันสาดแสงจ้า โตโยต้าเก๋งที่ไม่คุ้นตาพวกเราจอดพรวดตรงหน้าประตูบ้าน เรา ๕ คนซึ่งสถิตอยู่ภายใน
ห้องอเนกประสงค์มองจากทางหน้าต่างไปยังเก๋งคันนั้นแน่วนิ่ง พอประตูด้านโซเฟอร์เปิด กลับเป็นคนหนุ่มหน้าเสี้ยม
ผมหยิกหยักศก ผิวสีน้ำตาลเข้ม วัยรุ่นพี่ ลงจากรถเดินไปที่ประตู

  " ผู้ใหญ่เต๊กคงส่งคนมารับแทน " เริงคาดการณ์พร้อมกับลุกเดินไปต้อนรับ

   ไม่นานนัก หนุ่นหน้าเสี้ยมก็ถูกดาวดังสวนมะลิเชื้อเชิญเข้ามาพบพวกเราด้วยอัธยาศัยอันดี และเมื่อนั่งเรียบร้อย
เริงปูทางนำเรื่องสั้นๆ

  " ผู้ใหญ่แกส่งคุณแอ๊ดมารับพวกเรา "

  " แล้วตัวผู้ใหญ่ล่ะ " เก๊าตี๋ซัก

  แอ๊ด ชื่อตามที่เขาแนะนำตัวบอกด้วยสำเนียงใต้พอได้ยิน " ผู้ใหญ่กำลังคอยพวกคุณอยู่พร้อมกับรองฯ คม ที่ห้องอาหาร
หาดทรายทอง แกให้ผมมารับแทนครับ "

   ๔ ชีวิตนั่งงันที่พบปัญหาดังที่เริงคาดหมาย พลซึ่งเป็นฝ่ายพูดน้อย ผางทันที

  " แปลกว่ะ แทนที่จะมารับเราไปคุย แกกลับคุยเสียเอง แล้วให้คนมารับเรา "

   วาจาเพื่อนบอกให้รู้ถึงความไม่พอใจชัดแจ้งนั่นเพราะทุกคนมีศักดิ์ศรี การนัดหมายตกลงเรื่องสำคัญอีกทั้งอาสาจะมารับ
และนำไปพบบุคคลที่ ๓ ที่จะร่วมงานนั้น ถือเป็นการให้เกียรติกันระดับต้น จู่ๆ ผู้ใหญ่เต๊กกลับพลิกลิ้นราวหัวหน้าพรรค
การเมืองบางพรรค ทุกคนจึงเลือดเดือด โดยเฉพาะพล ตรอกทวาย นักชนผู้นิยมสงวนลมปากถึงกับเบรกแตกหล่นคำ
นั่นต่อหน้าสาวกมังกรอย่างไม่เกรงใจ

   กระนั้น แดงยังบรรเทาเหตุได้นุ่มนวล

   " คุณแอ๊ดช่วยไปเรียนผู้ใหญ่เต๊กด้วยนะว่า เมื่อแกเป็นตัวแทนเจรจาเรื่องแทนพวกผมได้ก็ดีแล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้อง
เสียเวลาไป บอกแค่นี้นะครับ ขอบคุณครับ "

   ทั้งสรุปทั้งไล่เชิงส่งเขาอยู่ในวาจาเช่นนั้น แอ๊ดถึงกับคิ้วย่น ส่ายตามองหน้าเรา ๕ คน คล้ายไม่แน่ใจบางสิ่ง

    " พวกคุณไม่ไปใช่ไหมครับ " แอ๊ดย้ำ

   " ครับ " เก๊าตี๋รับคำแทน

   แอ๊ด หนุ่มรุ่นพี่จำใจลาจาก พอแขกคล้อยหลังกุมารจีนพึมพำบอกอารมณ์ร้อนฉ่า

   " แกทำหยั่งกะพวกเราเป็นไอ้เป๋อไอ้ป่อง "

  " ไม่ทันมืด แกต้องบึ่งมาหาพวกเรา " ผมทำนายเรื่องราวต่อพรรคพวกอย่างเชื่อมัน 

  " มาหาเพื่อพาไปพบรองฯ คม ด้วยตัวเองนั่นหรือ "

   " แบเบอร์ "

   " มีเหตุผลไหม เปี๊ยก " พล ตรอกทวายให้ความสนใจ

   ผมเหลือบมองเพื่อนทั่วหน้า พบทุกดวงตาสื่อความหมายต้องการคำแจกแจงจึงแถลงทำนอง เราทั้ง ๕ นั้นใช่ไร้ชื่อ
อย่างน้อยสื่อมวลชนก็ได้กระพือบทบาทเป็นการปูฐานให้แล้วกับ " ดีกรี " ของแต่ละคน ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ " นายทุน "
จะมาหาตามที่ผมคาด อันเป็นการตามรอยเล่าปี่ที่พบ " ค่า " ของคนเกินคุ้มจากขงเบ้ง

   หลังคำแจงหมดเปลือก กุมารจีน ม้าเก็งเอ๋ากังขา

   " ถ้าผู้ใหญ่เต๊กไม่มาหาพวกเราล่ะ "

  " แสดงว่าแกพบ มือ ที่เหนือกว่าพวกเรา "

  ผมปิดสำนวนแค่นั้น พลางลุกไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็น " แม่สายบัว " ยังห้องของตน ซึ่งส่งผลให้ทั่วหน้า
สลายตัวเช่นกัน

   เวลาล่วงไป อาหารเช้าฝีมือ ๒ แม่ครัวสาวเงาะกับอ้อย ยกขึ้นโต๊ะอาหารเอาเมื่อตะวันตรงหัวเผง พอเข้าร่วมโต๊ะ
ครบทีม ๗ ชีวิตชายหญิง สัญญาณแตรรถกังวานจากประตูบ้านดังชัดเจน

   ๔ สหายจ้องตามาที่ผมเป็นตาเดียว ผมบอกให้อ้อยออกไปดู ครู่เดียวเธอหน้าตื่นเข้ามาบอก

  " ผู้ใหญ่เต๊กกับใครอ้อยไม่รู้จัก เขาขับรถเก๋ง ๒ คันค่ะ "

  เอาล่ะหวา..เรา ๕ นามราวนัดกันลุกจากเก้าอี้ ออกไปต้อนรับผู้อาวุโสถึงหน้าบ้าน พร้อมเปิดประตูใหญ่ให้ ๒ ผู้มาเยือน
เคลื่อนรถเข้าไปในบ้านทั้ง ๒ คัน โดยไม่มีผู้ใดติดตาม

   ไม่นานนัก ๒ ผู้อาวุโสซึ่งผมเข้าใจว่าอีกท่านหนึ่งคือรองฯ คม นายตำรวจนอกราชการและพวกเราก็พร้อมสนทนา
กันถายในห้องอเนกประสงค์

   " พวกเราขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ให้เกรียติมาเยี่ยมครับ " แดงกล่าวขึ้นก่อน

   ผู้ใหญ่เต๊กยิ้มกว้าง หันไปทางชายไทยร่างสันทัด วัย ๕๐ ปีเศษ ผิวพรรณดีขับเก๋งวอลโวรุ่นเก่า

   " ผมขอแนะนำน้องๆ ให้รู้จักท่านรองฯ คม ครับ "

   " สวัสดีครับท่าน " แดงทำหน้าที่นอบน้อม " ผมชื่อแดง และนั่นเก๊าตี๋ ฯลฯ ครับ "

   เจ้าของร่างสันทัดยิ้มกริ่มกับพวกเรา และชวนคุยถึงธุรกิจย่านอู่ตะเภาฟูเฟื่อง แล้ววกเข้าหาเรื่องของท่านอย่างมีจังหวะ

   " พูดถึงธุรกิจที่เฟืองฟูขณะนี้ ส่วนมากแล้วเฟื่องฟูได้เพราะมี " เกม " กับ " ผู้หญิง " เป็นเครื่องล่อใจฝรั่งกับพ่อค้านักธุรกิจ
ไทยให้มาใช้เงิน ผมก็เลยมาคิดถึงอพาร์ตเมนต์ซึ่งทางโรงเรียนเอกชนเช่าทำ แต่กิจการทรุดและเลิกทำไปแล้ว อาคาร
ทั้งหลังจึงว่างลง พอดีผู้ใหญ่เต๊กมาขอเช่าทำอพาร์ตเมนต์ให้ฝรั่งเช่า แล้วจะแบ่งเป็นค็อกเท็ลเลานจ์ก็เกิดบันดาลใจ
อยากให้มีบริการผู้หญิงกับกาสิโนเล็กเฉพาะแขกภายใน โดยจะเป็นหุ้นส่วนด้วย และจะช่วยจัดการด้านกฏหมาย
ให้กิจการตั้งอยู่ได้ ซึ่งไม่ถึงสัปดาห์ผู้ใหญ่ได้มาเสนอว่า มีตัวคนที่จะทำกิจการนั่นแล้ว คือพวกคุณ จึงเห็นดีด้วย
และขอให้พามาพูดคุยกันในรายละเอียด ทีนี้พวกคุณจะว่าอย่างไรล่ะ "

   " พวกเราพร้อมทำงานอยู่แล้วครับ " เก๊าตี๋ตอบแทน

   มังกรเมืองใต้เสริม " เก๊าตี๋จะพอบอกได้ไหมว่าระยะแรกเราต้องทำอะไรบ้าง "

  " ดูสถานที่ ตามตัวพรรคพวกที่เคยทำบ่อนกับเฮียเก๊ากับนักพนันที่จะเล่นต่อเกมรอเจ้ามือจร ขณะบ่อนดำเนินอยู่ให้ครบทีม
ส่วนผู้หญิงแดงกับเปี๊ยกรับจัดการ ด้านสถานที่เริงกับพลจะควบคุมให้เป็นไปตามที่เราต้องการครับ "

   วาจาเพื่อนมีผลให้มังกรเมืองใต้ถอนหายใจจนได้ยิน ผมฉวัดตาไปยังท่านรองฯ นอกราชการ ได้สบตากันอย่างบังเอิญ
ท่านยิ้มให้และหันไปกล่าวกับผู้ใหญ่เต๊กตรงๆ

   " เงินค่าดัดแปลงต่อเติมอาคารซึ่งเป็นของผมนี่ ขอให้ผู้ใหญ่ทำบัญชีรายจ่ายไว้ แล้วค่อยทยอยหักเปอร์เซ็นต์ส่วนของ
ผมไปนะ "

    " ครับ " ผู้อาวุโสเมืองใต้รับคำ

  การสนทนายุติลงด้วยคำชักชวนของรองฯ คมให้ไปชมอาคารที่จะเปิดกาสิโนเพื่อดำเนินการในเวลาต่อมา

   ที่สุด อาคาร ๔ ชั้น บนเนื้อที่ ๕ ไร่เศษของนายตำรวจนอกราชการยศระดับพันโท ได้ถูกแนะนำจากพวกเราให้มีการ
ดัดแปลงตกแต่งสถานที่แต่ละชั้นตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะชั้น ๔ ที่ตั้งกาสิโนกับชั้นล่างที่จะเปิดค็อกเทลเลานจ์
ซึ่งต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดประหยัด ๖ ตัวกับค่าตกแต่งและอุปกรณ์แล้ว ทราบว่าตัวเลขเฉียดสองแสน
เงินสยามก็รู้สึกหวู่หวิวต่อการลงทุนของผู้ใหญ่เต๊กไม่น้อย เพราะเรื่องยังไม่จบ ยังต้องจ่ายเงินค่าคนที่เราอาสาไปดึงมาร่วม
งานทั้งชายหญิงอีกเหยียบแสน แต่ผู้อาวุโสกลับไม่สะทกเรื่องเงิน จึงตกลงกันได้ก่อนสิ้นแสงสูรย์

   กรุงเทพฯ วันต่อมา บ่ายจัด แดง ไบเล่ย์กับผมลงรถ บ.ข.ส. สายระยอง-กรุงเทพฯ ที่สถานีขนส่งเอกมัยแล้ว ก็จับ
แท็กซี่มุ่งยังเป้าหมายแรกเพื่ออาศัยบารมี ๓ ยอดยุทธ์รุ่นใหญ่ย่านประตูน้ำกว้านหาสาวกสาวกลางคืนไปทำงาน

   พอละจากแท็กซี่เข้าสำนักประตูน้ำของชาวยุทธ์กลับผวาเยือก เมื่อเฮียเต่งประตูน้ำ ๑ ใน ๓ เจ้าสำนักบอกว่า
เฮียยอดกับเฮียกาญจน์ถูกหัวหน้าคณะปฏิวัติเก็บเข้า " ลาดยาว " ไปเมื่อเร็วๆ นี้ จึงเขียนหนังสือให้ไปติดต่อกับแดง
เอราวัณและสิงห์ ซาวอย เจ้าถิ่นย่านเกษร ราชประสงค์ ซึ่งตอนนี้คุมเด็กขายกัญชาอยู่ที่ " ไทยโยนก " ข้างโรงแรม
เอราวัณก็คารวะและลาจากด้วยความขอบคุณ

    ออกจากสำนักประตูน้ำใช้บริการแท็กซี่เป็นพาหนะไปราชประสงค์ครู่เดียว แดงสั่งให้โซเฟอร์เลี้ยวรถเข้าไปส่ง
ยังซอกตึกถนนเกษรเพื่อเคลียร์พื้นที่เพราะเข้าเขต สน. ปทุมวัน กับ สน. ลุมพินีของสารวัตรเสน่ห์ ผู้ไม่ค่อยชอบ
ขี้หน้าเรานัก เคลียร์ย่านเกษรถ้วนทั่วพักหนึ่งค่อยข้ามไป " ไทยโยนก " อดีตแหล่งสถิตเดิมอีกแห่ง และพอหลุด
ประตูกระจกเข้าไปอาบไอเย็นเครื่องปรับอากาศ

   เสียงทักทายจากเหล่าวัยคะนองที่นั่งอยู่ตามโต๊ะเก้าอี้โดยรอบเกรียวกราวให้หนาวทรวงอกเกรงอยู่ได้ไม่นาน
ทันใดร่างหนึ่งหุ่นเพรียวใบหน้าสี่เหลี่ยมผมหยิกสั้น จมูกโต ผิวสีน้ำตาล มีรอยสักหมึกดำตรงลูกกระเดือก
อักษรภาษาอังกฤษคล้ายตัว d เดินยิ้มฟันเหลืองเข้ามาทักทายสนิทสนม

   " หวัดดีเพื่อน "

  " หวัดดี " แดงออกปากเบา ๆ พลางถาม " แดง เอฯ อยู่หรือเปล่าเพื่อน "

  " นาย ๒ คนมาหามัน " สิงห์ ซาวอยใคร่รู้

  " มาหาทั้งนายทั้งแดงด้วย มีเรื่องสำคัญ "

  " หยั่งงั้นตามเรามา "

   จบคำ ดาราดังซาวอยหันกลับนำเดินไปทะลุด้านหลังแหล่งเริงรมย์ออกไปขึ้นบันไดหนีไฟยังอาคารใกล้ ๆ กันเหมือนปกติ
จนสุดขั้นบันไดยังชั้นที่ ๖ จึงไขกุญแจล็อกผลักประตูเปิด และปิดเมื่อเราเข้าไปภายในอาคารเรียบร้อย

   สิงห์เดินไปยังประตูห้องขวามือจัดการไขกุญแจล็อกภายใน เปิดประตูจนกว้างบอกระคนยิ้มภาคภูมิกลางดวงไฟ
ม่วงซึมเซาในห้อง

   " วิมานชาวบุปผาชนของเรา...แดงโวํย แขกมาเยี่ยมวะ "

  คำบอกของสิงห์ประโยคท้ายดลให้ร่างหนึ่งเปลือยท่อนบนกำลังนอนขลุกอยู่ท้ายห้องสลัดผ้าห่มนวมพันกาย ซึ่งเป็น
จังหวะเดียวกับที่สิงห์เปิดไฟนีออนสว่างจ้า นัยน์ตาจึงพร่าไปอึดใจ

   " โอ้โฮเพื่อน เพิ่งจะเห็นหน้าวันนี้เอง " แดง เอราวัณลุกขึ้นทักทาย " เชิญ นั่งก่อน ขอโทษด้วยที่ห้องเราไม่มีโต๊ะเก้าอี้
แต่โชคดีที่มีแอร์ "

   ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า สภาพภายในห้องไม่อบอ้าวแต่คล้ายมีหมอกควันจางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วห้อง จึงกวาดตามองขณะ
ทรุดลงนั่งบนเสื่อน้ำมัน พบแต่แผ่นภาพโปสเตอร์โป๊เปลือยติดผนังห้องไว้ทั่ว มิหนำซ้ำตามหัวตะปูที่ตอกติดกับผนังตึก
ยังแขวนเสื้อกระโปรงชุดนักเรียนไม่ต่ำกว่า ๕-๖ ชุด

    ถึงตรงนี้ ผมจับตานิ่งอยู่ท้ายห้องพบเจ้าของชุดเรียน ๓-๔ นางนอนใช้ผ้าห่มนวมคลุมร่างหันหลังให้แสงไฟ ทำเอาเผลอ
เป่าลมออกจากปาก สิงห์ขอตัวไปหาเครื่องดื่ม แดง เอราวัณขยับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่แล้วลุกขึ้นฉีดสเปรย์
ปรับอากาศไปทั่วห้อง ดาวดังไบเล่ย์มองไปยังที่นอนที่เด็กนักเรียนนอนอยู่

    ครู่หนึ่งกลิ่นสเปรย์หอมรวยรินกระทบจมูก แดง เอฯ ปิดไฟนีออนลดความสว่างแล้วนำตะเกียงโป๊ะขนาดเล็กมาตั้ง
เบื้องหน้า พร้อมจุดมันขึ้นใช้แสงแทนนีออน  

จากนั้นเพื่อนได้จ่ายหมอนให้นั่งกอดคนละใบก่อนจะลุกไปหยิบอุปกรณ์
เสพกัญชามาตั้งให้มอง

   " เราขอเลี้ยงต้อนรับเพื่อนด้วยของเบาๆ " เจ้าภาพกล่าว

   " เรามาเรื่องสำคัญว่ะ คงสนุกด้วยไม่ได้เต็มที่ " ผมออกตัวแต่ไม่ถึงกับปฏิเสธไมตรี

  " ไม่เป็นไร เล่นแค่ให้โปร่งใจก็ได้ไม่ว่ากัน...เราขอประเดิมก่อนนะ "

   ดาวเอราวัณบอกพลางบรรจงคลี่กระดาษห่อเนื้อกัญชาสำเร็จรูปที่ยำจนเกือบป่นออกหยิบใส่กรวย ต่อมาเขาหยิบเชื้อหรือ
กล่องกระดาษยาสีฟันที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แหย่เข้ากับไฟตะเกียง " พอเชื้อติดไฟ เขาดึงออก มองหน้า ๒ คน วิบหนึ่งจึงใช้เชื้อไฟไล่รน
" เนื้อ " บนกรวย ส่วนปากที่ผลุบเข้าไปในรูบ้องไม่ไผ่ดึงลมเข้าปอดช้าๆ เคลียร์เนื้อบนกรวยจนสุกแดงดีทั่วค่อยดึงลมหายใจ
ยาวจนแรงลมทำให้น้ำในบ้องเต้นดุจน้ำเดือด

   สิ้นเสียงน้ำในบ้องไม่ไผ่ แดงถอนปากออกพ่นควันสีเทาออกจากจมูกและปากเป็นทางยาว

   บัดดล ๒ ใน ๔ สาวที่เห็นนอนขดอยู่ท้ายห้องขยับเข้าร่วมวงโดยไม่ต้องออกปาก แดงกับผมดึง " เนื้อ " คนละทีพอกระชุ่มกระชวย
ก็ส่งให้ ๒ สาวรับไป แล้วไม่นาน สิงห์ ซาวอย ได้หอบน้ำขวดพร้อมขนมหวานมาบริการเต็มเหนี่ยว เราจึงถือโอกาสกินไปคุยไป พวกที่
สูบเนื้อก็สูบไปอย่างเสรี

    " ผู้หญิง ๒๕ คน เต้นรำเป็น พูดภาษาอังกฤษพอได้ และสมัครใจให้หิ้วได้ หาภายในคืนเดียวคงลำบากว่ะ ถ้าสัก ๒ คืน เราอาจทำได้
แต่ค่าใช้จ่ายกับค่ารถกินอ้วก " สิงห์เปิดไต๋นัยน์ตาหรี่ปรือ

    แดง ไบเล่ย์ บอกยิ้ม ๆ " เราช่วยเพื่อนในด้านค่าน้ำมันกับค่าฝีมือ ๕,๐๐๐ บาท หากส่งตัวเด็กภายใจ ๒ วันได้ "

   " เราขอ ๗,๐๐๐ บาทได้ไหม " แดง เอราวัณต่อรอง

   " ได้ ถ้าส่งเด็กทั้งหมดถึงที่ "

   " โอเค "

   พอแดง เอฯ รับคำ ๑ ใน ๒ สาวเมายาทำหน้าแหงนทะลุกลางปล้องระคนหัวเราะระริกระรี้

   " เงินดีน่าดู เที่ยวกะฝรั่ง "

