Saturday, January 5, 2013

นักเรียน VS นักเลง


เราควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง?
ตอบ : เราจะต้องไม่คบคนพาลหรือนักเลง แต่เราจะเลือกคบคนดี คือ บัณฑิตหรือนักเรียน เพราะคนพาลหรือนักเลงเป็นที่มาแห่งความชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย เราสามารถสังเกตคนพาลหรือนักเลงได้จากความประพฤติอันน่ารังเกียจของเขา คือ

1. คนพาลหรือนักเลงชอบชักนำไปในทางที่ผิด เช่น ชักชวนกันไปเที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา เล่นการพนัน เป็นต้น

2. คนพาลหรือนักเลงไม่ชอบวินัย ทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกฏหมายของบ้านเมือง แต่ชอบประพฤติผิดศีลธรรม

3. คนพาลหรือนักเลงชอบแต่สิ่งที่ผิด ชอบเห็นความพินาศเสียหายของผู้อื่น เมื่อเวลาตัวเองทำผิดก็ภูมิใจ

4. คนพาลหรือนักเลงชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระของตน คือชอบไปก้าวก่ายธุระหน้าที่ของผู้อื่น ปล่อยปละละเลยธุระของตนเอง

5. คนพาลหรือนักเลง แม้พูดจาดีๆ ด้วยก็โกรธ

เมื่อเห็นใครที่มีลักษณะเลวทรามเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง 5 ประการอย่างนี้ ก็ให้ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่า เขาเป็นคนพาลหรือนักเลง ไม่ควรคบหา เดี๋ยวเราจะติดนิสัยพาลหรือนักเลงไปด้วย

สำหรับ นักเรียนโดยความหมายแล้วคือผู้มี่มีใจรักในการศึกษาเรียนรู้ในวิชาการอันก่อให้เกิดคุณแก่ตนเองและคนรอบข้าง หรืออีกนัยหนึ่งคือ บัณฑิตซึ่ง หมายถึงผู้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้ควร รู้ไม่ควร รู้บุญ รู้บาป ซึ่งอาจจะรู้หนังสือได้รับปริญญาหรือไม่ก็ตาม แต่สามารถดำเนินชีวิตด้วยความรู้เหล่านั้นด้วยดี เมื่อเราคบบัณฑิตเป็นเพื่อน เราก็จะได้รับการถ่ายทอดความประพฤติและนิสัยที่ดีจากบัณฑิต ทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ทั้งด้านการงานและชีวิตส่วนตัว ถึงแม้ว่าเราจะมีศัตรูเป็นบัณฑิต ด้วยความเห็นผิดเป็นชอบของเรา ครั้นเมื่อเรากลับตัวเป็นคนดี บัณฑิตย่อมไม่ถือโทษโกรธเคือง แต่จะกลับเป็นมิตรแท้ให้แก่เราจนวันตาย เพราะฉะนั้น ((( ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ค น พ า ล ห รื อ นั ก เ ล ง )))

เนื่องจากคนพาลมีใจขุ่นมัวอยู่เสมอ ทำให้ไม่สามารถควบคุมใจให้คิดไปในทางที่ถูกต้องได้ คนพาลจึงมีลักษณะวิปริตผิดจากคนทั้งหลาย ๓ ประการ คือ
๑. ชอบคิดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ คิดละโมบอยากได้ในทางทุจริต คิดพยาบาทปองร้าย คิดเห็นผิดเป็นชอบ ฯลฯ
๒. ชอบพูดชั่วเป็นปกติ ได้แก่ พูดปด พูดคำหยาบ พูดส่อเสียดยุยง พูดเพ้อเจ้อ ฯลฯ
๓. ชอบทำชั่วเป็นปกติ ได้แก่ เกะกะเกเร กินเหล้าเมายา ชอบล้างผลาญชีวิตคนและสัตว์ ลักทรัพย์ ฉุดคร่าอนาจาร ฯลฯ

((( ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง บั ณ ฑิ ต ห รื อ นั ก เรี ย น)))

เนื่องจากบัณฑิตเป็นผู้มีจิตใจผ่องใส มีความเห็นถูก ดำเนินชีวิตอยู่ด้วย ปัญญา ฉลาดในการสอดส่องหาเหตุผล จึงมีลักษณะพิเศษสูงกว่าคนทั้งหลาย ๓ ประการ คือ
๑. ชอบคิดดีเป็นปกติ ได้แก่ คิดให้ทาน คิดให้อภัยอยู่เสมอ ไม่ผูกพยาบาท คิดเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง เช่น เห็นว่าบุญบาปมีจริง พ่อแม่มีพระคุณต่อเราจริง เป็นต้น
๒. ชอบพูดดีเป็นปกติ ได้แก่ พูดคำจริง พูดคำสมานไมตรี พูดคำมีประโยชน์ พูดด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และพูดถูกต้องตามกาลเทศะ
๓. ชอบทำดีเป็นปกติ ได้แก่ มีเมตตากรุณา ประกอบสัมมาอาชีวะ ทำบุญให้ทานเป็นปกติ รักษาศีล ทำสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ


  "ใบไม้ที่ห่อหุ้มปลาเน่า
ย่อมต้องพลอยเหม็นแปดเปื้อนไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบคนพาล ก็ย่อมต้องพลอยเสียชื่อเสียง
ติดความเป็นพาลเดือนร้อนเสียหายไปด้วยฉันนั้น"
ดังจะเห็นได้ว่าโรงเรียนที่มี นักเรียนที่เป็นนักเลง โรงเรียนและเพื่อนที่เรียนในโรงเรียนนั้นๆก็ย่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย สถานที่อยู่ของคนพาลหรือนักเลงไม่ใช่โรงเรียนแต่เป็นเรือนจำ

"ผ้าที่ห่อหุ้มของหอม
ย่อมพลอยหอมตลบอบอวลตามไปด้วยฉันใด
ผู้ที่คบบัณฑิต
ก็ย่อมพลอยได้รับความรู้ ความสามารถ
และความดีตามบัณฑิตไปด้วยฉันนั้น"
ดังจะเห็นได้ว่าโรงเรียนที่มี นักเรียนที่เรียนเก่ง โรงเรียนและเพื่อนที่เรียนในโรงเรียนนั้นๆก็ย่อมมีชื่อเสียงไปด้วย ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็ต้องการ สังคมก็ต้อนรับ ครอบครัวก็ชื่นบาน

By: หลวงพ่อตอบปัญหา

0 comments:

Post a Comment