   น้ำคำสาววัยฝันพ้อดั่งปูให้เห็นอนาคตอันชัดเจนของเธอเอง  

๑๑ แผนมังกร

๑๑ แผนมังกร
 
  งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่งดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น  

    งานฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ ซึ่งถูกมือปืนลอบยิงที่มาบตาพุดขณะขับรถปิกอัพของผู้ใหญ่เต๊ก
เข้าตัวจังหวัดระยองที่วัดซากลูกหญ้า อันไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ เย็นวันนี้มีแต่ แดง, เก๊าตี๋, พล, เริง กับผมเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนศพ รวมทั้งการสวดพระอภิธรรม ๓ คืนที่ผ่านมาด้วย เรื่องอดนอนจึงไม่ต้องพูดถึง

   บัดนี้ ใกล้เวลาประชุมเพลิงแล้ว ยังหาแขกเข้าวัดเนื่องในงานศพของเชียร รถถังไม่พบสักคน ศาลาที่ตั้งศพ
มีสัปเหร่อวัย ๔๐-๕๐ ปี ๓-๔ นายนั่งรอแขกร่วมกับเรา ๕ คน อย่างอ้างว้างจนไม่กล้าพูดคุยกัน ซ้ำยังแยกย้าย
กันไปหามุมสงบนั่งยืนอยู่รอบๆ บริเวณศาลาโดยสมัครใจ

   ตะวันรอนแสงลง ฟ้าฟ้ามีกลุ่มเมฆสีขาวกลุ่มใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ขุนเขาเมืองกวีเอกที่ทอดยาวทะมึนดำไม่ไกล
ตาคล้ายปราการยักษ์แยกชนชั้น วิหคนานาโผผินคืนคอน บ้างถลาไปเกาะที่กิ่งโพธิ์ใหญ่หน้าอุโบสถ บ้างไปเกาะ
บนกิ่งจามจุรีหน้ากุฏิของหลวงพ่อ มีบางกลุ่มทะยานผ่านวัดไป ครู่หนึ่งลมภูเขาเริ่มพัดฮือเป็นระยะระคนเสียงเครื่อง
ยนต์รถที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมที่เข้าไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อกลับออกมาและเข้าไปใหม่ตลอดทั้งวัน นับแต่ผม
อยู่เฝ้าศพชาวยุทธ์รุ่นใหญ่มาจนถึงขณะนี้

   ระหว่างเหม่อชมทัศนียภาพรอบตัวเสียงเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ดังแผกจากรถอื่นกระตุ้นให้หันไปทัศนา ก็พบรถ
บรรทุกสิบล้อกับรถบรรทุกหกล้อ ๓-๔ คัน บรรทุกผู้คนชายหญิงแต่งกายชุดขาว-ดำเต็มรถผ่านประตูวัดเข้ามา พลกับเริงยืนอยู่
ใกล้ผมที่สุด ปราดมาถาม

   " มางานใครกันแน่ "

   " ยังไม่รู้เหมือนกัน " ผมลังเล

   " แต่คงไม่ใช่มางานพี่เชียรหรอกทั้งชีวิตแกมีแม่คนเดียวแก่งั่กอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว " เรียงรายข้อมูล

   ต่อมา เรา ๓ เริ่มเคลื่อนไหวเมื่อแดงกับเก๊าตี๋ซึ่งอยู่ใกล้ศาลาที่ตั้งศพเดินไปหากลุ่มคนดังกล่าวไล่ๆ กับเก๋งบีเอ็มสีแดง
ตัดดำพุ่งผ่านประตูวัดเข้ามาให้ผมบรรเทาร้อนใจท่ามกลางความแปลกใจที่มีแขกเหรื่อมากันเพียบ และเมื่อปะหน้า
ผู้ใหญ่เต๊กขณะลงจากเก๋ง แกบอกเสียงขรึม

   " ผมจำเป็นต้องเชิญแขกของผมมา เพราะผมเป็นเจ้าภาพ น้อง ๆ คงเข้าใจ แต่ผมก็ได้เข้ากรุงเทพฯ เชิญคุณแม่ของหมู่เชียร
มาได้เพียงคนเดียว  แกนั่งอยู่เบาะหลังครับ "

  เรา ๕ คนมองตากัน พลขยับไปเปิดประตูเก๋งบีเอ็มด้านหลังออกกว้าง หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งเรือนกาย
ผ่ายผอม หนังเหี่ยวหุ้มกระดูกห่มไว้ด้วย เสื้อสีขาว นุ่งโจงกระเบนด้วยผ้าลายสีน้ำตาลเข้ม นั่งจ้องหน้าพวกเราอยู่

   " ยายจำผมได้ไหม  ผม เริง ยังไงครับ บ้านอยู่สวนมะลิ "

   ดาวดังแม้นศรีซึ่งคุ้นกับแกพอสมควรกล่าวแนะนำตัว นางยิ้มจนแก้มโบ๋พึมพำเสียงพร่าสั่น

   " เอ็งหรือ แล้วเขาเอาไอ้เชียรไว้ที่ไหนล่ะ "

   " อยู่ที่ศาลาครับ ยายจับแขนผมลงจากรถเถอะ "

   นางไหวร่างกายยากเย็นไปแตะมือเริงไว้ดั่งบอกให้คอยสักครู่ ปากที่ยังเคี้ยวหมากอยู่หยุดเคี้ยว มือหนึ่งล้วงไปที่ชายพก
ดึงเอาถุงพลาสติกขนาดเล็กออกมางกๆเงิ่นๆ เปิดปากถุงให้กว้างแล้วค่อยๆ ก้มลงคายชานหมากใส่ถุงห่อเก็บเข้าไว้ชายพก
เดิม จึงบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบหมากที่ติดอยู่ริมฝีปาก ต่อมานางเอื้อมมือไปจับแขนดาราดังสวนมะลิเป็นหลัก
พยุงร่างลงจากเก๋งบีเอ็ม

    ภาพดังกล่าวไม่ทราบว่าเพื่อนทุกนามสังเกตหรือไม่ และมองไกลแค่ไหน สำหรับผม ชีวิตยาย ชีวิตเชียร รถถัง เป็นเรื่อง
ที่ฟ้าลิขิตแน่แล้ว ผู้เฒ่าเช่นนางจึงพาสังขารสภาพนี้มาเผาลูกให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

   พิธีฌาปนกิจศพอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ เสร็จสิ้นเมื่อฟ้าหลัว ต่อมามารดาเชียร รถถัง ผู้เสียชีวิตได้รับความเอื้อเฟื้อ
จากผู้ใหญ่เต๊ก จัดรถนำส่งถึงบ้านพักที่กรุงเทพฯ พร้อมมอบเงินสดจำนวน ๕,๐๐๐ บาทให้ ซึ่งมีผลให้พวกเราสำนึก
ในความมีน้ำใจของแกอยู่ จากนั้นเราทั้ง ๕ คนถูกชักชวนให้ขึ้นรถเพื่อจะไปส่งยังที่พักให้ ทุกคนเห็นด้วย เพราะไหนๆ
แกก็อุ้มพวกเรามาแต่ต้นแล้วจึงไม่ชัดปรารถนาดีนั้น

    ราวครึ่งชั่วโมงกลางม่านราตรีที่นั่งอัดอยู่บนเก๋งบีเอ็มนับแต่พ้นธรณีสงฆ์ โดยไม่พูดจากัน ทว่าพอรถเข้าเขตบ้านฉาง
เจ้าของพาหนะกล่าวสุ้มเสียงนุ่ม

   " ผมจะขอนั่งคุยที่บ้านน้องๆ กินเบียร์สักขวดได้ไหมครับ "

   " หลายโหลก็ได้ครับ ถ้าผู้ใหญ่ไม่รังเกียจบ้านเช่า " เก๊าตี๋ต่อไพ่ทางลมปาก 

  " ขอบใจครับ "

   พักเดียว พาหนะคันโก้ของเราเคลื่อนไปจอดยังหน้าประตูบ้าน ผมผู้นั่งอยู่ติดประตูรถผลักประตูเปิดลงไปจัดการ
เปิดประตูใหญ่ให้มังกรเมืองใต้ขับเคลื่อนเก๋งคันงามเข้าบ้าน

   ต่อมา วงสุราอาหารได้ตั้งขึ้นภายในห้องรับแขกโดย ๒ สาวงามอ้อยกับเงาะที่อาสาทำงานบ้านใช้หนี้เงินรับหน้าที่เดิน
เข้า-ออกระหว่างบ้านกับร้านค้าปากซอย จัดซื้อเบียร์กับอาหารเพิ่มเติมยังกะจะเอาไปเลี้ยงหมาตามซอยด้วย กระนั้นพวก
เราไม่มีสิทธิแอะเมื่อเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ที่อยากให้พวกเราประทับใจกับความกว้างเยี่ยงชาวยุทธ์ของแก
ซึ่งผมก็ยอมรับว่าการกระทำที่ผ่านมาของมังกรเมืองใต้ชนะใจพวกเราได้เกินกว่า ๕๐%

    พักใหญ่ พอแอลกอฮอล์แทรกซึมโดยเฉลี่ยคนละ ๒ ขวดเบียร์ เรื่องราวที่พูดคุยโดยไม่มีสาระชักวนเข้ามามีสาระ
เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวจากกุมารจีนมาเก็งเอ๋า

    " พวกเราทุกคนรู้สึกเป็นหนี้บุณคุณผู้ใหญ่มากที่ช่วยรักษาชื่อคนตาย และรักษาหน้าพวกเราไว้ในครั้งนี้ครับ
แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราข้องใจ "

   " เรื่องที่เราพูดกันที่พัทยาใช่ไหม " รุ่นใหญ่ดักคอ

   " ครับ หากผู้ใหญ่อนุญาตให้พูดตรงๆ อย่างที่เราพูดกันมาแล้ว พวกผมก็อยากพูด "

   " พูดเลยน้อง เพราะอย่างไรเสียเราอาจต้องประสานงานกัน "

   เก๊าตี๋ปรายตามองเพื่อน ใบหน้าขาว เลือดฉีดจนแดงซ่านหล่นคำประโยคแรกชัดเจน

   " กิจการบ่อนกับผู้หญิงที่ผู้ใหญ่บอกให้พวกผมทำน่ะ ผู้ใหญ่มีหุ้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ ไ

   " ผมมี ๓๐% เท่าพวกคุณ เพราะเป็นฝ่ายลงเงินทุนระยะต้น ส่วนของท่านรองฯ คม ๔๐% ในฐานะเจ้าของสถานที่
และผู้เอื้อทางสะดวกด้านกฏหมายแก่เรา "

   " ขอโทษครับ.." เริงขัดขึ้น พลางเสริม " ก็เท่ากับว่ากิจการบ่อนกับผู้หญิงที่จะทำนี่ผู้ใหญ่ลงทุนผู้เดียว ๖๐% ส่วนพวก
ผมเป็นหุ้นลอย "

   " เปล่าเลยน้อง " รุ่นใหญ่ค้านระคนยิ้ม " น้องทุกคนไม่ใช่หุ้นลอย แต่หุ้นด้วยชีวิตซึ่งสามารถบันดาลให้บ่อนรุ่งหรือดับได้ "

   " ทำไมผู้ใหญ่จึงเชื่อใจพวกเราครับ " ดาวดังไบเล่ย์แย้มบ้าง

   " ผมเชื่อเพราะน้องๆ มีศักดิ์ศรีทุกคน อีกทั้งมีฝีมือ " วาจานั่นดั่งเจตนากล่าวเน้นคำ

   แดงออกตัว " ถึงอย่างไร พวกผมก็ยังต้องอาศัยผู้ใหญ่หาประสบการณ์ครับ "

  มังกรเมืองใต้ยิ้มรับ และยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม พลจุดบุหรี่สูบ แดงลุกไปใช้ห้องน้ำ เก๊าตี๋ซึ่งไม่นิยมเสพของมึนเมา ขณะนี้
แม้ใบหน้าแดงก่ำ กิริยากลับไม่ส่ออาการมึน ซ้ำยังจิบต่อได้เรื่อยๆ ส่วนเริงคืนนี้ผมสังเกตว่าเขาดื่มน้อยกว่าเพื่อน และ
เมื่อแดงกลับจากห้องน้ำนั่งประจำที่เพื่อนเปิดปากทันควัน

   " พวกผมจะพบท่านรองฯ เมื่อไหร่ครับ "

  " น้องตกลงใจรับงานที่ว่าแล้ว " รุ่นใหญ่ย้ำ

  " ครับ "

   สิ้นคำ แดง ไบเล่ย์ ผู้ใหญ่เต๊กกวาดตามองพวกเราเชิงขอความเห็น เราทั้ง ๔ พากันยิ้มแทนตอบรับในสิ่งที่เพื่อนลงมติ
ซึ่งเป็นผลให้แกกำหนดวันด้วยอาการปิติ

   " ตกลงวันเสาร์ เราเข้าพบท่านรองฯ ด้วยกัน "

   " ครับ " แดงรับคำ

   จากนั้น การพาทีของเราเปลี่ยนเป็นการซักถามเพื่อควานให้ลึกถึงธุรกิจนานาบนเส้นทางของแกว่ามีอันใดบ้างที่แกมี
ส่วนได้ส่วนเสีย ก็กระจ่างว่ามิใช่จะเป็นเจ้าของบาร์ " สโนวไวท์ " ในนิวแลนด์แห่งเดียว ยังถือหุ้นบาร์โชว์อีก ๒-๓ แห่ง
ส่วนคำถามเกี่ยวกับคิวรถสองแถวของแกที่กำลังฮึ่มฮึ่มจนเป็นผลให้หมู่เชียรสิ้นชื่อง่ายดายนั้น

   มังกรแดนใต้ตอบก่อนอำลาแสนสั้น

  " ผมเป็นคนจร เมื่อคิดปักหลักแล้วต้องแลก ขอให้น้องๆ ดูกันไป "

  งานเลี้ยงเลิก เราทั้งหมดขยับขยายแยกย้ายกันกลับเข้าห้องอาบน้ำ ๒ สาวแม่บ้าน เงาะกับอ้อยจัดการเก็บกวาด
ทำความสะอาดห้องรับแขกที่เละจนสะอาดตาเป็นระเยียบเรียบร้อยขึ้น ผมซึ่งละจากวงเมรัยเป็นคนสุดท้าย ตึงเบียร์
เข้าไปหน่อยถือโอกาสแซวแม่เงาะเปลือกขาวระหว่างลำเลียงขวดเบียร์ไปวางไว้มุมห้อง

   " ไม่รู้ว่าเมื่อคือนเพื่อนเริงได้กินเงาะหรือเปล่า "

  จบคำ เธออายม้วนไปเลย ส่วนผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่าที่เงาะทำกิริยาเช่นนั้นได้ แม้หลายวันที่ผ่านมาเธอยังนั่ง
ตากหน้าหาเงินอยู่ในคาเฟ่หน้าตาเฉย

    สองยามแล้ว ภายในห้องเชียร รถถัง เดิมซึ่งผมย้ายตัวเองมาจากห้องที่เคยอยู่ร่วมกับเก๊าตี๋ บัดนี้มืดสนิทแต่ผม
นอนหลับตาไม่ลง ทั้งสมองปั่นป่วนไปหมดจากฤทธิ์เบียร์ จึงลุกไปเปิดหน้าต่างผลายตีนเตียงออกรับลม กลับพบ
เงาตะคุ่ม ๒ ร่างในความมืดใต้ร่มเงามะม่วงที่กุมารจีนม้าเก็งเอ๋านั่งปั้นตัวเองเป็นจิตรกรกำลังกอดกันกลมดิก

   อกเอย..ค่อนราตรีนี้ดั่งเป็นใจให้กับ ๒ สาวหนุ่มบรรเลงลีลารักกันยิ่งนัก เพราะเหนือหัวของเริงกับเงาะเปลือกขาว
ขึ้นไปปรากฏ จันทร์เต็มดวงอร่ามแสงสีเหลืองนวลตา มีหมู่ดาราดาษทอแสงระยับ ส่วนเบื้องล่าง แม้เป็นหลังบ้าน แต่ก็
เป็นธรรมชาติเพราะทั้งคู่ตกอยู่กลางแสงจันทร์ ใต้เงาไม้ ซึ่งขณะนี้สายลมดึกโชยมาปะทะหน้าจนเย็นวูบวาบ
ระคนกลิ่นไอทะเล

   ครู่หนึ่ง ผมละจากหน้าต่างกลับไปนอนทบทวนอดีตที่ผ่านมากับวันนี้แล้ว รู้สึกอ้างว้างใจ ด้วยบทบาทของพวกเรา
ช่างปรับเปลี่ยนเร็วราวถูกลิขิตไว้ล่วงหน้า

   นอนคิดและพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงในความมืดโดยไม่ขยับลุกจากเตียงอยู่จนเสียงแผ่นเหล็กจากไทยยามประจำซอย
กังวาน ๓ ครั้ง ก็รู้สึกว่ายุงชักแห่กันเข้ากัดจนแสบเนื้อ จึงบุกไปปิดหน้าต่าง ส่วนสายตาไม่วายแฉลบมองโคนมะม่วง
วิมานรักเริง สวนมะลิ กับเงาะ สาวอดีตนางโลม พบแต่ความว่างเปล่า พลอยปลื้มแทนเพื่อนระคนอิจฉาไม่ได้

   ปิดหน้าต่างเสร็จ ประสาทหูผมแว่วเสียงคนเดินระคนเสียงพูดคุยเบากริบอยู่หน้าห้องกลางดึก ก็เกิดสงสัย แต่ไม่ได้
หวาดว่ามี คิดอยู่ในใจต้องเป็นเก๊าตี๋ กับ แดง เพราะอยู่ห้องชั้นบนติดกันและตรงข้ามกับห้องผม

   แปลก...๒ ดาวดังมีเรื่องคุยกันยามวิกาล

  คิดดังกล่าว เลยกลั้นใจยอมเสียมารยาทย่องไปที่ประตูโดยไม่ยอมเปิดไฟในห้อง แล้วแนบหูชิดประตูห้องสื่อข่าว

   " เก๊าตี๋ เราเป็นคนเที่ยวนะเพื่อน เฉพาะอย่างยิ่งกำลังจะทำธุรกิจค้าหญิง ซึ่งพวกเรายังต้องอยู่ใกล้ชิดเจอะเจอ
ผู้หญิงอีกเป็นร้อย หากนายคิดชอบใครแล้ว จะเอาให้ได้อย่างนี้ มันจะทำให้เสียการปกครองและเสียน้ำใจกัน
ในหมู่เพื่อนด้วย "

   ถ้อยคำนั้น แดงเป็นผู้กล่าวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชัดเจนอยู่แล้ว จึงรอฟังเก๊าตี๋โต้ให้กระจ่างเหตุ ซึ่งเขาก็โต้ขึ้น
สุ้มเสียงเบา บ่งหางเสียงไม่พอใจ

   " นายบอกเหตุผลตรงๆ ได้ไหมที่ " กัน " เราไม่ให้ไปนอนกับอีเงาะ "

   " เริงมันชอบอยู่ " แดงว่าน้ำเสียงนุ่มปกติ

  " ก็แค่ชอบกัน "

  " แต่เงาะก็ชอบเริง "

  เก๊าตี๋เงียบไปอึดใจ ค่อยหลุดเสียง " อีเงาะน่ะมันกะหรี่นะเพื่อน "

   " แล้วนายจะเลือกใคร " ดาวดังไบเล่ย์สรุป

  เงียบกริบ สักครู่ เสียงเดินเสียงเปิดปิดประตูห้องนอนของแต่ละคนดังขึ้น บอกให้รู้ว่าศึกชิงนางสงบแล้ว ส่วนผมกลับขึ้นเตียง
นอนตาค้าง หัวเราะไม่ออกกับเรื่องตลกเมื่อครู่ จวบฟ้าสางจึงนิทราสนิทท่ามกลางคำถามถึงความพร้อมที่จะรับ
อุดมการณ์ชาวยุทธ์ที่จะยึดเอา

   ฟ้าแทนมุ้ง

  โรงแรมแทนบ้าน

   ร้านอาหารแทนครัว

   และหญิงคนชั่วแทนเมีย...แล้วหรือ          

๑๐ มังกรเมืองใต้

๑๐ มังกรเมืองใต้
 

ที่สุด การพบปะกันครั้งแรกโดยตรงระหว่างพวกเรา ๖ คน อันมีเชียร รถถัง ,แดง,เก๊าตี๋,พล,เริงและผมกับชาวยุทธ์
แดนใต้ บนดาดฟ้าห้องอาหาร  " ระเริงชล " ท่าเรือเพเขตระยองเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. ตรงตามเวลานักที่หัวหมู่รถถัง
บอกไว้พอดี

   กระนั้น กลับล่าช้ากว่าชายศรีษะเถิก ติดหนวดเล็กเรียวผิวขาวแต่กร้าน สูง ๑๗๐ ซ.ม. หุ่นลงพุงเล็กน้อย เลื้อสาย
มังกรยี่ห้อเต๊ก นั่งคอยอยู่พร้อมบริวาร ๓ นายที่นั่งโต๊ะถัดไป จึงมีการคารวะตามอาวุโสก่อนนั่งร่วมโต๊ะท่ามกลาง
สายตา ๓ การ์ดคุ้มกันจ้องตามองเหมือนไม่ใช่คน

   ต่อไป พนักงานบริการเพิ่มเติมสุราอาหารชั้นดี ซึ่งมีแดง,เก๊าตี๋และผมปฏิเสธสุราจนเจ้าภาพฉงน

   " แปลกนะ...ใครจะเชื่อว่าแดงไบเล่ย์กับเก๊าตี๋ไม่กินเหล้า "

   วาจาผู้ใหญ่เต็กพาให้ทั้ง ๒ เพื่อนที่ถูกเอ่ยนามฉวัดตาไปทางหัวหมู่รถถังวิบเดียวก็เปลี่ยนเป็นปกติ

   จากนั้น การปรึกษางานร่วมหุ้นขยายคาเฟ่อีตัวเริ่มจากปากอดีตผู้ใหญ่บ้านคนดัง ให้พวกเราชี้แจงนโยบาย
การทำงาน การขยายสถานที่บริการและงบประมาณที่จะใช้การนี้ ซึ่งเก๊าตี๋อาสาเป็นตัวแทนพวกชี้แจงไปได้เหมาะ
มากทั้งยังสรุปบอกผู้ถือหุ้นไว้คมคาย

   " เมื่อการเพิ่มทุนคราวนี้ตกลงกันได้ ผมกับเพื่อนใคร่ขอความกรุณาให้พวกเราทำงานกันอย่างอิสระนะครับ
ไหนๆ ผู้ใหญ่ก็รู้จักชีวิตจิตใจพวกผมแล้ว "

   " รับรอง ผมไม่ยุ่งเด็ดขาด มีแต่จะสนับสนุนพวกน้อง เถอะน่า อยู่นานไปจะรู้ว่าผมเป็นคนประเภทไหน เอาล่ะ
เสร็จงานแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้กินเหล้ากินข้าวดีกว่าน้อง "

    ผู้ใหญ่เต๊กรับปากรับคำง่ายดาย พร้อมชวนเชิญพวกเราลิ้มสุราอาหารบนโต๊ะราวกับเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทที่แกจะถม
ให้พวกเราเป็นเงินกีบ

   หรือเป็นเพราะแกเห็นตัวเลยกำไรตามสายตานักลงทุน หรือแกเห็นว่าเรา ๖ คน อาจทำประโยชน์ได้เกินค่ากว่าเงินนั่น
ซึ่งเราต้องดูกันไป ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ดังนั้น การพาทีในวงสุราจึงเป็นไปด้วยอัธายาศัยอันดี

   ราวทุ่มครึ่ง พวกเราห่วงกิจการทางคาเฟ่ โดยเฉพาะพอกับเริงอันเป็นตัวหลักของงาน ขืนอิดออดปล่อยให้นั่งซัดของชอบ
จนสะใจจะพาลเสียงาน จึงขอตัวรุ่นใหญ่กลับสำนัก ก็ได้ยินคำพูดจากแกขัดหู

   " ผมมีดัทสันปิกอัพอยู่คันหนึ่ง ให้เด็กๆ ขับตามหลังมาจอดไว้โคนสนด้านทางออก พวกน้องเอาๆ ไว้ใช้ จนกว่าจะหารถ
ใหม่ได้ อย่าเกรงใจ ไหนๆ เราจะคบกันแล้ว "

   จบคำ แกยื่นกุญแจรถให้ เปิดยิ้มกว้างใต้หนวดเรียว ดาวดังไบเล่ย์รับกุญแจรถไว้คล้ายไม่ได้คิดพร้อมทั้งคารวะผู้อาวุโส
ตามธรรมเนียม จึงพากันละจากดาดฟ้าห้องอาหารไปหยุดยืนชมดัทสันปิกอัพสีเขียวใต้เงาสน

   ทุกสายตามองไปที่รถคันนั้นจริงแต่ไม่มีใครรู้ว่าใครคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น อึดใจ เราทั้งหกจึงก้าวไปใช้รถของ
บุคคลที่ผมมั่นใจว่า " มังกร " เป็นพาหนะอำลาบ้านเพเอาเฉียด ๒ ทุ่ม

   สัปดาห์ต่อมา หลังพบกับหุ้นส่วนคนดังเมืองใต้ และพวกเรากำลังหาช่วงเหมาะปิดกิจการชั่วคราว เพื่อปรับปรุงคาเฟ่
ที่มีแต่ตู้เพลงกับเครื่องดื่มพร้อมโต๊ะเก้าอี้ ให้คลาสสิกขึ้นนั้น เที่ยงวันนี้แดงกลับนำข่าวร้ายมาบอก ขณะที่ทุกคนกำลัง
กินอาหารมื้อแรกของวันตอนกลับจากธุระนอกบ้าน

   " พี่เชียรถูกยิงที่มาบตาพุด "

   " อ้าว..." กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าเผลอใจ

   " แล้วอาการเป็นยังไง " พลร้อนทรวง

   " ผู้ใหญ่เต๊กบอกว่าอาการสาหัส ถูกประกบยิงขณะขับรถเข้าระยอง จนรถแฉลบตกถนน " แดงว่า

    " แปลกว่ะ ผู้ใหญ่แกรู้ข่าวเร็วจัง " เริงข้องจิต

   " ก็รถนั่นมันติดสติ๊กเกอร์ตรงประตูรูปมังกรไม่ใช่หรือ นี่แหละสัญญลักษณ์มันจะมีติดอยู่ตรงประตูรถสองแถวทุกคัน
ที่ขึ้นกับแก "

    คำบอกเพื่อนที่ผ่านการสังเกตไปจากสายตาผมจำต้องจำนนและรับฟังเรื่องราวจากปากดาวดังไบเล่ย์ร่ายต่อ
" ขณะนี้พวกเราไม่ต้องโผล่ไปเยี่ยมพี่เชียรจะปลอดภัยที่สุด เพราะถ้าไประยะนี้ ศัตรูหมายหัวพวกเราได้ครบแน่
ทางที่ดีที่สุด รีบไปดูที่คาเฟ่ก่อน เด็กๆ รู้ข่าวพี่เชียรถูกยิงอาจพากันตกใจเสียขวัญได้ "

   ไม่มีใครคัดค้านความเห็นเพื่อน ต่างละอาหารมื้อกลางวันเปลี่ยนอาภรณ์ตรวจความพร้อมของ " นิ้ว " ที่หัวหมู๋เชียร
ผู้ป่วยด้วยใช้ปืนหามาให้แล้วลิ่วออกจากบ้านฉาง จับแท็กซี่ฝ่ากระไอร้อนอาทิตย์ยามเที่ยงสู่นิวแลนด์ทันควัน

    ครู่ใหญ่ ราว ๑๐ นาทีเรา ๕ คน นั่งแท็กซี่ผ่านไปบนถนนอันเป็นที่ตั้งไนต์คลับ บาร์ และคาเฟ่แน่นขนัดทั้งสองฝั่ง
ไปจนถึงหน้าคาเฟ่ ไม่ทันลงจากรถบรรดาสาวๆ ที่ยืนออกันอยู่ด้านหน้าประตู ๕-๖ นางกรูกันมาที่รถ สีหน้า แววตา
ส่อความสับสน โก๋ ๒ นายลูกน้องพล ตรอกทวาย แหวกกลุ่มสาวมายืนต่อหน้าเราขณะลงจากรถ ผมกวาดตามอง
รอบตัวเห็นพนักงานบาร์ใกล้เคียงจับตาดูอยู่

   พอชำระค่าบริการ แท็กซี่เคลื่อนรถ จาก ๑ ใน ๒ โก๋ แจงเหตุกลางแสงแดดจ้า

   " ตำรวจเขาสั่งปิดกิจการเราครับ ยังแขวนป้ายไว้ที่หน้าประตูด้วย "

   " เขาพูดอะไรบ้างหรือเปล่า " เก๊าตี๋ถามห้วน ๆ

  " เขาบอกว่า หากข้องใจให้ไปที่กองกำกับฯ ครับ "

  สิ้นคำโก๋ดูแลเด็ก กลางแสงแดดเปรี้ยงว่าร้อนผมกลับไม่ระคายผิว แดงตัดบทเลี่ยงแสงตะวันกล้าและสายตาคน
ดุจเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า

   " เข้าไปคุยข้างใน "

   เมื่อรูปการณ์ส่อชัดว่า เราไม่เอาจเปิดกิจการต่อไปได้ มันก็ต้องปิดเพื่อหยุด " ภัย " ที่เรายังไม่รู้ว่าจากน้ำมือใคร
และจุดประสงค์อะไรนั่นด้วย อย่างไรที่แน่ๆ ฝ่ายกฏหมายตกเป็นเครื่องมือกลุ่มอิทธิพลในจังหวะที่หมู่เชียรถูกลอบยิงนี้
ทำให้เรา ๕ คนมึนตื้อกับความคิด นั่งหน้าตึง ในอกกรุ่นไฟแค้นที่ถูกหักหาญจากศัตรูเร่า ๆ

   " เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้ว่าใครสั่งเก็บพี่เชียร " แดงลั่นมติใจ

   " เราด้วย " เก๊าตี๋เสนอตัว

   ด้านพล ตรอกทวาย กับเริง สวนมะลิ และผมในชีวิตไม่เคยพบเหลี่ยมเล่ห์กับชั้นเชิงทางอาชญากรรมที่มีการวางงานวางแผน
กันครบวงจรเช่นนี้ จึงไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียวต่อการที่จะปักหลักซดกับ " เซียน " ที่ลอบถล่มเรา

   ต่อมา เมื่อมีความเห็นสอดคล้องกัน ป้ายประกาศเลหลังอุปกรณ์ประดามีตลอดไปถึงโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ เตียง สารพัดในคาเฟ่
ได้ถูกยกขึ้นติดตั้งไว้หน้าคาเฟ่และมอบหมายให้ ๒ ดาราดังแม้นศรีดำเนินการรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายไว้ ส่วนเรา ๓ คน
ตกลงใจเข้าเยี่ยมเชียร รถถัง ในเย็นวันนี้ ดังนี้ เวลาช่วงบ่ายจึงช่วยกันเคลียร์เงินค่า " ประตู " ของเด็ก ๆ ตามสิทธิจนเงินสด
เกือบเกลี้ยงลิ้นชัก

    ครับ-เวลาเกือบ ๒ เดือน ด้วยเงินทุน ๗๐,๐๐๐ บาท ที่แลกด้วยชีวิตคน เราดำเนินกิจการมีกำไร ขณะนี้มี " อ้อย กับ เงาะ "
ที่เป็นคนและเพศหญิงวัยไล่ ๆ กับพวกเรา ซึ่งเริงซื้อต่อไปจากเสี่ยปิ่นคนดังท่าฉลอม ๒ นาง แต่ละนางเพิ่งทำประตูไถ่ตัวเอง
ได้ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ บาท ยังติดค้างอีกคนละเกือบหมื่นบาทจะทำประการใด

    กลางห้องกว้าง แต่เดิมใช้เป็นที่ตั้งโต๊ะรับแขกนั่งดื่มเครื่องดื่มเลือกเด็ก บัดนี้ มีคนกันเองนั่งกระจายล้อมพวกเรา
อยู่ ล้วนสงบคำ พัดลมตั้ง ๓-๔ ตัว ที่สาวๆ นำมาตั้งไล่ร้อนในตัวมนุษย์ชายหญิงเกือบ ๓๐ นายและนาง แม้บรรเทา
ร้อนธรรมชาติได้กลับคงไม่มากนัก ในบรรยากาศยามนี้

   ครู่เดียว การตัดสินใจที่จะหาทางออกของพวกเรา สาวหนึ่ง ผิวเหลือง วัยเบญจเพส ตัดผมหยิกหยอยไปทั้งตัว
แต้มสีริมฝีปากแดงแจ๊ดทะลุขึ้นกลางวง

   " ให้อ้อยกับเงาะอยู่ทำงานซักเสื้อผ้า หุงหาอาหารช่วยพวกพี่ที่บ้านสักครึ่งปีก็ได้นี่คะ พวกพี่เป็นชายโสดทุกคน "

   ข้อเสนอกินรีสาวดีมาก ไม่เสียเปรียบด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย อีกทั้งจะอำนวยประโยชน์แก่เราหลายด้าน เนื่องจากที่อยู่
กันมา บ้านช่องหาระเบียบไม่ได้ ถ้ามีผู้หญิงเป็นศรีบ้าน อาจลดการเพ่งเล็งจากฝ่ายกฏหมายโดยอ้อมด้วย จึงบอกกับ
เพื่อน

   " เราว่าเหมาะที่สุด อ้อยกับเงาะควรทำงานใช้หนี้ "

 งานนี้ ผมเป็นพระเอก เพราะไม่มีเสียงคัดค้านจากสหาย พอเรื่องภายในเรียบร้อย พลกับเริงทำบัญชีทรัพย์สินที่จะต้อง
เลมาให้ทุกคนดูกับตา เห็นตัวเลขที่ประเมินไว้ขั้นสูงว่า อาจเลได้ ๓๐,๐๐๐ บาท แล้วใจหาย วัสดุทุกชิ้นขายได้ในราคา
๔๐ %

    ต่อมา ทุกคนยิ้มให้กัน แรงแค้นโชติวาวกลางแก้วตาดาวดังทุกนาม ขณะนั่งให้สาวงามนับสิบนางสะพายหรือ
หิ้วกระเป๋าเดินทางทยอยกันล่ำลาไปตามทิศทางที่ตนกำหนด จนเหลือ ๒ สาวอ้อยกับเงาะที่นั่งอยู่ไม่ไกลตัวเอง
เก๊าตี๋ถามขึ้นลอย ๆ

    " อยากไปบ้างไหม "

   ๒ สาวผินหน้ามามองพวกเรา ยิ้มเต็มหน้า ก่อนส่ายหน้าไปมา

   " ทำไมล่ะ "

   " มันไม่ยุติธรรมค่ะ " เงาะตอบเสียงกังวานระคนยิ้มดุจเดิม

    ผมสะกิดใจถ้อยคำนั่นชะมัด อยากรู้นักว่าเธอเอาอะไรมาเป็นเครื่องวัดสรีระกับใจตน แต่ก็เป็นความคิดแวบเดียว
ที่โซนอยู่ก้นถ้ำของปัญญา

   ตะวันรอนแสงลง แดง เก๊าตี๋ และผมพร้อม ๒ แม่บ้านยืนรอแท็กซี่ที่จะผ่านอยู่หน้าคาเฟ่ได้พักเดียว เก๋งบีเอ็มดับบลิว
สีแดงตัดดำใหม่เอี่ยมเคลื่อนช้าๆ เข้ามาจอด กระจกติดฟิล์มกรองแสงหนาเตอะถูกหมุนลง

   " ผู้ใหญ่เต๊ก " ผมบอกตัวเองในทรวง

   จากนั้น มังกรเมืองใต้กวักมือเรียก เรา ๓ ขยับไปที่รถขณะประตูเก๋งด้านเปิดกว้าง พร้อมคำถาม

   " พวกน้องจะไปไหนกันนี่ "

   " เยี่ยมพี่เชียรครับ " เก๊าตี๋บอก

   " อ้าว..." มังกรเมืองใต้ร้อง ตีหน้าเหรอ " พวกน้องยังไม่รู้เรื่องหมู่เชียรหรือนี่ "

   " เรื่องอะไรครับ " แดงถาม

   " หมู่เชียรตายแล้ว ผมกำลังให้คนไปรับศพที่โรงพยาบาลไปไว้ที่วัด และจะทำพิธีทางศาสนาร่วมกับทางญาติๆ เขาเต็มที่เลย "

   น้ำคำอันไม่ต่างน้ำกรด ผมได้ยินชัดหูเพียงประโยคแรก นอกนั้นพร่าเลือน เพราะไม่อาจต้านความรู้สึกในสายเลือด
ที่เร้าแรงแค้น

   " เป็นอันว่าจบเรื่องพี่เชียร " แดงกัดฟันพูด

   " แต่เรื่องของเราไม่จบ " กุมารลำพอง ฉุนขาด

    ช่วงนี้ ผู้ใหญ่เต็กดับโทสะ ๒ ดาวดัง ด้วยการชวนให้ขึ้นรถ และอาสาส่งถึงที่ที่จะไป เวลานั้นไม่มีใครทันคิดอะไร
อยากไปให้พ้นจากคาเฟ่ จึงมอบกุญแจบ้านให้ ๒ สาวจับแท็กซี่กลับไปรอที่บ้านก่อน ส่วนเรา ๓ คนนั่งเก๋งบีเอ็มดับบลิว
ไปกับมังกรเมืองใต้โดยปราศจากจากจุดหมาย

    พัทยาราตรีคืนนี้ เรา ๓ คนท่องไปกับรุ่นใหญ่พักอารมณ์ร้ายด้วยสิ่งบันเทิงเริงรมย์ทุกรูป ผู้ใหญ่เต๊กกลับเป็นชาว
ยุทธ์ที่นิยม " ต้มกระเรียนเผาพิณ " กล่าวทำลายบรรยากาศขึ้นลอย ๆ

   " กระเรียน " เป็นนกที่หลวงจีนนักพรตนิยมเลี้ยงและเซียนผู้วิเศษใช้เป็นพาหนะ จึงถือเป็นสัตว์สูง ส่วน " พิณ " เป็น
เครื่องดนตรีที่ปราชญ์บัณฑิตบรรเลงผ่อนคลายอารมณ์ " ต้มกระเรียนเผาพิณ " ถือเป็นการกระทำที่อำมหิต
สำนวนแปลของเฮีย ( ว.ณ. เมืองลุงจากเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น )

   " ขณะนี้ในวงการนักเลงที่นี่เขารู้กันแล้วว่า พวกน้องเป็นใคร "

   " ผู้ใหญ่เป็นคนบอกหรือครับ " เก๊าตี๋สวนคำสุ้มเสียงไม่ค่อยดีนัก

    " ตัวหมู่เชียรเองน่ะแหละพูด ซึ่งเขาก็บอกจุดประสงค์ว่า จำเป็นต้องบอกเพราะพวกน้องหน้าตาอ่อน ๆ กันทั้งนั้น
แกไม่ต้องการให้ใครมาข่มขู่ระหว่างทำงาน "

    " ทีนี้พวกเราก็เป็นเป้ามันสบายไป " กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าไม่วายป่น

   " มังกรเมืองใต้หัวเราะร่า บอกเสียงดัง " ผมมีทางเหมาะที่น้องๆ ควรรับทำระดับงานก็ดีกว่าคาเฟ่ ซ้ำยังเป็นงาน
ที่ทุกคนเคยผ่านมาแล้วด้วย "

   " งานอะไร ไม่ใช่ฆ่าคนน่ะครับ " ผมลองเชิง

   " เปิดบาร์ค้าผู้หญิงกับเปิดบ่อนชั้นดีที่กิโลสิบ "

    " โอ้โฮ..." เก๊าตี๋คราง และเสริม " ผู้ใหญ่พูดยังกะว่าพวกผมมีเงินล้าน "

   " เปล่า พวกน้องไม่ได้ต้องลงทุนเลย คอยแต่คุมเกมให้เป็นไปตามกติกาเท่านั้น ซึ่งถ้าเกมดำเนินได้สวย จะมีรายได้
๓๐% จากกำไร ตอบแทนทุกเดือน "

   " ใครเป็นเจ้าของโดยตรงครับ "

   " ท่านรองฯ คม ขณะนี้สถานที่ยังปล่อยว่างอยู่ หากน้องตกลง ผมจะได้นัดหมายเวลาไปพบท่าน "

   " เราคงต้องปรึกษากันก่อนครับ " แดงขัดขึ้นเกรงเก๊าตี๋ตามใจตน

   " นานไหม "

   " ขอให้เผาหมู่เชียรเสร็จก่อนครับ "

   " คิดจะล้างแค้นให้หมู่เชียรหรือเปล่าล่ะ " มังกรใหญ่เล่นลูกติดพัน

   " อาจบอกวันเดียวกันครับ " แดงปิดสำนวนทันที

   คืนนั้น รอยตีนปลายหาดที่เราประคองเงือกสาวท่องฉิมพลีคงลบเลือนด้วยแรงคลื่นใหญ่น้อย แต่น้ำคำผู้ใหญ่เต๊กคืนนั้น
จนป่านนี้ผมยังจำมันได้ดี วาจาทุกประโยคของมังกรเมืองใต้ผมกรองมาคิดไม่รู้กี่ตลบ ก็พบสิ่งที่ควรจะถามแกบ้างว่า
กิจการดังกล่าว ทำไมแกไม่รับทำเสียเอง ทั้งที่มีความพร้อมกว่าพวกผมทุกประการ หรือเนื่องมาแต่

   คนมีชื่อเพราะกระบี่ กระบี่เกรียงไกรเพราะคน

๙ น้ำเงินเปื้อนบาป

๙ น้ำเงินเปื้อนบาป
  

สัตหีบ...ใกล้ ๒ ทุ่ม โตโยต้าเก๋งสีน้ำเงิน ขับเคลื่อนโดยอดีตโซเฟอร์รถถังปราดเข้าเทียบยังร้านอาหารริมทาง
ที่เลือกแล้วว่าเหมาะหาอาหารยังชีวิต พอพากันเข้าไปหย่อนก้นบนเก้าอี้สรรพ อาหารทะเลถูกนำเสิร์ฟ

    " ใครจะกินเหล้าหรือเบียร์สั่งเอาตามสบายน้อง "

   เชียร รถถัง หัวหน้าทีมชวนเชิญ ดาวดังไบเล่ย์ข้องจิตกับเรื่องราวที่เห็นจึงชะโงกไปถามรุ่นใหญ่ " พี่เชียรสั่งอาหาร
เขาไว้ล่วงหน้าหรือครับ "

   " ไม่ใช่พี่ ของสปอนเซอร์เค้าจัดการให้หลังจากเราสำรวจที่ทำงานเสร็จ "

  " หยั่งงั้น แสดงว่า " แผน " ที่วางไว้นี่ พี่เชียรไม่ได้รับมาจัดการเอง "

   คำซักถามที่ยังประโยชน์ของ แดง ไบเล่ย์ จุดประกายทางปัญญากับความทรงจำที่เคยอ่านหนังสือประเภทนักปล้น
มือปืน หรือเรื่องฆาตกรรมตลอดไปถึงขบวนการมาเฟียในยุคมัธยมฯ ขึ้นมา แต่หมดโอกาสถาม เพราะคำตอบแก

   " มันกะทันหันว่ะ ความจริงแล้วเสี่ยเลี้ยงเขาจ้างเสืออบ จากปราจีนฯ มาทำงานนี้ แต่พวกมันผิดนัด เสี่ยจึงโยนงานนี้ให้
พี่เห็นว่าพวกเรากำลังต้องการเงินก้อนใหญ่จึงรับปากไป เหอะน่า...งานนี้งานเดียว "

    คำชี้แจงกับอ้อนตอนสรุปของตำรวจเก่า พาให้แดงหมดข้อกังหา จากนั้น เชียร รถถัง สั่งพนักงานหญิงนำเหล้าเสิร์ฟ
ชักชวนทุกคนดื่มกิน พลกับเริงอดีตสมุนเก๊า ม้าเก็ง ซึ่งทั้ง ๒ มีวัยสูงกว่าทุกคนตามศักดิ์ควรจะเป็นรุ่นพี่ แต่ฟอร์มทาง
สมองไม่มี เจ๋งแต่ " ใจ " ที่หลอมมาจากสลัมสวนมะลิเบ้าเดียวกับลูกพี่ ดังนั้น อันดับบนถนนนักบู๊จึงเทียมกับพวกเรา
และร่วมเที่ยวอย่างเกรงใจกันและกัน ขณะนี้ทั้ง ๒ ดาวดังร่วมซัดเหล้ากับหัวหมู่คล้ายไม่สนใจข้าว ส่วนเหยี่ยววังปารุสฯ
กลับเคลิ้มแค่จิบ ดุจลิ้นไม่เคยแผ้วเมรัย

   ต่อมา งานเลี้ยงของนายเงินเลิกรา เรา ๖ ชีวิตกลับขึ้นเก๋งโตโยต้าสีน้ำเงินคันเดิม โดยโซเฟอร์เริง สวนมะลิ ตียาวจาก
ดินแดนหลวงพ่ออี๋สู่สนามยุทธ์ด้วยความเร็วปกติ ผมซึ่งนั่งเบาะหลังติดประตูด้านขวามือ ทอดตามองยานพาหนะวิ่ง
สวนและแซงเป็นบางคัน เพื่อให้ใจไม่ครุ่นคิดถึงงาน เพราะตัดใจแน่ว่า เป็นไงเป็นกัน ชีวิตตนเมื่อลิขิตตนไม่ได้
ดังคิด ก็ขอให้ฟ้าลิขิต

    " อีก ๕ นาที ๓ ทุ่ม ตรวจปืนกันให้พร้อมนะ " หัวหน้าทีมสั่งการจากเบาะหน้า

   ผมเย็นวาบ ยิ้มหยันให้ตัวเองพลางดึงคอบร้า . ๓๘ ม.ม. ( ยุคนั้นนิยมมาก ) ออกตรวจสมรรถนะเช่นเพื่อนๆ
ส่วนสำนึกเตือนให้มองค่าของอาวุธในมือเมื่อคิดจะยึดมันประจำตัวยังประโยชน์กับชีวิตตนว่า สืบไปแล้ว
ควรใส่ใจดูแลให้มากกว่านี้ ไม่ใช่คอยรอคำเตือนจากคนที่เขาใช้อาวุธเช่นเรา

   ครับ-สิ่งนี้คือครู และหาใช่ครูเฉพาะกับผม ๔ เพื่อนล้วนมีก้อนเนื้อในกะโหลกให้ซึมซับเข้าไปกรองเมื่อหวังเดิน
บนวังวนนี้

  ๓ ทุ่ม ๑๐ นาที เริง สวนมะลิ หยุดพาหนะของเราห่างจากปากทางเข้านิวแลนด์ราว ๑๐๐ เมตร เพื่อทบทวนงาน
ก่อนสัมผัสมือลาจากไปประจำจุดของแต่ละคน

   บัดนี้ ผมกับพล ตรอกทวาย ตำแหน่งคุ้มกัน ๒ เพื่อนเตร่อยู่ข้างๆ ศาลเจ้าฯ ที่ตั้งเด่นตรงปากทางเข้าฝั่งขวามือ
ทำทีคอยใช้บริการสองแถวเล็กที่วิ่งเข้าออกวิมานกลางคืนเกือบทุกๆ ๕ นาที ส่วนฝั่งตรงข้าม เก๊าตี๋กับแดงเตร่
อยู่บริเวณโคนสนเยื้องบาร์ขุนแผน อันเป็นบาร์โชว์ ถัดไปตรงโค้งเลี้ยวเข้าถนนเริงเมือง มีแผงบุหรี่นานายี่ห้อ
วางขาย พร้อมของขบเคี้ยวตั้งแต่หมากฝรั่งยันลูกอม ปรากฏเชียร รถถังหัวหน้าทีมสถิตอยู่ ทางเบื้องหลังผม เริง สวนมะลิ
จอดโตโยต้าเก๋งเปิดไฟท้ายแดงโร่

   ทุกตำแหน่งพร้อม รอการมาของ " เหยื่อ " เพื่อลั่นกระสุนเท่านั้น

   ผมยืนทบทวนคำบอกระหว่างวางแผนของหมู่เชียรอีกครั้ง

  " เวลา ๓ ทุ่มครึ่ง หรือเกินกว่านั้นเล็กน้อยจะมีรถเก๋งเบนซ์สีขาว วิ่งมาจากบ้านฉาง แบนซืคนนี้แหละเป้าของเรา
ในรถที่เบาะหลังจะมีผู้ชายวัย ๕๐ ปีนั่งอยู่คนเดียว พอรถวิ่งมาถึงปากทางเข้านิวแลนด์ คนขับรถซึ่งเป็นคนของเรา
จะชะลอความเร็วรถระหว่างเลี้ยว และขับรถให้เคลื่อนช้าๆ จังหวะนี้แหละที่เก๊าตี๋กับแดงจู่โจมเข้ายิง ทางด้านพลกับเปี๊ยก
พอเสียงปืนระเบิดให้ชาร์จสวนทางเข้าคุ้มกันแดงกับเก๊าตี๋ขณะถอนจนกว่าจะขึ้นรถ พูดง่ายๆ ระยะทาง ๕๐ เมตร จากที่เกิด
เหตุไปถึงรถที่เริงอยู่ เปี๊ยกกับพลต้องเคลียร์ทั้งก่อนยิง และหลังจากยิงแล้ว หากมีการปะทะเริงต้องเดินเครื่องรถคอยจนกว่า
ทั้ง ๔ คนจะกลับขึ้นรถหมด สำหรับพี่ช่วยตัวเอง อย่าห่วง "

   การรอคอยอันอึดอัดที่สุดในชีวิตหนุ่มผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมมองไปทางหน้าบาร์ขุนแผนพร้อมสังเกตไปรอบตัว
๒ เพื่อนผู้รับตำแหน่งสำคัญหาอาการพิรุธ ยังจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารต่างชาติ ( m.p.) ยืนรักษาการณ์
ถัดบาร์โชว์ไป ส่ง " ซิก " เชิงบอกให้พวกเราเตรียมตัวจึงเตร่ไปหาดาวดังตรอกทวาย

    " มาแล้วหรือ " พลหลุดปากก่อนพร้อมขยับร่าง

   ผมไม่ตอบคำถามที่รู้อยู่แก่ใจ สู้สะกดใจเอาจริงกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า พลางก้าวเดินช้าๆ ทิ้งจังหวะเวลา
ลงมือ ทันใดเก๋งคันหนึ่งทะยานลิ่วมาจากบ้านฉาง พุ่งไฟหน้า ๒ ดวงสว่างจ้า ขณะนี้กำลังลดความเร็วให้สัญญาณไฟเลี้ยว
สีเหลืองวูบวับ

   " ใช่แล้ว " พลบอกเสียงเข้ม

   ผมซุกมือเข้าไปยังซอกเอวซ้ายเดินไปลักษณะกอดอกระวังเหตุแทรกซ้อนให้เพื่อนตามหน้าที่ กระทั่งเห็นตราเบนซ์
หน้ารถชัดเจน อึดใจ เบนซ์สีขาวคันงามหักเลี้ยวซ้ายเข้านิวแลนด์และหมุนวงล้อเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ภายในรถ
ขณะมองผ่านกระจกเข้าไปมีคน ๒ คน โซเฟอร์คนหนึ่งกับที่นั่งยังเบาะหลังอีกหนึ่ง

   วิบตา...ผมรู้สึกเย็นวาบยันมือที่กุมด้ามปืนอยู่ ดาวดังไบเล่ย์วิ่งอ้อมหลังรถไปยังฝั่งขวาของรถ เก๊าตี๋ซึ่งปักหลัก
อยู่ริมถนนซุกมือขวาเข้าไปในชายเสื้อ แดงวิ่งเหยาะๆ ตามรถจนได้จังหวะยิง ก็ปล่อยนิตยสารที่ใช้คลุมปืนหล่น
ลงถนน พร้อมเหนี่ยวไกปืนกระหน่ำยิงทะลุกระจกข้างด้านหลังทันควัน

   เสียงปืนแผดระรัวหลายนัดระคนเสียงกระจกแตกกราวเร้าไปทั้งหู ผมไม่ยอมพ่ายใจตนในเวลาที่ต้องใข้ความกล้า
จึงกระชากปืนออกคุ้มกัน ๒ มือสังหารที่สับตีนลิ่วมาหา

   พอเพื่อนคล้อยหลังไป ไม่มีพลเมืองดี ตำรวจหรือ m.p. ติดตามมา พล บอกเสียงกร้าว

   " ถอยเถอะเพื่อน "

  ได้กัน..ใครจะอยู่ เราสองปั่นวงล้อตีนไปยังโตโยต้าเก๋งที่เปิดประตูหลัง ๒ บานรอในบัดดล

   ที่สุด สิ่งที่เราต้องการสมประสงค์ เงินจากน้ำมือเปื้อนบาปของเราถูกปั้นให้เป็นคาเฟ่ค้ากามภายในเวลา ๑ เดือนเศษ
ทว่า ในรอบ ๓๐ วัน กลางอาณาจักรบันเทิงที่หมู่เชียรกับเก๊าตี๋เป็นตัวหลักดำเนินงานที่กำลังได้รับความนิยมจากนักรบ
ขาว-ดำอยู่นั้น ทั้ง ๒ คนก็ได้ก่อศัตรูไว้ไม่น้อย สำหรับเก๊าตี๋ขณะออกโลดแล่นกับรุ่นใหญ่ เขาเปลี่ยนชื่อเป็น " โอตี๋ "
ศัตรูจึงรู้จักเขาเฉพาะนามดังกล่าว

   เมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะหุ้นส่วนเราจึงมีการปรึกษากันที่บ้านพักหลังเดิมของหมู่เชียรยังห้องรับแขกบ่ายวันนี้ มีเจ้าบ้าน
หรือหัวหน้าทีมเป็นประธาน

   ตอนหนึ่ง เก๊าตี๋แจงถึงเหตุที่มีศัตรูมากด้วยสีหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาโตผิดสัญชาติวาวเรืองดุจนัยน์ตาเสือ

   " เอาล่ะ เราจะพูดคร่าวๆ ถึงเรื่องที่มีศัตรูมากคือ ที่นิวแลนด์นั้นมันมีคาเฟ่ขายตัวเฉพาะของเราที่เดียวหนึ่งล่ะ อีกทางหนึ่ง
คือพวกนั้นต้องการล้มเราเพื่อเปิดคาเฟ่ แบบของเรา แต่ดีว่าผู้ใหญ่ท่าน อนุญาตเฉพาะพี่เชียรเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ป่านนี้
เรามีคู่แข่งอื้อ และอาจมีศัตรูมากกว่านี้ก็เป็นได้

   " ไม่ใช่เพราะนายใช้คนไปดึงแขกของพวกนั้นหรือ...เราบอกกันตรงๆ เพื่อน " แดงกล่าวสุ้มเสียงปกติ

   " นั่นพวกแขกมันเอาไปพูดกันเอง แล้วก็ชวนกันมา ส่วน " ค่าน้ำ " เราจ่ายตามธรรมเนียม เขาหาแขกและเอาเงินมาให้เรานี่ "

   เหตุผลของกุมารจีนมีความหมาย การสนทนาจึงเปลี่ยนเป็นถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยพวกเราขอร้องให้วุ่นใหญ่กับเก๊าตี๋
ลดบทบาทลง แล้วให้เริงกับพลดำเนินงานแทน ส่วนที่เหลือเป็นกองหลัง ปัญหานี้ผ่านด้วยดี

    พอผ่านมาถึงเรื่องการ " เพิ่มทุน " เพื่อขยายกิจการให้พอกับค่าใช้จ่าย หลายคนมีปัญหาทันที เฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่
ไม่ค่อยมีปัญหา อย่างพลกับเริง ๒ ดาราแม้นศรีกลับมีปัญหา อ้างว่ากิจการยังไม่ทันคืนกำไรให้เห็น แล้วจะเอาเงิน
ที่ไหนมาเพิ่มทุน ลำพัง " เด็ก " ที่นำมาเข้า " คอก " นี่ ทั้งพลและเริงต้องขึ้นล่อง ระยอง-กรุงเทพฯ เข้ามหาชัยออกนครปฐม
จรดบ้านโป่ง ใช้ " เครดิต " นำเด็กมาป้อน ยังส่งเงินพรรคพวกไม่ครบ จึงขอให้งดโครงการนั่นไว้ชั่วคราวก่อน อย่างน้อย
ขอเวลาดูทิศทางชาวยุทธ์ถิ่นนี้สัก ๒ เดือน

   ทางด้านกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เก๊าตี๋เสนอคำสนับสนุนหัวหมู่รถถังทำนองว่า ตนเองไม่ใช่อยากเพิ่มทุนด้วยรู้ฐานะการเงิน
ของพรรคเราดี แต่ถูกบังคับโดยอ้อมจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ขอเพิ่มค่า " เก๊าเจียะ " ขึ้นอีก ๕๐ % หากไม่หาทุนขยายกิจการ
เป็นจนแน่

    มิหนำซ้ำ เหยี่ยววังปารุสก์ยังเสริม ถ้าเราไม่ยอมขยับขยายหรือเพิ่มเงินตามขอ เราอาจเจอ " คู่แข่ง " ซึ่งใครจะไปรู้
เพราะกฏหมายอยู่ในมือพวกเขา

   ถึงตรงนี้ บรรยากาศภายในห้องรับแขกสิ้นเสียงพาที หุ่นสูงเพรียวสมสัดส่วนของดาวดังไบเล่ย์ขยับลุกขึ้นจากเก้าอี้
ยืนร่างตรงแน่ว โฉมหน้าที่มิได้ส่อแววทมิฬดั่งพฤติกรรมแลเคร่งขรึมเกินวัย นัยน์ตาเหลืองคมกริบกวาดมองทุกคน
ถามเสียงกังวาน

   " เราจะเอาเงินทางไหนมาเพิ่มทุน เสี่ยเลี้ยงนั่นน่ะ ผมคิดว่าเขาไม่มายุ่งกับเราอีกแล้ว "

  ไม่ยากหรอก พี่มีทาง " เชียร รถถัง เปิดไต๋ผลัวะ

   " ทางไหนครับ "

   " ผู้ใหญ่เต็ก จากชุมพร จะลงหุ้นกับเรา "

   สิ้นคำแก แดงทิ้งก้นลงนั่งบนเก้าอี้ดังเดิม พรูลมหายใจยาว ผมเองก็มีความรู้สึกไม่ต่างกว่าเพื่อน ด้วยเวลาเดือนเศษ
ที่หากินกลางอาณาจักรนิวแลนด์ พวกเรารู้จักชาวยุทธ์เมืองใต้นั่นพอสมควร บทบาทที่คนดังชุมพรโลดแล่นอยู่ขณะ
นี้คือ นักธุรกิจบันเทิง เป็นเจ้าของ สโนว์ไวท์ อะโกโก้ขนาดใหญ่ และกำลัง " หมายตา " ฮุบกิจการไนต์คลับคู่แข่ง
มาทำเสียเองอยู่ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นหัวหอกเตรียมจัดตั้งคิวรถสองแถวเล็กถาวรขึ้นบริเวณหน้าสนามบินอู่ตะเภาอีกด้วย

   เรียกว่าศัตรูเพียบทุกกิจการที่แกมีบทบาท

   แดงมีความเห็นยังไงก็ว่ามา " รุ่นใหญ่เร้า

  เขาหลุดคำทันควัน " เราหนีร้อนมานะครับ ผู้ใหญ่เต็กแกมีศัตรูมากเหมือนกัน ถ้าลงหุ้นกันแล้วจะมีปัญหา "

   " งานทุกอย่างต้องทำก่อนนะเพื่อนไม่ลองไม่รู้ " กุมารจีนเสริม

   " นี่...แดง " หมู่เชียรตามติดพัน " ผู้ใหญ่เต็กเขาไม่มายุ่งกับเรื่องนี้หรอก กิจการอื่นสำคัญกว่าเขามีเป็นล้าน "

   " แล้วคนของแกล่ะ " ผมติงบ้าง

   เก๊าตี๋ตอบผาง " ไม่เกี่ยว ถ้าจะเที่ยวต้องเสียเงินตามราคา "

   " นายรับผิดชอบเรื่องนี้นะ " แดงย้ำแทน

   " โอเค เพื่อน "

   สิ้นเสียงกุมารจีนรับปาก แดงผินหน้าไปทางพลกับเริง และผม ถามหนักแน่น

   " ลองดูกันไหม "

   ๒ ดาราดังย่านแม้นศรี ผงกหัวแทนตอบ สำหรับผมเข้าอีหรอบเดิม คือแห่ตามพวกเหมือนเดิม

   หมดเรื่องเครียดเอาบ่ายจัด แดดรอนแสง หมู่เชียรจัดตั้งวงสุรา ( เบ็ดตกกวี หรือ ไม้กวาดทุกข์ ) อันเป็นของชื่นชอบ
พร้อมพลกับเริงคู่ขาเก่า เก๊าตี๋แยกไปหลังบ้านใต้ร่มเงามะม่วงจัดทำกิจเขียนภาพมังกรสะดุ้งเล่นสีลงในสมุดวาดเขียน
ขนาดใหญ่ที่ใกล้แล้วเสร็จอย่างประณีต แดงเข้าห้องเปิดวิทยุฟังเพลงชุดของเอลวิส ภาคบ่าย

   ส่วนผมลุกไปนั่งมองปลากัดในขวดกับในโหลที่คัดมาจากเมืองชล ๒๐ กว่าตัว ชมสีสันของมันครู่เดียว จึงช้อนเอาตัว
ที่ยังไม่เคยประลองคมปากขึ้นมา ๒ ตัวไปใส่โหลขนาดใหญ่ พอน้ำในโหลหยุดกระเพื่อม ๒ นักสู้ขยายครีบ แพนหาง
พุ่งเข้าราวีกันพัลวัน ตัวสีน้ำเงินเคลือบแดงตอนนี้แพนหางขาดแล้ว ขณะนี้ " มัน " ประกบปากบิดกันจนลำตัวพลิกไปมา
น้ำป่วน

   แต่ผมเริงใจ นั่งชมผู้ชนะที่ต้องมีหรืออาจไม่มีตามสัญชาติ " ลูกหม้อ " สืบไป

๘ ตุลาการเถื่อน

๘ ตุลาการเถื่อน
 

ครึ่งคืนล่วง ใต้หลังคาฟ้าสะพรั่งดาวมีจันทร์แรมเรืองแสง บัดนี้บนเสื่อที่ตั้งเหล้าเมื่อตอนหัวค่ำในรวงรัง
เชียร รถถัง เปลี่ยนเป็นวงข้าวของฝากดาวดังไบเล่ย์ติดมือจากระยองมาให้ ๓ สาวรุ่นบำรุงกระเพาะด้วย
ลักษณะที่เขากับผมต้องเบือนหน้าหนีไปมองดาวบนฟ้าเพราะสมเพชสภาพเธอเหลือเกิน

   หลายครั้งที่นั่งถามใจตนว่า ไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเธอให้พ้นขุมนรกบ้างหรือไร ? ทั้งๆ ที่เมื่อ ๒ - ๓ ปีก่อน
ยังกล้าพาพวกบุกฉุด " เด็ก " ในซ่องป้าหยิบสี่แยกคอกวัวด้วยบำเหน็จอาหารกับเหล้าโต๊ะเดียวมาแล้ว
มาคราวนี้ได้เห็นเหตุทารุณจิตใจเต็มตา ได้เห็นสัตว์โลกเพศแม่กินอาหารยังกับหมู กลับทำใจหิมะ ดั่งเข้าถึง
สัญชาตญาณหมู่คณะ

   ไม่นานการเดินทางระยะสั้นของข้าว แต่ยาวขวบปีสำหรับชาวนาที่เราปล่อยให้ ๓ สาวจัดการช่วยตัวเองเสร็จกิจ
แดงต่อเวลาพวกเธอย่อยอาหารสืบไปอีกพักหนึ่ง จึงเริ่มเปิดปากกล่อมเด็กตามลีลาตน

   " ผม ได้เปลี่ยนสภาพพวกคุณแล้วนะ ต่อไปเป็นหน้าที่ตัวคุณเองว่าควรทำอย่างไรถึงจะอยู่เพื่อเอาตัวรอดได้ และสุข
สบายพอสมควร สำหรับผมกับเพื่อนช่วยพวกคุณได้เท่าที่เห็นนี้ เกินกว่านี้ผมทำไม่ได้ มันเป็นหนทางหากินของพวกเขา
ที่สำคัญผมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างผู้อาศัย พูดง่ายๆ ก็คือ ผมหนีร้อนมาหาที่เย็น ๆ อยู่ ซึ่งเจ้าของบ้านเขาได้ต้อนรับ
ขับสู้อย่างดี ผมจึงไม่ควรทำอะไรให้มากกว่าที่มันเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีผมขอให้พวกคุณเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเถอะ
และเมื่อถึงคราวจะต้องเสีย อย่ารอให้เขาสั่งให้พวกแมงดามันโทรม เพราะเมื่อถึงขั้นนั้นผู้หญิงจะ " เจ็บ " ที่สุดใน
ชีวิตไม่ใช่หรือ? "

    สิ้นคำเพื่อน ผมลอบถอนหายใจโล่งอก ๓ สาวนั่งสงบคำ ก้มหน้านิ่งเช่นเคย

   " ทั้งหมดที่พูดนั่น ผมไม่ได้แนะนำให้เลือกทางผิด ผมหมายถึงว่า คนเราเมื่อถลำเข้าไปได้ มันควรที่จะหาทางออกได้
พวกคุณไม่ใช่ผู้ร้าย ยังมีโอกาสกับเวลาเพียงพอครับ ดังนั้น ต่อไปหลังจากนี้ เมื่อคุณ ๓ คนกลับไปนอนก็ใช้เวลาตัดสินใจเอาว่า
ระหว่าง " เต็มใจ " กับถูก " ข่มขืนกาย-ใจ " ดู...เอาล่ะนี่ดึกมากแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนเถอะ "

   สิ้นคำเขา ๓ สาวไหวกาย และจัดการลำเลียงภาชนะใส่อาหารเข้าครัวทำความสะอาด ส่วนเรา ๒ คน นั่งอัดบุหรี่ชมดาว
ฆ่าเวลาต่อไปอีกพักหนึ่ง แดงชวนขึ้นไปดูอาการทอมบอยที่ตน " ยำ " เสียสลบ จึงละจากลานสนามหน้าบ้านกลับขึ้น
ชั้นบนของตัวบ้าน

   ถึงหน้าห้องลงทัณฑ์ ๓ สาว แดงผลักประตูที่ไม่ได้ใส่กลอนหรือล็อกภายในเปิดเข้าไป ๓ นางบาปสาวถึงกับ
ลุกพรวดจากท่านอนขึ้นนั่ง เบิ่งตามอง

   เพื่อนทำไม่ใส่ใจอาการนั่น แต่ให้ความสนใจสาวทอมบอยที่ยังนอนสลบไม่ได้สติอยู่ครู่เดียว สั่งความสั้น ๆ

  " ช่วยพยาบาลด้วยนะ "

   จบคำ เราถอยออกจากห้อง แดงดึงประตูห้องเตรียมปิด เสียงใสกังวานจากในห้องดังขึ้น

   " พี่ใส่กุญแจเลยก็ได้ค่ะ พวกหนูไม่ไปไหนอีกแล้ว "

   วาจาประโยคนั้น แลบริสุทธิ์ ไม่น่ามีอะไรเคลือบแคลง ด้วยเพราะเธอจำเจกับสภาพคุมขังจนเคยชิน กระนั้น แดงกับผมซึ่งมี
บางสิ่งในชีวิตละม้ายกันถึงกับอึ้งก่อนดึงประตูปิดโดยไม่ล็อกกุญแจตามที่เธอบอก

   หมดเรื่องผู้หญิง เรา ๒ คนกลับลงไปชั้นล่างนั่งคุยกันถึงเรื่อง เชียร รถถังกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋าทำท่า " ฮั้ว " กันเปิดกิจการอีหนูคาเฟ่
ว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่งเพื่อนก็แจกแจงว่าอาจ " รุ่ง " และ " ร่วง " ได้ทันทีที่ฐานกับทีมงานไม่แข็งจริง

   อย่างไรระดับมือคุ้มกันคาราวานฝิ่น เช่น เชียร รถถังได้สร้างศรัทธาแก่เราพอสมควร

  เฉียดตี ๓ อดีตหัวหมู่ตำรวจรถถังพร้อมเก๊าตี๋ , เริงและพลกลับถึงบ้านด้วยแท็กซี่ป้ายดำ เราออกไปเปิดประตูรับ รุ่นใหญ่บอกสุ้มเสียงเสพ
เมรัยมาไม่น้อย

   " ขอบใจมากน้อง "

   เมื่อกลับเข้าบ้านยังไม่ทันหย่อนก้นนั่ง ปรากฏสาวทอมบอยลงมายืนโงกเงกอยู่ตรงเชิงบันได ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าปูดโปน ริมฝีปาก
บวมเป่งเกือบปลิ้น

   " มันอะไรกันวะ อีกบ " หัวหมู่คนดังถามขณะพิศโฉม

    กบสาวเห็นเจ้าบ้านชัดตา ปล่อยเสียงโฮลั่นบ้าน พร้อมใช้มือปิดหน้าตัวเองร่ำไห้ตลอดเวลา ผมกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ รุ่นใหญ่
เบนสายตามาทางเรา แดงเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างไม่อำพรางอย่างองอาจ กระทั่งถึงบทสรุปต่อหน้าสหาย

   " เรื่องทั้งหมดผมขอรับผิดโดยตลอดครับ "

   รุ่นใหญ่ปรายนัยน์ตาเหยี่ยวผ่านผมไปยังร่างสาวทอมบอย เก๊าตี๋, เริง, พล ทรุดลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกคล้ายบรรจงกลางรัตติกาลอึมครึม
ต่อการอ่านใจคู่กรณี

   หมู่เชียรเดินไปหาสาวทอมบอยที่กำลังคร่ำครวญ ตะคอกเสียงดัง

   " มึงจะบ้ารึ ? "

   ราวประกาศิตพระกาฬ กบสาวหยุดสะอึกสะอื้น ยืนเกาะราวบันไดก้มหน้าเงียบกริบ อึดใจคำพิพากษาหล่นผาง

   " พรุ่งนี้เช้า มึงไปจากที่นี่เสีย...ไป "

   บรรยากาศอึมครึมเปลี่ยนในฉับพลัน อย่างน้อยผมและแดงได้หันมาสบตากันเชิงนิยมคำตัดสินนั่น ส่วนโจทก์สาวที่กลายเป็นจำเลย
โดยอัตโนมัติลงบันไดหลบไปยังห้องพักของเธอเซื่องซึม

    พอภายในห้องรับแขกชั้นล่างมีเฉพาะพวกเรา เรื่องราวที่หมู่เชียรออกไปดำเนินการกับ ๓ เพื่อนวันนี้ถูกนำมาบอกเล่าและปรึกษาขอความเห็น
กันทั่วหน้า

  สำหรับผมได้ทำนายเหตุการณ์ไว้แต่ต้นแล้วว่าหมู่เชียรกับเก๊าตี๋จะต้องฮั้ว กันเปิดคาเฟ่ค้ากามขึ้นที่นี่ ซึ่งก็เป็นความจริง บัดนี้ หัวหมู่
คนดัง บอกว่าได้ " เดินเรื่อง " ขอ " ไฟเขียว " ตามขั้นตอนเรียบร้อย แต่ขาดเงินที่จะขยายหรือก่อสร้างสถานบริการกับค่าอุปกรณ์โต๊ะเก้าอี้
ไม่น้อยกว่า ๗๐,๐๐๐ - ๘๐,๐๐๐ ซึ่งพวกเราจะไปเอาที่ไหนกัน

   ส่วนนายทุนของหมู่เชียร หรือเสี่ยงเลี้ยงจากท่าเรือเพได้เปิดโควต้าเงินสดไว้แค่ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งแกก็เอาเงินไปคว้าสาวรุ่น ๓ นาง
นั่นจนเกลี้ยงคลัง ดังนั้น ใกล้รุ่งคืนนี้ทั้งกบาลของพวกเราจึงครุ่นหาช่องที่จะได้เงินจำนวนดังกล่าวในการนี้ทุกท่า

    จวบเสียงไก่บ้านขันรับวันใหม่แจ้วๆ รุ่นใหญ่ค่อยกล่าวขึ้นลอยๆ

   " มีทางเดียวที่จะได้เงินทันการณ์ "

   พล ตรอกทวาย ซักทันที " ทางไหนพี่ "

   " ปล้น "

   อมิตตาพุทธ เหล่าดาวดังวัยคะนองทุกนามเบื้องหน้าหุบปากสนิท ผมเองก็ไม่ต่างอวตารเป็นพระเตมีย์ใบ้ อันนี้ต้องแจงกันแล้ว สำหรับ
คำบอกที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาจากพวกเรา

   ประการแรก พวกเรา ๕ คน อันมีแดง, เก๊าตี๋, พล, เริง และผมนั้นความจริงแล้วนับแต่เที่ยว ( ซ่าส์ ) มาไม่เคยงานอาชญากรรม
ที่เรียกว่า " ปล้น " ดังที่รุ่นใหญ่บอก แม้พฤติกรรมบางอย่างบางครั้งเข้าข่ายชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ เช่น

   นำพวกเที่ยว " ตบ " เฟอร์นิเจอร์ประดับประเภท แว่นเรย์แบนด์ เลส ( ชั้นดี ) สร้อยคอทองคำ แหวนรุ่น แหวนทองจาก
วัยรุ่นทั่วไป

   พฤติกรรมดังกล่าว พวกเราล้วนก่อขึ้นด้วยความภาคภูมิมากกว่าหวั่นเกรง เพราะใจขณะนั้นไม่ได้หวังอยากได้ทรัพย์เป็นสื่อ
แต่เกิดเพราะตาไม่ต้องกับตีน หรือศรศิลป์ไม่กินกันตามประสาวัย เมื่อเป็นเช่นนี้ วัยกับใจจึงบัญชาให้ใช้วิธีหักหาญเอา

   ใครแข็งแรงกว่าคือผูชนะ

  " เรามีทางเลือกนี้เท่านั้นนะ เมื่อตกลงใจเราทุกคนก็เป็นหุ้นส่วนกัน " รุ่นใหญ่ย้ำประโยคเดิม

   เก๊าตี๋เปิดไต๋ตัวเองก่อนใคร " พี่เชียรจะปล้นใคร ปล้นที่ไหน "

   " พี่ต้องออก " ร่อน " ดูก่อน " ตอยเสียงขรึมลงปรายตามองผมกับดาวดังไบเล่ย์ ถามตรงๆ " แดงกับเปี๊ยกจะร่วมมือกับพี่หรือเปล่า "

   แดงตอบเหมือนเตรียมไว้แล้ว " ผมจะร่วมมือเพียงครั้งเดียวนะครับ "

   ตกมาถึงผมเป็นผู้ตอบบ้าง ใครจะกล้าบ่ายเบี่ยง จึงประสานใจไปกับเพื่อนประกาศตนเป็นหนุ่มเลือดสุพรรณ ตามฟอร์ม

   วันต่อมาและคืนต่อไป เรา ๕ คน ซุกชีวิตอยู่ยังบ้านพักเดิมอย่างสุขสบายทั้งกิน-นอน-เที่ยว แล้วตระเวนหาที่ซ้อมปืนประจำตัว
ที่หมู่เชียรจักสรรมาให้

    ช่วงรองาน ไม่มีใครพูดถึง " งาน " ที่จะทำเพราะไม่ต้องการเผยธาตุแท้ตน

  ส่วน ๓ สาวรุ่นถูกหมู่เชียรส่งไปสังเวยผู้ใหญ่ระดับจังหวัดและเจ้าพ่อเรียบร้อย จนบัดนี้ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย

   ช่างเถอะ เราพบกันแค่ผ่าน

  วันหนึ่งราวๆ เที่ยงเศษ ผมคิดถึงหลวงพ่อที่จากมาโดยมิได้ล่ำลา จึงนั่งเขียนจดหมายไปนมัสการท่านให้คลายกังวล พอลงมือ
ไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคงเขียนให้คลายกังวล พอลงมือไปได้พักเดียว แดงเริ่มทำตาม ซึ่งผมเดาว่าเขาคง
เขียนไปถึงมารดา แต่เพื่อนกลับเขียนเสร็จด้วยเวลา ๒-๓ นาที จึงชะโงกหน้าไปอ่าน แดงเลยแฉข้อความนั่น

   " แม่ครับ...ตอนนี้ผมสุขสบายดี ขอรับรองว่าผมจะกลับไปบวชให้แม่แน่ครับ...แดง "

   อ่านจบ ผมยิ้มให้เขาอย่างเข้าถึงความรู้สึกนั่น

  ล่วงถึงบ่ายจัด หัวหมู่เชียรกับเก๊าตี๋กลับเข้าบ้านพร้อมเรียกประชุมพวกเราเป็นการด่วน เมื่อพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกหัวหน้า
ทีมเฉพาะกิจลำดับความได้ยินชัดเจน

   " เสี่ยเลี้ยงมีงานสำคัญให้พวกเราทำง่ายกว่าปล้น หากทำสำเร็จ เจ็ดหมื่นจ่ายทันที "

  เรา ๕ คน ยกเว้นเก๊าตี๋ที่ไปกับหัวหมู่เชียรถามเกือบพร้อมกัน

   " งานอะไรครับ "

  " ยิงคน "

   คำตอบของหมู่เชียรสะกดทุกคนนิ่งงันเป็นคำรบสอง เก๊าตี๋ทำหน้าที่ชี้แจงต่อ

   " คนที่พวกเราจะไปยิงเป็นพวกลักลอบค้าของเถื่อน ไม่มีความสลักสำคัญอะไร ถ้ามันตายไปตำรวจเขาอาจขอบคุณพวกเราด้วยซ้ำ "

   ถ้อยคำสนับสนุนงานนี้แบบสุดตัวของกุมารจีนปลุกเลือดลมผมเต้นยิบ อย่างน้อยคำตอบที่พวกเราจะตอบหาใช่คำตอบตาม
บทละคร ทว่ามันเป็นเรื่องจริง ชีวิตคนจริงๆ ที่มีราคา ๗๐,๐๐๐ บาท และที่สำคัญแดง ( เฉพาะกับแดง ไบเล่ย์ งานฆ่าเมื่ออายุ ๑๓ ขวบ
ไม่ ใช่เจตนา ) พล, เริง, ผมหรือเก๊าตี๋ล้วนไม่ใช่นักฆ่า เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีจิตวิปริตกลุ่มหนึ่งกลางสังคมนี้ ซึ่งน้ำมือนั้นแม้เปื้อน
เลือดมาแล้วก็เป็นเลือดการต่อสู้ในหมู่ชาวยุทธ์

   เมื่อมาปะงานนี้ ต่างจึงไม่วายพรั่นกับบทบาทใหม่ อย่างไรแดงคล้ายตัดสินใจเร็วกว่าใคร ถามไม่เจาะจง

   " ใครจะเป็นคนยิงครับ "

   " เก๊าตี๋คิดว่าใครเหมาะ ลงมือ ๒ คนพร้อมกันนะ " เชียรผ่านลูกตามเชิง

   กุมารจีนสะบัดหน้าไปยังดาวดังไบเล่ย์บอกดั่งกระซิบ

   " เราจะลงมือกับนายนะเพื่อน "

   " ตกลง "

   สิ้นเสียงดาวดัง หมู่เชียรกำหนดตัวบุคคลก่อนวางแผนต่อ

   " ให้พลกับเปี๊ยกคุ้มกันหลังให้ ๒ คนนั่นด้วย เริงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนพี่จะกำกับแดงกับเก๊าก่อนลงมือ...มาดูนี่ พวกเรา "

   ที่สุดแผนผังบริเวณปากทางเข้าสถานบันเทิงนิวแลนด์ถูกกางต่อหน้าพวกเรา พร้อมคำอรรถยุทธ์การล่าชีวิตคนครั้งแรกจนกระจ่าง
ก็สรุป

   " เดี๋ยวเราจะออกไปดูสถานที่จริงกันเลย ใครมีอะไรไม่เข้าใจขอให้ซักถาม "

   " เราจะลงมือกันเมื่อไหร่พี่ " เริงผู้รับตำแหน่งตีนผีใจร้อน

   " ๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้ "

   คำตอบชัดเจนโสตเพื่อนทุกนามซึ่งส่งผลให้ยุติคำถาม แดงกับเก๊าตี๋ลุกขึ้นสัมผัสมือกัน ผมหันไปยิ้มกับดาราดังตรอกทวายเชิง
บอกให้รู้ว่าเพื่อนกับผมก็ได้รับตำแหน่งสำคัญไม่น้อยกว่าทุกคน เพราะต้องสัมพันธ์กันทุกวินาที นับแต่ระเบิดกระสุนสังหารเหยื่อ

   ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รถเก๋งพาหนะที่จะใช้ในงานนี้ถูกส่งมาจากเสี่ยเลี้ยงเจ้าของเงิน ซึ่งหัวหน้าทีมหรือเชียร รถถัง ออกไปเปิดตัว
พาทีกับโซเฟอร์ที่นำรถมาให้ที่หน้าบ้าน ไม่นานได้กลับเข้ามาบอก

   " เสี่ยเลี้ยงสั่งห้ามยิงคนขับรถเด็ดขาด มัน " สาย " ของเขาให้ระวังด้วย "

   " เราไม่ยิงมัน แล้วมันล่ะ..." เริง สวนมะลิ ข้องจิต

   " พี่รับรองเอง "

   คราวนี้ไม่มีใครขัดข้อง ซึ่งอาจเป็นด้วยไม่มีประสบการณ์ สำหรับผมรู้สึกขัดข้องทางความคิด แต่ไม่แอะ กระทั่งอดีตเหยี่ยววังปารุสฯ
ชักชวนออกร่อนสำรวจทิศทางยุทธการล่าสังหารยังปากทางสถานบันเทิงนิวแลนด์ในเวลาต่อมา 

๗ หงายไพ่ เชียร รถถัง

๗ หงายไพ่ เชียร รถถัง


  นับเป็นความการุณพอสมควรของสาวแหม่มกับซูซี่ที่ยังทิ้งเสื้อกางเกงปราศจากทรัพย์ไว้ให้คนละชุด เพื่อนำสร้อยทองคำ
ของเก๊าตี๋ในคอที่ ๒ สาวไม่กล้าปลดจากคอเขาระหว่างหลับไปขายต่อมือต่อตีนที่สัตหีบ

   ล่วงบ่ายจัด หลังเอาสร้อยคอทองคำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดเรียบร้อย เรา ๒ คนมุ่งเข้าร้านอาหารบำรุง
กระเพาะตามสัญญาณเตือนมาแต่ ๑๐ โมงเช้า

   พักใหญ่พออิ่มหนำสำราญ กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าขอความความเห็นหนทางไป

  " เราควรตามหาแดงกับพี่เชียรให้พบดีไหม "

  " ก็ได้ " ผมตามน้ำ

   " เฮ้ย..." เก๊าตี๋อุทานกะทันหัน

   ผมรู้สึกผิดหูน้ำเสียงเพื่อน จึงมองตามสายตาเขา พบ ๒ กุมารไทย เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย อดีตสมุน
เก่าของ เก๊า ม้าเก็ง อย่างไม่คาดว่าจะบังเอิญขนาดนี้ เก๊าตี๋เลยถือโอกาสเชิญ ๒ ชาวยุทธ์วัยคะนองร่างเตี้ยล่ำ
ผู้ตั้งใจเข้ามาบริโภคอาหารอยู่แล้วร่วมโต๊ะ

   เมื่อความตั้งใจไปหามิตร เผอิญพบมิตรเก่าเช่นนี้จึงนั่งเป็นเพื่อนคุยรอระหว่าง ๒ ดาวดังย่านแม้นศรีกินอาหาร

  " นาย ๒ คนมากันวันนี้หรือ " ผมป้อนคำถามไม่เจาะจง

  " มาตั้งแต่วันที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวพวกเราที่กรุงเกษมนั่นแหละ " พลตอบ

  " แล้วตอนนี้ทำอะไรกัน "

  " ลอยชาย..สุดแต่พี่เชียน เห็นว่ากำลังวิ่งเต้นผู้ใหญ่เปิดกิจการอีหนูคาเฟ่ "

   คำบอก พล ตรอกทวาย ทำให้ผมกับเก๊าตี๋มองหน้ากัน ตีหน้าเหลอ ก่อนยิ้มพึงใจกับมหาโชคที่บันดาล
มิให้เราตะลอนตามหาตัว เชียร รถถัง กับ แดง ไบเล่ย์ เหมือนคนตาบอด สำหรับเก๊าตี๋อาการเริงร่าทางสีหน้า
และกิริยาเตือนให้ผมอ่านใจเพื่อนตามปกติ โดยเอาคำบอกของดาราตรอกทวายวิเคราะห์ดูเส้นทางของเขา

   แน่นอน เก๊าตี๋ คิดปักหลักที่นี่

  เสร็จกิจเรื่องอาหารและชำระเงิน กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าชักชวนให้ไปหาอดีตนายตำรวจรถถังยศชั้นประทวน
ยุคท่านรองฯ ผาด ตุงคะสมิต โดยแท็กซี่ป้ายดำมุ่งเข้าบ้านฉางชนบทระดับตำบลอันใกล้เป็นกิ่งอำเภอ
จากดอลล่าร์อเมริกัน

  ขาตีรถกลับเที่ยวนี้ต่างหุบปากนั่งเงียบ ผมนั่งมองภูมิภาพริมทางขณะรถผ่านนับแต่กิโลสิบ ปากทาง
แสมสาร อู่ตะเภา ยามตะวันรอนเพื่อพักก้อนเนื้อในกะโหลก กลับกำหนดใจไม่ได้ นั่นคงเนื่องด้วยพาหนะ
ที่ผมกำลังทะยานลิ่วไปหาคน ผู้มีพฤติกรรมร้อนราวไฟถึง ๒ คน

   สำหรับวัยคะนอง แดง ไบเล่ย์นั้น ผมได้ปูปูมของเขาไปแล้ว แต่กับหมู่เชียร รถถัง หรือ เชียร หยิกเจ้าของพิกัด
๑๓๐ ปอนด์ ผิวเหลือง เส้นผมบนหัวหยิกหยอยยังไม่ได้กล่าวถึง เพราะเป็นชาวยุทธ์รุ่นอาวุโสมีสี เรื่องราวที่
ปรากฏต่อสายตาชาวยุทธ์ทั่วไปจึงไม่ปรากฏ ทว่าหากมุดกำแพงวังปารุสฯ อดีตที่ตั้งกองบังคับการยานยนต์
หุ้มเกราะของท่านรองฯ ผาดเข้าไป ก็พอรู้ว่าหัวหน้าหมู่เชียนไม่ค่อยมีเวลาขับรถถังของตำรวจเท่าใดนัก
ส่วนใหญ่ " เจ้านาย " จะมอบงานเฉพาะกิจเบาๆ ให้คุมคาราวานฝิ่นเข้ากรุงเทพฯ และจัดส่งไปจำหน่ายยัง
ต่างประเทศ

   หัวหมู่เชียนจึงเฟื่องในยุคอัศวินครองเมือง

  ถึงคราวท่านอธิบดีเผ่าสิ้นอำนาจวาสนา หัวหมู่เชียรต้องหลุดจากวงจร " ม้าเหล็ก " เพราะทระนงไม่ต้องการ
เปลี่ยนสี เปลี่ยนเหล่าไปใช้สีเขียว ( โอนยานยนต์ตำรวจทุกคันเข้า ทบ ) ดังนั้น วันนี้หมู่เชียน รถถัง จึงเป็นเหยี่ยว
หนีเงื้อมมือคณะปฏิวัติคู่อาฆาตเจ้านายตนมาถึงชายฝั่งทะเลตะวันออกดุจเดียวกับพวกเรา

   อย่างไรก็ตาม สัญชาติเหยี่ยวนั้นบินสูง ด้วยสามารถมองเห็นเหยื่อได้ทั้งใกล้และไกล หากพวกเราคบค้าด้วย
มันก็ต้องคอยสังเกตว่า " เหยื่อ " ในสายตาเหยี่ยวเป็นพวกเราหรือว่าผู้อื่น ?

   บ้านฉาง พาหนะของพวกเราหยุดสนิทหน้าตลาดเก่า ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์สองฝั่งถนนรวม
ไปถึงศูนย์การค้า เมื่อพากันลงจากรถไปรับรังสีสนธยา พล ตรอกทวายบอกขณะทำหน้าที่มัคคุเทศก์

   " ถ้าพี่เชียรเปิดคาเฟ่ค้าอีหนูได้ รับรองว่ารับเละ "

  " ที่ว่าจะเปิดไม่ได้เพราะอะไร ตำรวจเขาไม่เล่นด้วยหรือยังไง " เก๊าตี๋สนใจ

  " ตำรวจน่ะ เขาเล่นด้วยแน่ แต่มันอยู่ที่ว่า เราจะเปิดได้กี่วัน โดยไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น " พลขยายความ

   " ก็แสดงว่านักเลงเยอะ "

  " พวกตังเกว่ะ ไอ้พวกนี้ทหารเรือยังไม่อยากยุ่ง มันยกกันมาเป็นร้อย " เริง สวนมะลิตอบแทนเพื่อน

  " อย่างนี้ต้องมีคนคุ้มกะลาหัวอยู่ " ผมแอะบ้าง

   " เห็นพี่เชียรบอกว่าเป็นพวกเด็กๆ ของเสี่ยกังเจ้าของโรงแรมชื่อดังในระยอง...ไม่เฉพาะกับไอ้พวกกระเบนธง
เท่านั้นนะ ยังมีไอ้พวก " สิงห์ ป่าซุง " ของหลงจู๊เกียงกับพวกคนงานไร่อ้อยของเสี่ยโยชน์อีก "

  เก๊าตี๋ถามบ้าง " รู้อย่างนี้แล้วพี่เชียรยังกล้าหาทุนมาเปิด "

   " พี่เชียรรู้จักกับเจ้าพ่อเมืองชล "

  " ใครวะ "

  " หลงจู๊เกียง "

 " ใหญ่จริงหรือ "

  " ก็คงเท่ากับเกชา หรือลุงดวง ลพบุรีนั่นแหละ "

   ได้รับทราบความยิ่งยงของหลงจู๊เกียงที่ยังไม่ได้เห็นหน้าจากปากดาวดัง สวนมะลิแค่นั้น พวกก็พาไปหยุด
ที่หน้าประตูบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง มีรั้วรอบขอบชิดกลางซอยฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์บ้านฉาง จากนั้น
พลกดออดสัญญาณไฟฟ้าตรงเสาประตู

   " บ้านน่าอยู่ว่ะ ไม่มั่ว " เก๊าตี๋ว่า

   ผมต่อให้ในใจ " นอกจากบ้านน่าอยู่แล้ว ยังน่าไว้ใจด้วย "

   ครู่เดียว บุคคลที่เรามุ่งมาหาไม่ปรากฏ กลับมีสาวพอสวยดัดผมสั้นยังกับพวกทอมบอยออกมาเปิดประตูให้
พลแนะนำเก๊าตี๋กับผมให้เธอรู้จักตามธรรมเนียมโดยไม่มีรายละเอียดความสลักสำคัญของเธอภายในบ้าน
หลังนั้น

   " พี่เชียรกับแดงคงนอนหลับ " พลคาดการณ์พอได้ยิน

  ไม่มีใครออกความเห็นต่างเดินตามสาวทอมบอยซึ่งนำหน้าลิ่วไปเปิดประตูห้องรอ พอผ่านร่างพ้นประตู
เข้าไป เชียร รถถัง พาร่างพิกัดเฟเธอร์เวตพร้อม แดง ไบเล่ย์ เปิดประตูห้องด้านในอีกห้องหนึ่งออกมาทักทาย
ชวนเชิญให้นั่ง และดื่มน้ำเย็นที่สาวทอมบอยนำมาเสิร์ฟ

  " น้อง ๒ คนมาถึงนี่ตั้งแต่เมื่อไร รุ่นใหญ่ถามขึ้นก่อน "

  " วันนี้เองครับ บังเอิญเจอเริงกับพลที่สัตหีบเขาจึงพามาที่นี่ " กุมารจีนไม่บอกความจริงทั้งหมด

  " ดีแล้วที่พวกเรามารวมกันที่นี่ "

  " ได้ข่าวว่าพี่เชียรจะค้า " เด็ก " ที่นี่หรือครับ " เก็าตี๋ถามถึงเรื่องใคร่รู้

   เหยี่ยววังปารุสฯ หยุดความสดชื่นทางสีหน้าบอกเสียงฉุน

  " พี่จะเปิดวันนี้ก็เปิดได้ ถ้ามีเด็กพอ...นี่ต้องรอล่องเด็กจากนครสวรรค์อีกเป็นอาทิตย์ "

   ผมเบนสายตาไปยังวัยคะนองไบเล่ย์ที่นั่งสงบคำมาตลอดชวนคุยขึ้น

  " แดงร่วมหุ้นกับพี่เชียรหรือ "

   " เปล่าหรอกเพื่อน มาอาศัยพี่เชียรชั่วคราวบางทีอาจไปโคราชหรืออุดรฯ ที่นี่คนดุ "

  " เราว่าไม่ดุเกินคนหรอก " พลค้าน

   พลัน..เราทั้ง ๖ ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเกิดเสียงคล้ายถ้วยจานถูกขว้างใส่ประตูขณะที่หมู่เชียรกับแดงโผล่ออกมา
และตามด้วยเสียงใสๆ สำเนียงชาวเหนือผรุสวาทลั่นห้อง

   เก๊าตี๋กับผมหันไปทางรุ่นใหญ่ อดีตตำรวจรถถังวังปารุสฯ ส่ายหัวไปมาอย่างหมดอาลัยระคนหงุดหงิด
ผมร้อนใจใคร่รู้เหตุให้กระจ่างถึงเจ้าของเสียงภายในห้องดังกล่าว หลุดปากก่อนใคร

  " พี่เชียรขังเด็กไว้ "

    " ใช่ เด็กสดๆ ซิงๆ ๓ คน นายทุนลงทุนให้พี่เหยียบแสนซื้อมาจากเหนือให้ผู้ใหญ่กับเจ้าพ่อที่นี่ พอถึงเวลา
เสือกไม่ยอมไป พี่ต้องขอนัดเวลาเลื่อน "

  คำตอบแกกระจ่างใจพอแล้ว จึงไม่ตามเรื่องแต่สาวทอมบอยเดินหน้าบูดเข้ามาหาแก หมู่เชียรบอกห้วน ๆ

   " อย่าเพิ่งไปทำอะไรมัน เอาไว้ให้ย้ายขึ้นชั้นบนก่อน "

   " ค่ะ " ทอมบอยสาวรับคำ

   " เออ..กบ เดี๋ยวจัดห้องชั้นบนให้เก๊าตี๋กับเปี๊ยกด้วยนะ "

   " ค่ะ "

    ตกลงเย็นวันนี้ ผมได้รวงรังพำนักร่วมห้องเดียวกับกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เพราะทั้งบ้านทุกห้องมีผู้อาศัยอยู่ครบ

   ค่ำแล้ววงสุราของพวกเรา ๖ ชีวิตชายกับอีก ๑ หญิง สาวทอมบอยได้ปูเสื่อนั่งดื่มกินบนลานหญ้า
หน้าบ้าน ทัศนาชีวิตกลางคืนที่น่ามองและชวนคิดให้ผู้คนชายหญิงไม่เบื่อ เพราะนับแต่ตั้งวงสุราผมมีอาหาร
ตาจากโฉมงามแต่งตัวเจ็บ ๆ ทยอยเดินออกจากซอยเป็นกลุ่ม ๆ ให้ตัดสินว่านางใดเหมาะสเป๊กใจ

   และเมื่อผ่านตาไป ภาพของพวกเธอในอ้อมกอดอเมริกันขาว-ดำร่างยักษ์ บนรถสองแถวโดยสารเมื่อคืน
กลับผุดขึ้นแทนที่เสมอ ดังนั้น สมองกำลังนี้จึงครุ่นแต่คิดมากกว่าสนใจฟังหมู่เชียรกับกุมารจีนฝันเฟื่อง
กับงานขุดทองจากกระเป๋านักรบขาว-ดำ

   ๒ ทุ่มเศษ แดงกับผมขอตัวจากรุ่นใหญ่ออกไปเตร่ชมสภาพบ้านฉาง แล้วต่อรถสองแถวเข้าตัวเมืองระยอง
สู่สำนักนางโลมข้าง ๆ โรงภาพยนตร์เทพบันเทิงหารสคาวธรรมชาติผู้ชายก่อนคืนสู่เหย้า

  เฉียด ๕ ทุ่ม แดงชวนผมแวะซื้ออาหารคาว-หวานติดมือกลับบ้าน และพอกลับเข้าบ้านในเวลาต่อมา
ทั้งบ้านเหลือสาวทอมบอยชื่อ " กบ " รับหน้าอยู่นางเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าทั้ง ๔ คนเดินทางไปพบ
หลงจู๊เกียงเจ้าพ่อชลบุรี แดงจึงส่งถุงบรรจุอาหารให้

    " กบเอาข้าวผัดไปให้ ๓ คนในห้องนั่นกินหน่อยสิ ป่านนี้คงหิวแย่ "

   สาวทอมบอยหดมือกลับ มองหน้าเรา ๒ คน บอกอย่างเกรงใจ

  " พี่เชียรสั่งไม่ให้กินอะไรทั้งนั้นค่ะ แกต้องการลงโทษ "

   " แม้แต่น้ำ "

    " ค่ะ แกห้ามทุกอย่าง "

  คำบอกของสาวคุมเด็กเด็กจุดดีกรีความร้อนขึ้นในทรวงผม แต่สู้งำไว้ฟังความเห็นเจ้าของทรัพย์ค่าอาหาร
ที่หิ้วมาจากระยอง ซึ่งวัยคะนองไบเล่ย์ก็ว่าไปได้เจ็บ

  " กบไม่กินน้ำเหมือนพวกนั้นได้ไหม "

  กบไม่ต่อคำ ทำท่าผละหนี แดงสำทับเสียงเหี้ยม

  " ขอกุญแจห้องผม "

   สิ้นคำเขา สาวเจ้าผละเดินหนี วิบตา แดงกระโจนพรวดไปคว้าคอเสื้อสาวทอมบอย กระชากกลับเต็มแรง

  " โอ๊ย " กบร้อง หน้าแหงน มือกาง นัยน์ตาเหลือกลาน

   แดงชะโงกหน้าเข้าหา ถลึงตาใส่ตะคอกบอกอารมณ์หงุดหงิด

  " เอากุญแจมา "

   " โธ่..พี่แดง " หญิงสาวครวญ

  " อยากเจ็บตัวหรือ "

   กิตติศัพท์แดง ไบเล่ย์ กบสาวคงพอได้ยินชาวยุทธ์กล่าวขวัญว่าโหดถ้าไม่ได้ดั่งใจ เธอจึงล้วงกุญแจส่งให้
บอกเสียงพร่า

   " พี่เชียรย้ายขึ้นไปชั้นบนแล้วค่ะ "

   ได้กุญแจแล้ว วัยคะนองถือถุงอาหารของฝากที่ตั้งใจนำมาให้ ๓ สาวเดินขึ้นบันไดทันที ผมเองไม่ได้คิด
หน้าคิดหลังเรื่องภายหน้า คิดแต่จะไปดูสภาพการกักขัง ๓ สาวที่รุ่นใหญ่หมายนำความบริสุทธ์ของเธอไป
สังเวยผู้หลักผู้ใหญ่กับคนดังของจังหวัดเพื่อเปิดดงอนาจารรับนักรบต่างแดนเท่านั้น จึงตามดาวดังขึ้นไปติดๆ

   ถึงหน้าห้องที่ล็อกกุญแจอยู่ด้านนอก ซึ่งอยู่ขวามือสุด เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วเข้าหู แดงรีบไชกุญแจ
เปิดประตูถ่างออกกว้าง สัมผัสที่ได้รับทางจมูกทำให้ผมรีบยกมือขึ้นอุดจมูกตามสัญชาติญาณ

   " ใครเอา ขี้ มาไว้ในห้องหรือยังไงวะ " แดงพึม ทำจมูกฟุตฟิต

    ผมกวาดสายตามองรอบห้องฉับไว เมื่อเห็นสภาพภายในห้องชัดตา กลับขยับตัวไม่ได้แล้ว แดงเองพลอย
เซ่อที่เห็น ๓ สาวถูกโซ่ล่ามข้อมือ ยืนโยงไว้กับขื่อตามมุมห้องชนิดเปลือยอาภรณ์ทุกชิ้น กระนั้นยังเป็นภาพ
ธรรมดาสำหรับเราแต่ที่มันทรงเดชสะกดให้จังงังก็เพราะทั้งร่างเปลือยของ ๓ สาวถูกชโลมอุจจาระตั้งแต่
เส้นผมจรดตีนนั้นต่างหาก

   ๒๐ ปีที่ประพฤติตนนอกลู่ในลู่ พานพบเรื่องราวในยุทธจักรประหลาดพิสดารมาก็หลาย ยอมรับว่าไม่เคย
เห็นพฤติกรรมทารุณจิตใจมนุษย์ถึงขั้นนี้ จึงขอความเห็นเพื่อน

   " แดง  นายคิดยังไง "

  วัยคะนองหันขวับไปทางด้านหลัง ผมเหวี่ยงสายตาตาม บริเวณหน้าประตูปรากฏสาวทอมบอยสาวยืนหน้ามุ่ย
มองเรา ๒ คนอยู่ ทันใด แดงปราดเข้าหา กบสาวร้องลั่น

   " โอ๊ย...อะไรพี่ "

   แดงดั่งลืมน้ำใจและเมตตาที่เคยมีแก่สุภาพสตรีทั่วไปสิ้นเชิง มือตีนประดาจึงเข่นลงร่างทอมบอยสาวคุมเด็กรุนแรง
จนสลบคาประตู

   ต่อมาเขาจัดการให้อิสระ ๓ สาวและไล่เข้าห้องน้ำ ผมไปพยุงแม่กบเข้าไปนอนในห้องพร้อมปิดกุญแจขังไว้
กันวุ่นกว่าที่กำลังวุ่นอยู่ เมื่อกลับลงชั้นล่าง แดงบ่นพึม

   " เราลืมตัวว่ะ มันฉุน ไอ้ห่าผู้หญิงเหมือนกันไม่รักกัน "

  " เรื่องนั้นจบเหอะ " ผมว่า " ต่อไปนายจะเอายังไงกับผู้หญิงนั่น หมู่เชียรด่าแหลกแน่ "

   " เราจะพูดกับพวกเธอดีๆ ไหนๆ พ่อ แม่ก็เต็มใจขาย กับทั้งรับเงินเขาไปแล้ว อย่าดื้อดึงเลย "

  " พูดแค่นี้เหรอ " ผมข้องจิต

   " ถามเธอตรงๆ ว่าจะยอมเปิดบริสุทธิ์กับผู้ใหญ่หรือจะยอมให้แมงดามันลงแขก "

  คำบอกเพื่อนถูกต้องสำหรับวงการนี้ เพราะเด็กสาวบางคนที่ถูกหลอกมา หรือพ่อแม่ขายให้นั้น บางนาง
เป็นสาวพรหมจรรย์ การที่จะให้เธอรับแขก ( นอนกับชาย ) ที่ไม่ใช่คนรัก ใครจะยอมง่ายๆ บางรายถูกแมงดา
ซ้อมสะบักสะบอมก็ยังไม่ยอมทอดกาย

  เหล่าพ่อเล้าแม่เล้า ( เหี้ยม ) จึงใช้ไม้ตายสุดท้ายสั่งให้แมงดาในซ่องลงแขก

๖ เสือ สิงห์ อินทรี มังกร ชีวิตคือการต่อสู้

๖ เสือ สิงห์ อินทรี มังกร ชีวิตคือการต่อสู้

    ถ้อยคำนั่น ผมได้ฟังมาตั้งแต่เด็กทั้งยังจำมาขยายความหมายของมันด้วยพอรู้ความหมาย ความคิดในวัยเด็ก
ก็ฝันใคร่ได้มีชีวิตพเนจรผจญภัย ได้ต่อสู้เพื่อการดำรงชีวิตทุกรูปแบบเยี่ยงชาติชาตรี

   ถึงวันนี้ พอเริ่มต้นคอยรถเพื่อบรรลุถึงความฝัน ผมชักลังเลไม่แน่ใจว่าจะเอาตัวรอดไปได้แค่ไหน เข้าตำรา ปลาผิดน้ำ
ทหารนั่งสภา กระนั้นข้อหาบุคคลอันธพาลขังไม่มีกำหนดเดือนปีอขงคณะปฏิวัติทรงอำนาจกว่า จึงยืนเดี่ยวสะพายถุงเป้
ใส่เสื้อผ้ารอรถ บ.ข.ส. สายระยอง-กรุงเทพฯ ตรงเชิงสะพานพระโขนงสืบไป

   สักครู่รถ บ.ข.ส. สายที่จะนำผมพเนจรเข้าเทียบ เด็กรถแหกปากทำกิจแจ้ว ๆ

  " ชลฯ เตาถ่าน สัตหีบ กิโล ๑๐ สนามบิน นิวแลนด์ มาบตาพุด ระยองครับ "

   เมื่อขึ้นรถได้ที่นั่งเบาะหลังเกือบสุดชิดหน้าต่างขวาและรถเคลื่อน ผมนั่งเป็นพระพุทธไปตลอดทาง ส่วนก้อนเนื้อในกะโหลก
คิดเผื่อเหลือเผื่อขาดถึงงานที่มุ่งไปทำ หากบังเอิญหาไม่ได้แล้วจะทำประการใด

   อีกความรู้สึกหนึ่งกลับบอกว่า " เหอะน่า...ให้มันถึงที่สุดค่อยตัดสินใจ "

  ท่ามกลางความสับสนบนกบาลกับเรื่องของตัวเอง จู่ ๆ เรื่องพิสดารเกิดขึ้นกลางรถโดยสารที่กำลังตะบึงฝ่าความมืด
เข้าตัวเมืองชลบุรี

   เก๊าตี๋น่ะเอง

   ร่างเล็กเพรียวของเพื่อนเดินเอียงร่างแทรกช่องทางเดินแคบ ๆ กลางรถมาหา พลางยิ้มกริ่มทักทาย

   " ไม่คิดว่าจะเจอนายบนรถนี่ "

   " เหมือนกัน "

   ผมตามน้ำตามความจริงพร้อมส่ง " ซิก " ทางสายตาให้ระวังผู้โดยสารอื่น ๆ กุมารจีนม้าเก็งเอ๋าผู้ใกล้จะเป็น
มังกรจึงชักชวนให้ไปนั่งด้วยกันที่กลางรถ เลยตามไปนั่งด้วย

   เมื่อมีเพื่อน เก๊าตี๋เปิดปากทันที

  " นายจะไปไหน เปี๊ยก "

  " อู่ตะเภา "

   " ใจเดียวกันเป๊ะ " เก๊าตี๋ดีดนิ้วเปาะ " นายคิดจะทำอะไรที่นั่น "

  " อยากทำงานบาร์เพราะเที่ยวมามาก ตอนนี้ได้ข่าวว่าสนามบินใกล้เสร็จแล้ว ต่อไปพวกไอ้กันจะยกทัพไปอยู่ที่นั่น
งานบาร์คงไปได้สวย " ผมเปิดใจ

   " นายรู้จักใครที่นั่นหรือ " เพือนซัก

   " ไม่รู้จักใครเลย "

  " เหมือนกันว่ะ " กุมารจีนบอกปนหัวเราะเบา ๆ

  ที่สุดเรา ๒ คน ซึ่งยังไม่มีจุดหมายปลายทางแน่นอนยุติการสนทนา ให้เวลาความคิดตรองหาทางไปบนเส้นทางที่เป็น
ปรัศนีย์ สำหรับเก๊าตี๋ผมยังไม่รู้ว่าเขาจะเลือกทำ " งาน " ประเภทใด อายุเพียง ๑๙ - ๒๐ ปี ในสายตาคนเจนโลกทั้งเขา
และผมตำแหน่งงานคงหนีไม่พ้นเป็นลูกน้องคน ซึ่งมันคงแปลกถ้าเราประพฤติได้ โดยเฉพาะกุมารจีนเก๊าตี๋จะแปลกมาก
ถ้ายอมเป็นลูกน้องหรือแม้แต่จะเสียเปรียบคน

   นิสัยเช่นนี้เหมือนกันเกือบทั้งตระกูล ยกเว้นเจ๊หลั่นกับน้องชายคนสุดท้ายชื่อ " เกโง่ " ที่ไม่สนใจเรื่องราวของชาวยุทธ์
เท่าใดนัก

   สนามบินอู่ตะเภา เกือบ ๕ ทุ่ม ผมกับเก๊าตี๋พากันลงจากรถ บ.ข.ส. สะพายถุงเป้เดินสังเกตบริเวณด้านหน้าแคมป์
อันมีอาคารบ้านเรือนปลูกขึ้นหนาแน่น แต่เงียบเหงาผู้คน ตลาดกลางคืนหน้าแคมป์ มีคนไทยชาย-หญิง แต่งตัวฉูดฉาด
มาใช้บริการน้อยมาก หลังจากแวะกินอาหารบำรุงกระเพาะแล้ว ผมลองถามเด็กส่งก๋วยเตี๋ยวดูว่าของที่อยู่ในตู้เต็มตู้
จะขายคืนนี้หมดหรือ นี่ปาเข้าเกือบครึ่งคืนแล้ว ได้รับคำตอบว่า ตี ๓ บาร์ที่นิวแลนด์เลิกนักท่องราตรีทั้งไทย-เทศ
เพศหญิงและชายจะเฮมาที่นี่ อาหารทุกชนิดทุกร้านในตู้ที่ผมกังขาสามารถจำหน่ายหมดก่อนฟ้าสาง ซึ่งในเวลาต่อมา
ผมต้องเชื่อ

     ๕ ทุ่มของที่นี่เพิ่งหัวค่ำอยู่ครับ

   ออกจากร้านอาหารเดินทอดน่องใต้ฟ้าประดับดาว อัดบุหรี่แก้เปรี้ยวปากเป็นครังแรกนัยแต่ออกจากกรุงเทพฯ เก๊าตี๋ซึ่ง
ไม่เคยเสพของมึนเมาทุกประเภทเคี้ยวหมากฝรั่งหยับๆ กราดตามองคิวรถสองแถวเล็กเกือบร้อยคันที่จอดอยู่ข้างลานกว้าง
หน้าสนามบิน พูดลอยๆ

   " ถ้าเราอยู่ที่นี่นานๆ เราควรจะมีรถสองแถวเล็กสักคัน "

  " นายจะเอามาวิ่งรับฝรั่งหรือ "

   " ทำสารพัดประโยชน์ ที่นี่ขุมทองนะเพื่อน "

   ผมสะกิดใจกับคำว่า " ทำสารพัดประโยชน์ " ของกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า เลยเก็บค้างไว้ในใจ จากนั้นต่างสะพายถุงเป้ไปขึ้นรถสองแถว
สายสนามบิน-นิวแลนด์ สู่อาณาจักรบันเทิงนักรบต่างแดน สำรวจทิศทางจรกับอาชีพที่จะทำ

   ๒๐ นาทีโดยประมาณ สองแถวโดยสารหมุนวงล้อผ่านม่านกลางคืน สองข้างทางไปหยุดจอดตรงปากทางนิวแลนด์ ซึ่งประดับไฟ
หลากสีสว่างโพลงตลอดแนวแถว พอจ่ายค่าโดยสารเรียบร้อย เรายังไม่ดิ่งเข้าถนนเริงเมืองที่กำลังคึกคักผู้คนเฉพาะอย่างยิ่งนักรบ
ขาว-ดำ จึงพากันเดินชมวิมานราตรียังถนนฝั่งตรงข้ามไปจนถึงบาร์รำวง " ธาราทอง " เก๊าตี๋ชวนหมับ

  " เข้าไปที่บาร์นั่นสักพักนะ "

   " เผื่อเจอพวกเราใช่ไหม "

   " ไม่แน่นะ เผลอๆ มันอาจเผ่นมาก่อนเราก็ได้ " กุมารจีนวิเคราะห์

   พอหลุดตัวผ่านประตูบาร์มีม่านสีเลือดนกกั้นอีกชั้นเข้าไป เสียงดนตรีกับนักร้องที่แว่วๆ ตอนอยู่ภายนอกดังซ่าอึงไปทั้งหู ขณะยืน
กวาดตาหาโต๊ะมุมเหมาะกลางดวงไฟสีเขียวเรืองอวลด้วยหมอกควันเชื้อมะเร็งที่คับคั่งผู้ใช้บริการอยู่ บริการสาวเรียกด้วยแสงไฟ
ฉายให้เดินตามไปนั่งยังโต๊ะว่างไมไกลฟลอร์ นั่งดื่มเครื่องดื่มชมนางรำถูกไอ้หนุ่มต้อนคลายล้าพักใหญ่ สาวบริการเข้ามาถามว่าจะซื้อ
บัตรรำวงขึ้นไปดิ้นบ้างไหม

  เก๊าตี๋คงเห็นว่าเรา ๒ คน นั่งซัดน้ำส้มคนละขวด แต่ใช้ก้นนั่งบนเก้าอี้ร่วมชั่วโมงจนถูกเตือนโดยอ้อม เพื่อดึง " ช้างแดง " ( ๑๐๐บาท )
ซื้อบัตรซื้อเวลานางรำให้มาดิ้นมารำอยู่ข้างหน้าโต๊ะเราเพียงนางเดียวตามสมัยนิยม

   แต่อู่ตะเภาไม่ใช่ " นเรศวรบาร์ " กวาดตามองถ้วนหน้าแล้วล้วนร้อยพ่อพันแม่ พอนางรำวัยไล่ๆ กับพวกเราออกมาเต้นกับรำ
เบื้องหน้าได้ ๓ - ๔ เพลง นัยน์ตาที่บ่งถึงความไม่สบอารมณ์นัก เริ่มเกิดจากวัยคะนองโต๊ะใกล้เคียงนั่นเอง

   แล้วจะทำอย่างไร ?

   ไอ้เรื่องจะรอจนพวกมาบอกให้ปล่อยผู้หญิงให้ผู้อื่นครองสิทธิบ้าง ผมไม่ยอมรอถึงเวลานั้นแน่ จึงหาช่องทางแก้เลยหมดอารมณ์
เริงใจกับของสวยงามภายในฟลอร์สิ้นเชิง

  พลัน หนทางออกจุดแวบทางปัญญา

   " เก๊าตี๋ ออกไปดูที่อื่น ๆ บ้างดีกว่า "

   " เดี๋ยวให้บัตรหมดก่อน " เก๊าตี๋บอกเรื่อยๆ

   ผมเหลือบตามองบัตรซื้อเวลานางรำพลางบอกต่อ " ผู้หญิงที่เต้นอยู่นั่น ๕ เพลงแล้วนะ ขืนให้เต้นอีก ๔๕ เพลง เธอตายสนิท "

   เก๊าตี๋เงียบไป ผมตามเรื่องต่อ " บัตรที่เหลืออยู่นี่เราจะลองพูดขอเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยให้รางวัลผู้หญิงนะ "

   " นายกลัวมีเรื่องหรือ "

   " แล้วนายว่าสมควรมีไหม " ผมย้อน

   เขายิ้ม ผงกหัวหงึกๆ ผมไม่รอทอดเวลาให้เกิดเรื่อง จัดการมอบบัตรทั้งหมดให้สาวบริการนำไปเปลี่ยนเป็นพวงมาลัยมาให้เพื่อนคล้อง
คอนางรำแทน ซึ่งก็สามารถลดความเกรี้ยวกราดทางสายตาได้โข

   ครู่หนึ่ง จึงชวนเขาออกจากบาร์รำวงเดินข้ามถนนสุขุมวิทที่พาดกลางเข้าอาณาจักรบันเทิงอย่างไม่รีบร้อนนัก ต่อมาผมเหวี่ยงถุงเป้
เปลี่ยนไหล่เพราะชาหนึบไปทั้งแถบ หลายครั้งที่ไฟหน้ารถสองแถวโดยสารพุ่งไฟจี้หน้าเราจนต้องยกมือป้องหน้า รถทุกคันที่วิ่งสวนออกไป
ล้วนบรรทุกจีไอกับเมียเช่าเต็มรถ ระหว่างเดินไปถึงสถานเริงรมย์ " อเมเจอร์คลับ " บริเวณซอกแคบๆ ติดกับไนต์คลับมีร้านอาหารพื้นเมือง
กับรถเข็นจำหน่ายลูกชิ้นปิ้งตั้งบริการอยู่ ข้างๆ รถเข็นปรากฏสาวสวย ๒ นาง วัย ๒๐ ปีเศษ นุ่งยีนรัดรูป สวมเสื้อยืดสีชมพูกับสีเหลือง
แลทรวง ๒ เต้าตั้งตระหง่าน กำลังคอยแม่ค้าบรรจุอาหารใส่ถุงอยู่ ได้ผินหน้ามาทางเรา จึงเห็นโฉมหน้ากันชัดเจน แม่คุณอุทานมากกว่าเรียก

   " พี่-เฮีย "

   เราเบรกตัวเองราวนัดกัน เก๊าตี๋ขยับก้าวเข้าไปหา ถามทั้งๆที่ตัวเองอายุ ๑๙ ปี

  " เจอพวกๆ เฮียบ้างไหม "

  " เคยเห็นระยะนี้ ๒ คนค่ะ " ๑ ในอดีตกินรีโคมเขียวพะเนียงทองบอกชัดเจน

   " แหม่มเห็นใคร "

  " หมู่เชียรกับพี่แดง "

   " แดงไหน "

   " พี่แดง ไบเล่ย์ กับหมู่เชียรหัวหยิกค่ะ "

   สิ้นคำบอกเธอ เก๊าตี๋หันมามองหน้าผมเช่นเคย ส่วน ๒ สาวมองถึงเป้บรรจุผ้าห่มเนื้อบนไหล่เรา อึกใจอีกนางหนึ่งเว้าบ้าง หลังรับถุง
บรรจุลูกชิ้นปิ้ง

   " พวกพี่จะไปไหนกันนี่ "

        " ยังไม่รู้..." เพื่อนตอบ และเสริมหาข้อมูลคำบอกของสาวเมื่อครู่ " แหม่มรู้จักที่พัก ๒ คนนั่นหรือเปล่า "

     " แหม่มคิดว่าคงอยู่แถวๆ บ้านฉางค่ะ วันหลังถ้าเฮียอยากเจอแหม่มจะลองไปถามเพื่อนๆ แถวนั้นดู "

   " แล้วต่อไปเฮียจะพบแหม่มได้ที่ไหน "

   " คืนนี้พักบ้านแหม่มก่อนก็ได้ แหม่มอยู่กับซูซี่ ๒ คน ผัวไม่มีค่ะ "

   ผมลอบกระหยิ่มข่มใจระคนคิดถึงถ้อยคำเปิดเผยของแหม่ม เพราะภาษาเช่นนี้หญิงไทยไม่นิยมพูดกับเพื่อนต่างเพศ ส่วนกับแหม่มอดีตสาว
รุ่นอายุ ๑๔ ปี จากแดนดอกเอื้องเมืองฝาง ซึ่งใข้ร่างแลกกับเงินมาเกือบ ๑๐ ปี ( ก่อนผมเที่ยว ) กลางเมืองหลวง เธอพูดกับเราวันนี้
จึงได้แต่ลองนึกๆ ดูตามประสบการณ์ที่มีกับซ่องและโรงแรมพอสรุปได้ว่า ทั้งซูซี่และแหม่มถ้าเป็นเพศชายก็คงลายยันหางเหมือนเรา

   " เปี๊ยกจะเอายังไง จะพักโรงแรมสัตหีบ หรือที่บ้านแหม่มชั่วคราว " เก๊าตี๋เกิดลังเล

   " พักบ้านพวกเราเหอะพี่ " ซูซี่สาวผิวขาวว่าบ้าง

   " เธอ ๒ คนกำลังทำงานอยู่ไม่ใช่หรือ " ผมแอะ

  " ส่งแขกแล้ว คืนนี้ได้ ๑๐ เหรียญ ไม่ได้ออฟ "

   ผมเหวี่ยงสายตาไปทางเพื่อน เก๊าตี๋พยักหน้าเห็นงามจึงแห่ตามด้วย แต่พอขึ้นไปนั่งอัดกันบนรถสองแถวเล็กไม่เลือกชาติ วรรณะ
ก็ฟังแต่ฝรั่งพ่น พร้อมกับกอดหญิงไทยตัวเล็กๆ ขลุกขลักสนองอารมณ์มือไม้ตลอดทาง ชักพาลใคร่กรีดหน้านักรบขาว-ดำมาเทียบ
เลือดอันธพาลไทยนัก

    ถึงกิโลสิบ รวงรัง ๒ สกุณายามรัตติกาลผมนึกถึงย่านเสวนีย์แหล่งเสื่อมโทรมของกรุงเทพฯ ขึ้นมาทันที บัดนี้บรรดาเรือนหอ
รอไล่ได้ผุดขึ้นบนแผ่นดินที่ลุ่มอันเคยเห็นว่างเปล่าเมื่อ ๔ - ๕ ปีก่อน แน่นขนัดไปด้วยบ้านเรือนรูปทรงพิสดาร จากแสงไฟร้านอาหาร
นับสิบที่ตั้งอยู่ด้านหน้าหมู่บ้านช่วยให้มองเห็นส่วนประกอบตัวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว ใช้หลังคาสังกะสี ฝาบ้านใช้ไม้อัด
สูงจากพื้นน้ำเน่าราวศอกเศษ

  ๒ สาวเดินนำหน้าเราลงจากไหล่ถนนผ่านร้านค้าซ่าหริ่ม บัวลอยไข่หวานที่มีแม่ค้าหน้าหวาน ๒ - ๓ นางบริการลูกค้าอยู่ เสียงหนึ่ง
ดังมาจากร้านซ่าหริ่ม

   " เฮ้ย...อีซูซี่ เดี๋ยว "

   ๒ สาวหยุดกึก " อีนิ่ม " จาก " พะเนียงทอง " ย่านนางเลิ้ง หรือซูซี่หันขวับมองเข้าไปในร้านค้าซ่าหริ่มฟาสต์ฟู้ด หนุ่มหนึ่งตัดผมทรง
ลานบินหุ่นทรงเตี้ยล่ำวัยรุ่นพี่ แต่งตัวเปรี้ยว ลิ่วออกจากร้านมาหา ๒ สาวพลางเหล่ตามองผมกับเก๊าตี๋ ก่อนเบนสายตาไปทางซูซี่ ถามห้วนๆ

   " ของมีแล้ว จะเอาหรือเปล่าวะ "

   ซูซี่หันไปปรึกษาแหม่ม สาวงามแดนดอกเอื้องถามสุ้มเสียงพอกัน

  " เม็ดละเท่าไหร่ "

   " ๓ เม็ด ๑๐๐ ขาดตัว "

  " ส้นตีน...แต่ก่อนเม็ดละ ๑๐ ของขาดวันเดียวมึงขาย ๓ เม็ด ๑๐๐ "

   " หยั่งงั้น กูขายกันเอง ๔ เม็ด ๑๐๐ เอาไหม...นี่บาร์เลิกแล้ว ถ้าไม่เอา แล้วอย่ามาด่ากันล่ะ " พ่อค้าหนุ่มเปิดโอกาส

   ๒ สาวอึ้งเหมือนจำเลยจำนนพยานกลางศาลอึดใจ ทั้งคู่ดึงเงินออกมาคนละร้อยส่งให้พ่อค้าสินค้าที่ผมยังไม่เห็นหน้าตาสินค้า
ต่อมามันชี้มือและบอกให้เราไปยืนคอยที่ใต้ต้นตะขบห่างจากร้านค้าประมาณ ๒๐ เมตร เก๊าตี๋ถามขึ้นระหว่างรอคอยสินค้า

   " แหม่มกับนิ่มซื้ออะไรจากมัน "

   " ไฮโซน็อกค่ะ "

   เก๊าตี๋สงบปาก ผมดันอาทร " แหม่มกับนิ่มควรจะเลิกได้แล้ว กินมากจนติดมันทำให้เพี้ยนได้นะ "

   " ก็มันติดแล้วนี่พี่ " เธอตัดปัญหา

  เมื่อได้ยามอมมึนประสาทเรียบร้อย ๒ สาวพาเดินข้าไปบนสะพานไม้ ๒ แผ่น ซึ่งทอดยาวจรดบ้านอื่นๆ ไม่ลึกนักก็ถึงรวงรังอยู่ขุดทอง
อเมริกันหลังเล็กๆ ของเธอที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ประดับนอกจากปกนิตยสารต่างๆ ปะติดข้างฝาไว้รอบ

    " อาบน้ำก่อนเลยเฮีย พี่เปี๊ยกด้วย " ซูซี่อมยิ้ม

    ที่สุดค่อนคืนนั้น เก๊าตี๋กับผมก็ได้รับการปรนนิบัติจาก ๒ สาวรุ่นพี่ทั้งเลี้ยงดูทั้งปูเสื่อจนหลับผล็อยไม่ผิดทารก

   รู้สึกตัวอีกทีเพราะเพื่อนปลุก แต่เสียงที่ได้ยินครั้งแรกเป็นเสียงเด็กน้อยร้องไห้ ตามด้วยเสียงดุด่าทุบตี ต่อมาเป็นเสียงของกุมารจีนม้าเก็งเอ๋า

   " เปี๊ยก อี ๒ ตัวนั่นยกเค้าเราเกลี้ยงเลยว่ะ "

   " เฮ้ย..." ผมร้องได้คำเดียว

   เป็นความเจ็บปวดที่น่าอัปยศไม่น้อย ถ้าเรา ๒ คนประเมินตนเหนือคน แต่ถ้าปลงด้วยใจที่เที่ยงธรรม เก๊าตี๋กับผมได้ชำระหนี้กรรม
ไปบ้างแล้ว อย่างน้อยบนถนนของพวกเธอ เราเคยสมประสงค์จากน้ำเงินอันเจ็บปวดนั่นดุจเดียวกัน

   เหล่านี้เป็นความรู้สึกของผมที่สูญสมบัติในกระเป๋าเทียบราคาเงินไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ส่วนของเพื่อนมีเงินสดเกือบ ๕๐,๐๐๐ บาท
ปืนพกขนาด .๓๘  ๑ กระบอกพร้อมกระสุน

   " นายคงฉุนขาด " ผมเดาใจเพื่อน

   " ช่างมัน สมบัติควรผลัดกันชมว่ะ "

   นั่นเป็นครั้งแรกที่กุมารจีนม้าเก็งเอ๋า พกพาการเสียสละ เจือเมตตาโดยมิได้สำแดงอาการอื่นใด    

๕ เจมส์ ดีนรำลึก

๕ เจมส์ ดีนรำลึก
  

ถึงจะมีคณะทหารกระทำปฏิวัติขึ้นมาบริหารแผ่นดิน จนส่งผลให้ผู้เยี่ยมยอกในยุทธจักรเร้นกายไปจากบางกอก
ด้วยข้อหาประพฤติตนเป็นบุคคลอันธพาลทั่วหน้าแล้ว สังคมนอกวิทยาลัยของผมกับเพื่อน ๆ วัยคะนองกลับสดใส
เพราะมีวิวัฒนาการใหม่ ๆ จากเมืองนอกมาป้อนจนเปรม

    นับแต่แฟชั่น ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีขาว-สีแดง ( สีแดงฟอกจนสีออกชมพู ) ตลอดไปถึงรองเท้าหุ้มข้อหนังกลับ
หรือ " ฮาล์ฟ " ฝีมือ " ไอ้แก้ว " ( ห้างแก้วฟ้าบางลำพูปัจจุบัน ) จากรองเท้าต่อมาถึงกางเกงซึ่งมีนิยมอยู่ ๒ ทรง คือ
ทรงอเมริกัน สไตล์ขากระบอก ทรงนี้มีผลให้กางเกงมีจีบด้านหน้าสมัยนิยมของคุณลุงตกขอบไปจนบัดนี้ยังไม่มี
นักออกแบบกางเกงวัยรุ่นชายออกแบบกางเกงมีจีบผุดออกมาสักราย

    อีกทรงหนึ่งเรียกทรงฮ่องกง เอวเล็ก สะโพกโตพอง ขาเล็ก ๆ สไตล์นี้ต้องใช้ผ้าเสริมกระเป๋าหลายชิ้น ส่วนผ้าที่ชมชอบ
นำมาตัดกางเกง มีผ้าเสิรตแฟนซีโมโซโต้ และผ้าซาติน เป็นผ้ามันวับ สำหรับเสื้อ บังเอิญภาพยนตร์ " บลู ฮาวาย "
กับ " จีไอ บลู " ของเอลวิสกำลังฮิตติดบอร์ด จึงคลั่งเสื้อฮาวายลายเจ็บ ๆ กันขนาดหนัก ( เวลาสวมใส่พับแขนข้างละ ๒ ที-เจ็บ )
แม้จะแพงแสนแพง โดยเฉพาะบัตเบอร์มานั้น กระสันหาใส่อวดสาวเหลือเกิน

    ด้านเฟอร์นิเจอร์ติดกายมีเชือกร่มสีดำติดเหรียญดาราภาพยนตร์ขวัญใจวัยรุ่น เจมส์ ดีน ใช้ห้อยคอแทนพระคุณเจ้า
ทุกองค์ สุดท้าย ด้านอาวุธอันเคยพกพาสนับมือ มีดพก เหล็กขูดชารฟต์และหลาว ขณะนี้เหล่าวัยคะนองเริ่มขวนขวาย
หาปืนแทนใบเหล็กเนื้อดีด้วยเหตุผล

   ตามรอยรุ่นใหญ่ และตามสมัยนิยม

   วันหนึ่งราว ๆ ๖ โมงเย็น ขณะเล่นสนุ้กเกอร์อยู่กับพรรคพวกที่โต๊ะบิลเลียดบำเพ็ญบุญฝั่งตรงข้ามศาลาเฉลิมกรุง
เอ๊ด หลังวัง ได้รับรายงานจากเด็กของตนว่ามีชาวยุทธ์วัยคะนองไปตั้งหลักเตรียมประกาศตัวในงานที่พวกเรา " งด "
ที่จะไปเพราะเบื่อมีเรื่องมากผิดสังเกต

   เรียกว่าถนนนักบู๊วัยคะนองทุกสายมุ่งยังโรงภาพยนตร์กรุงเกษม เพื่อร่วมฉลองวันรำลึก เจมส์ ดีน พร้อมฉายภาพยนตร์
ประกอบและที่เรียกร้องความสนใจได้มากเป็นพิเศษ เพราะมีวงดนตรีขวัญใจวัยรุ่น " วาทินี " มากระหน่ำร็อกร้อน ๆ
ล่อกี๋โก๋เข้าอีก คงได้ขี่คอกันดินแน่ ๆ

   รู้ทั้งรู้ว่ารูปการณ์ต้องเป็นเช่นนั้น พอเอ๊ดชวนไปดูเหตุการณ์ที่นั่น ผมกลับไม่ขัดคอเพื่อน ทั้งยังจัดแจงวางคิวจ่ายค่าเกม
แล้วตามไปทัศนางานบันเทิงทันที

    ฟ้าเก็บแดดใกล้หมดไปจากฟ้า เมื่อผมกับเอ๊ดไปถึงจุดหมาย ความคิดที่คาดการณ์ว่าสภาพบริเวณด้านหน้าโรงภาพยนตร์
กรุงเกษมต้องแน่นขนัดด้วยเหล่าวัยรุ่นชายหญิงนั้น ขณะที่เห็นด้วยตามันมากเกินกว่าที่ผมคาดไว้อีก ผู้คนล้นออกไปยืนออ
ริมคลองผดุงเกษมฝั่งตรงข้ามโรงภาพยนตร์ยาวเป็นตับ

   เรา ๒ คนมองคนแล้วหันมามองหน้ากันเป็นเชิงถามว่าจะเอาอย่างไร จะลุยเข้าไปในโรงหนังหรือจะดูเหตุการณ์ภายนอก
ครู่หนึ่งเอ๊ดบอกสั้น ๆ

   " หาทางเข้าไปดีกว่า เราอยากดูวาทินีเล่นจังหวะร็อกให้เจ็บลึก ๆ ซะที "

   คำบอกเพื่อนชาวรั้วชมพู-ฟ้า ทำให้ผมย้อนถามอยู่ในใจ

   " นายคิดจะดูดนตรี หรือดูคนตีกันแน่วะ "

    จากนั้นเราสองต่างอัดตัวไหลไปตามคลื่นคนทีละก้าวท่ามกลางความร้อนอบอ้าวจนไปถึงประตูที่ทางโรงภาพยนตร์
เปิดกว้างให้แฟน ๆ เพลงที่ไม่สามารถเข้าไปทนอัดอยู่ในโรงภาพยนตร์ได้มีโอกาสยืนชะเง้อคอมองหัวนักดนตรีบ้าง

   เรา ๒ คนหยุดหอบ เป่าลมออกปากคลายร้อน ทั่วร่างโชกเหงื่อ ต่อมาจึงยืนเขย่งขามองข้ามหัวคนข้างหน้าไปยังบริเวณ
ฟลอร์ดิ้น ซึ่งใช้ระบบเล่นไฟแสงสีวูบวับพลอยให้เห็นโฉมหน้าโก๋กี๋กลางฟลอร์นับร้อยเพิ่มเป็นพัน ๆ โฉมหลอนตา

   " เข้าประตูไปข้างในกันเถอะ เปี๊ยก " เอ๊ดชวน

   ผมไม่กล่าวกระไร อาศัยลูกตามหลังให้เพื่อนเป็นหัวหอกนำผ่านประตู เข้าไปเจอความร้อนอบอ้าวยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก
มีคราวหนึ่งระหว่างที่เราเบียดเสียดตัวเองเข้าไป เอ๊ดได้ใช้ปืนตบปากวัยรุ่นเลือดกลบปากไป ๑ ราย เพียงคำถามไม่กี่
ประโยค

   " มึงจะมุดไปไหนของมึงกันวะ "

   พอได้ตบปากเด็กแสบด้วยด้ามปืนแล้ว แทนที่เอ๊ดจะเก็บปืนเข้าที่ กลับใช้อำนาจของมันชี้ขอทางวัยคะนองอื่น ๆ
เข้าไปจนใกล้ฟลอร์โดยไม่แคร์สายตาใคร

   บัดนี้ เสียงกึกก้องอึกทึกจากนักร้องนักดนตรีรวมไปถึงเสียงลูกคู่หางเครื่องดังอื้ออึง บรรดาเท้าไฟสุดสวิงเรียกเหงื่อได้
ชุ่มโชกเสื้อผ้าทั้งหญิง-ชาย

      " มันแห่กันมาทุกบางเลยว่ะ " ดาวดังวังบูรพาตะโกนบอกข้างหู

    ผมไม่ออกความเห็น กวาดสายตาสำรวจสภาพแฟนหนังและแฟนเพลงที่กำลังดำเนินสะท้านไปถึงเหง้าหูอย่างละเอียด
ความคึกคักบริเวณกลางฟลอร์ดิ้น ตอนนี้หมดสิทธิขยับตีนออกสเต็ป ได้เปลี่ยนเป็นยืนส่ายเอวดีดนิ้วแล้วทำขากระตุก
ไปตามจังหวะ เสียงปรบมือวิ้ดว้าดกระตู้วู้ระคนเสียงเป่าปากของประดากี๋ ปลุกเลือดลมโก๋หลายบางในเมืองหลวง
นั่งตูดไม่ติดเบาะเก้าอี้ เพราะมองนักดิ้นไม่ชัดตา พวกจึงลุกขึ้นจากเบาะเหาะขึ้นนั่งบนที่วางแขนทำเอวอ่อน คออ่อน
สะบัดหัวให้ผมปรกหน้า ลืมพรรคพวกที่นั่งคอยาวอยู่ข้างหลังเสียสนิท

   บนเวที กลางแสงไฟสว่าง บัดนี้ปรากฏวัยคะนอง ๒๐ คนขึ้นไปกระตุกขาโยกเอวกันแล้ว แม้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมวง
กับเจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์จะขอร้องให้ลงไปจนเกิดจับกลุ่มฮือฮาสำแดงปฏิกิริยาไม่พอใจ

    ส่วนพวกที่ยกก้นขึ้นไปนั่งบนที่วางแขนแทนที่จะนั่งบนเบาะก็ถูกถุงน้ำแข็ง รองเท้าแตะ และสิ่งของประดามี
จากพวกที่ถูกบังตาขว้างปาเข้าใส่โกลาหล

   " ถอยไปยืนติดผนังใกล้ประตูข้างนั่นดีกว่า "

  เอ๊กชักชวนด้วยรู้ทางลม เราจึงขยับถอยหลังไปยังประตูด้านข้างขวามือ ดนตรีจบเพลงที่กำลังเล่นครู่หนึ่ง โฆษกบนเวที
ขอร้องให้แฟน ๆ เพลงยุติความวุ่นวายเพื่อรับฟังเพลงสุดท้ายของวงที่เตรียมเสนอเพลงมันหยดของ เอลวิส เพรสลีย์
คอยท่าอยู่

   ผลลัพธ์...เกิดเสียงฮือฮาสำแดงความไม่พอใจเช่นเดิม ผมกับเอ๊ดซึ่งไปยืนอัดผู้คนใกล้ประตูออกด้านข้าง หันกลับ
ไปดูพฤติกรรมวัยคะนองคัดค้านคำประกาศโฆษก แต่นักดนตรีเดินเบสเสียงกระหึ่มสวนกระแสคัดค้านเสียก่อน

   " พวกประตูน้ำขึ้นไปคุยกับนักดนตรีแล้ว "

   ผมเห็นอีกน่ะแหละ ต่อมายังเห็นวัยคะนองย่านโรงเลี้ยงเด็ก สี่แยกแม้นศรี ยี่ห้อ เริง สวนมะลิ กับ พล ตรอกทวาย
นำกลุ่มวัยคะนองอีก ๗ - ๘ คนตามขึ้นไปบนเวที ถึงตรงนี้แฟนเพลงเริ่มรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงขอให้พนักงานรักษาทวาร
รีบเปิดทวารเสีย พวกกลับไม่ยอมท่าเดียว

    อึดใจ เอ๊ดแทรกร่างปราดไปที่ประตูหมายถอดกลอนประตูเอง ผมระวังหลังให้เพื่อนตามฟอร์ม

   อมิตตาพุทธ

   กลอนประตูถูกกุญแจดอกใหญ่คล้องทับอีกชั้น ผมหันกลับไปยังพนักงานโรงภาพยนตร์นายเดิมบอกห้วน ๆ

  " ขอลูกกุญแจด้วยครับ "

  พวกตีหน้าชอบกล มิหนำซ้ำขยับเดินหนี ผมฉุนขาด แต่ช้ากว่าดาวดังรั้วชมพู-ฟ้า ที่โผนเข้ากระชากคอเสื้อมันให้หัน
มาเจอะปากกระบอกปืนสั้นในมือพร้อมตะคอก

  " เอาลูกกุญแจมา "

   คราวนี้พนักงานหนุ่มไม่ขัดข้องยึกยัก จัดการล้วงมือเข้าไปยังกระเป๋าหลัง เสียงดนตรีเงียบกริบกะทันหันอีกคราว
ผมเฉียงตามองในจังหวะเดียวกับทางโรงปิดไฟสีและเปิดไฟฟ้าประจำโรงสว่างราวกลางวัน

   จู่ ๆ ประทัดไม่ทราบว่ากี่ตับถูกจุดโยนขุ้นไปบนเวทีที่นักบู๊ ๒ แก๊งกำลังโต้เถียงกันแตกปะทุสนั่นไปทั้งเวที ส่งผลให้
นักบู๊ถึงกับกระโจนลงจากเวทีไล่ตะลุยสาวกำปั้นใส่กลุ่มวัยคะนองกลางฟลอร์ทันควัน

   ผมหันกลับไปมองเพื่อนเพราะไม่เห็นเปิดประตูเสียที ที่ไหนได้ เพื่อนกับพนักงานหนุ่มกำลังง่วนลองลูกกุญแจทั้งพวงอยู่

   ภายในโรงภาพยนตร์ขณะนี้ชาวยุทธ์วัยคะนองหาญเข้าราวีกันจนแยกไม่ออกว่าสำนักใดกับสำนักใด เก้าอี้นั่งหลายแถว
ทานตีนกับแรงคนแตกตื่นไม่ไหว ถูกเหยียบถูกชนหักล้มระเนน เฉพาะที่ที่ผมกับเพื่อนออกันอยู่มีสภาพยัดทะนาน
กันแล้ว แต่กุญแจล็อกกลอนประตูยังหาลูกตัวจริงไม่พบอยู่ดี

   " ไอ้สัตว์เอ๊ย..." เอ๊ดโวยตัวเองที่สียบลูกกุญแจผิดรูเพราะรีบร้อน

   ส่วนผมร้อนไม่น้อยกว่เพื่อน เนื่องจากเสียงกริ๊ดกร้าดวิ้ดว้ายเช่นนี้เคยทำร้ายให้เจ็บลึกจนถึงบัดนี้ จึงลุ้นช่วยเพื่อนทางใจ
ส่วนดวงตาเก็บภาพวีรเวรที่ไม่ผิดกับตัวเองของเหล่าดาวรุ่งพรุ่งนี้ไว้ตามสันดาน

   พลันประตูถูกเปิดผางจากน้ำมือเพื่อน ร่างเรา ๒ คนแทบไม่ได้ออกแรงเคลื่อนไหว กระแสคนผลักดันออกประตูจนหัวทิ่ม
ไปคนละทาง ซึ่งก็มาเจอกันตรงริมวิถีที่มีรถเก๋งจอดเรียงรายเป็นตับ พอปักหลักได้หันไปทัศนาบริวเณประตูที่หลุดออกมา
เอ๊ดบอกเร็วปรื๋อ " เฮ้ย...ผู้หญิงนั่นล้ม "

   ผมหันขวับมองตามสายตาเพื่อนเห็นกี๋นางหนึ่งถลาล้มและกำลังลนลานลุก แต่ถูกเพื่อนสาวที่ไหลทะลักตามมาชนล้มทับ
ต่อเลยเสียหลักล้มครืนกันทั้งกลุ่ม เอ๊ดหันไปคว้ารั้วเหล็กของตำรวจจราจรลากไปขวางทางเดินลดความรุนแรงจากคลื่นคน
ฉับไวและช่วยคุณสาว ๆ ลุกขึ้นตั้งหลักหนีภัยได้ทัน

  ตรงซอกถนนข้างโรงภาพยนตร์ที่เรา ๒ คน ปักหลักชมเรื่องราว บัดนี้ชาวยุทธ์ที่พะบู๊ติดพันมาจากในโรงภาพยนตร์
โผนออกจับคู่และรวมกลุ่มราวีกันด้วยมีด ไม้ ท่อนเหล็กและแป๊ปน้ำวุ่นไปทั้งถนน

   " ไปเหอะวะ เดี๋ยวตำรวจมา " เอ๊ดบอก

   ผมเห็นด้วย อีกทั้งพลอยเข้าใจเรื่องที่เพื่อนบอกในตอนแรกว่า คืนนี้ที่นี่จะมีการประกาศตัวนักบู๊วัยระเริงขึ้นทำเนียบ
ดาวดังจากหลายบางแล้ว จริงแล้วเพราะในสนามนักบู๊ขณะนี้ มีหลายคนคล้ายหุ้มใจด้วยหนังเสือ หนังมังกร เช่น

   ตี๋น้อย, ใจผ่า, โอกุ่ยซัง, ตี๋ ปังตอ, แดง เอราวัณ, ดิน เจริญผล, ( น้องชายมาน เจริญผล ) , หมู เจตน์, นิด กุหลาบ, หมู พรานนก
และแขก โต้รุ่ง หัวหอกรุ่นเยาว์สำนักประตูน้ำของเฮียยอด

    เมื่อพากันเดินหลบหลีกความวุ่นวายไปถึงถนนริมคลองผดุงกรุงเกษมก็ถูก " ๔ คิงส์ " สก็อต สน. พลับพลาไชย
ประกบพร้อมสั่งให้เดินข้ามถนน ช่วงนั้นผมสบตาเพื่อนเตือนให้จัดการกับปืนที่พกอยู่เสีย และพอได้จังหวะวิ่งข้ามถนน
เอ๊ดถือโอกาสดึงปืนใส่กระบะรถบรรทุกเล็กที่วิ่งผ่านหน้าได้รอดตัวอย่างหวุดหวิด

  บนวิถีชายคลองผดุงกรุงเกษมตรงข้ามโรงภาพยนตร์กรุงเกษมเบื้องหน้าผม บริเวณป้ายรถเมล์มีเจ้าหน้าตำรวจ
ในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบเตร่อยู่เพียบ เรา ๒ คนถูกนำตัวไปยังศาลาที่พักผู้โดยสารรถเมล์พบนายตำรวจระดับ
สารวัตรพร้อมคำรายงาน

   " ๒ คนนี่ผมเจอขณะชุลมุนครับ "

   "  ค้นตัวหรือยัง  " สารวัตรถาม ตาจ้องหน้าเราเขม็ง

   ๑ ใน ๔ คิงส์ ขยับค้นตัวต่อหน้านายแทนตอบ ละเอียดยิบยันตีน ไม่พบสิ่งของผิดกฏหมาย จึงสั่งให้นั่งรอบนที่นั่ง
ภายในศาลาโดยมิได้ชี้แจงอะไรอีก